ตอนที่ 428 ใช่มนุษย์หรือไม่

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 428 ใช่มนุษย์หรือไม่?

ตอนที่ 428 ใช่มนุษย์หรือไม่?

หัวเป็นมังกร ตัวเป็นม้า และมีเกล็ดแบบเดียวกับมังกร

สวี่หลิงอวิ๋นมองดูสิ่งมีชีวิตที่มีเกล็ดสีดำสนิท และเห็นว่ามันสามารถพ่นประกายไฟออกจากโพรงจมูกได้เป็นครั้งคราว นอกจากนี้ยังมีนิ้วเท้าเป็นจำนวนคู่

คล้ายคลึงกับยูนิคอร์นหรือสัตว์ในตำนานของเหล่ามนุษย์!

สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองไปที่บอนาร์ผู้ดูคล้ายกับสัตว์ในตำนานด้วยความนับถือ ก่อนจะหันไปถามเสี่ยวอ้ายว่า “เสี่ยวอ้าย นั่นคู่หูแกเหรอ?”

เสี่ยวอ้ายถอนหายใจเบา ๆ ไม่แม้แต่จะมองดูบอนาร์ “เสี่ยวอ้ายไม่มีคู่หูแบบนี้! โฮ่ง!”

บอนาร์ใช้กรงเล็บข่วนพื้น และเงยหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ “มนุษย์ เจ้าเป็นนายท่านของเสี่ยวอ้ายเหรอ?! เจ้าช่างตาแหลมนัก!”

“ข้ากับเสี่ยวอ้ายรู้จักกันมาพันปีได้แล้ว!”

สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า แล้วมองดูเสี่ยวอ้าย “ในเมื่อเป็นคู่หูของเสี่ยวอ้ายก็ต้องดูแลเพื่อนให้ดีสิ”

เธอมองท่าทางปากอย่างใจอย่างของเสี่ยวอ้ายออก แม้เสี่ยวอ้ายจะบอกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คู่หูก็ตาม แต่หลังจากที่ได้ยินบอนาร์บอกว่ารู้จักมัน หางของมันก็เริ่มกระดิกสูงขึ้น!

เสี่ยวอ้ายปากแข็งจังเลยนะ!

สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มแย้มและเชื้อเชิญบอนาร์ “อยากไปนั่งเล่นในที่ของฉันไหมล่ะ? ฉันมีของอร่อยให้ได้ลองเยอะเลยนะ!”

บอนาร์พยักหน้า กำลังจะตอบว่าอยากไปด้วย ทว่าเสี่ยวอ้ายกลับปริปากพูดเสียก่อน

“โฮ่ง! ไปไม่ได้หรอก! โฮ่ง! ถ้าเจ้านี่รู้ว่าพวกเราอยู่ไหน มันจะต้องรายงานสถานการณ์ให้เจ้านายรู้เรื่องแน่! ฮึ่ม! โฮ่ง! มันเป็นสายลับ!”

อ๊ะ! สัตว์ในตำนานตัวนี้มีเจ้าของแล้วเหรอ?!

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกผิดหวัง!

บอนาร์หันไปมอง “ไม่ใช่เจ้านายโฮก! เขาเป็นแค่คู่หูของบอนาร์!”

อสุรกายยักษ์ทั้งสองเริ่มโต้เถียงกันราวกับเด็กน้อย

หญิงสาวชาวมนุษย์มองดูด้วยความหวาดกลัวจนใจเต้นรัว ก่อนจะถูกพาเข้าไปในยานอวกาศอีกครั้ง

หลังจากขับยานอวกาศทะยานออกไปเป็นเวลานาน ชายในชุดคลุมสีดำก็หยุดอยู่ตรงหน้าก้อนหินที่อยู่ห่างไกลออกไป เขาวาดรูปสัญลักษณ์สองสามอย่างจนกระทั่งประตูเปิดออก

เขาเดินเข้าไปข้างใน

ภายในนั้นปรากฏให้เห็นอีกโลกหนึ่ง

มีกลุ่มมนุษย์ส่วนน้อยที่กำลังฝึกซ้อมกันอยู่ด้านใน เด็กบางคนยิ้มร่าขณะวิ่งเล่น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องทำกิจกรรมบนภูเขา แต่ใบหน้ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำเดินเข้ามา หลังจากถอดหน้ากากออก ชายหนุ่มรูปงามก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

“นายท่าน กลับมาแล้วเหรอครับ?!” ชายที่มีเขามังกรเดินเข้ามา หยิบเสื้อคลุมมาจากมือของเขา และมองดูที่ด้านหลัง “นายท่าน เกิดอะไรขึ้น?”

ทำไมถึงไม่มีผู้หญิงและเด็กทารกที่ได้จากการประมูล?

อวี้ซินส่ายหัว “ถูกลักพาตัวไป”

ทันทีที่เขาพูดจบ หนุ่มสาวเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็เข้ามารวมตัวกัน “นายท่าน เกิดอะไรขึ้น?! ให้พวกเราไปช่วยไหมครับ?”

อวี้ซินมองดูใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระฉับกระเฉง และส่ายหัว “ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว อีกอย่าง เดี๋ยวพวกนายรีบพาคนไปที่จักรวรรดิดวงดาวด้วย เพื่อความปลอดภัยของเด็กพวกนี้”

“นอกจากนี้จะต้องติดตามคนพวกนี้อย่างใกล้ชิด ระวังว่าคนในกลุ่มพวกเราอาจจะโดนล้างสมองได้”

แม้ว่าคนเหล่านี้จะผ่านการทดสอบมาหลายขั้นตอน แต่ในเมื่อมันเกี่ยวข้องกับวิกฤตการณ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ พวกเขาก็จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

หนุ่มสาวทั้งหลายพากันพยักหน้า “วางใจได้ครับนายท่าน!”

“พวกเราจะสวมหน้ากาก คนภายนอกจะได้คิดว่าเราเป็นเอลฟ์ หรือไม่ก็คิดว่าพวกเราเป็นโกต้า จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน”

อวี้ซินพยักหน้า คนหนุ่มสาวพวกนี้ยังอายุไม่มากนักแต่ก็ติดตามเขามาหลายปีแล้ว คนพวกนี้ค่อนข้างกล้าหาญ และมักจะไม่ก่อให้เกิดปัญหา

ชายเขามังกรสังเกตเห็นดวงตาที่หนักอึ้งของเขา เขาจึงไล่คนหนุ่มสาวออกไป และเดินกลับเข้ามาในห้องกับอวี้ซิน

“นายท่าน มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”

“แล้วบอนาร์ล่ะครับ? มันไม่ได้ออกมาช่วยท่านเหรอ?”

คงจะดีกว่านี้ถ้าไม่พูดถึงบอนาร์ เพราะอวี้ซินรู้สึกโกรธมากเมื่อได้ยินชื่อของมัน

“บอนาร์ทรยศเรา” อวี้ซินไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันกำลังทำอะไร!

แค่เห็นอะไรสวยหน่อยก็ไปไม่เป็นเลยหรือไง?!

เจียวหลงครุ่นคิดครู่หนึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น “คนที่ไล่ตามพวกเราน่าจะมาจากตลาดมืด อยากให้ผมตรวจสอบไหมครับ?”

“ไม่ต้อง ฉันรู้ว่าเป็นใคร” อวี้ซินถอนหายใจ และทันใดนั้นก็ได้กลิ่นฉุนกึก “บาร์บีคิวเหรอ?”

“ครับนายท่าน!” เจียวหลงตอบ “ลูกค้าผู้หญิงไม่ได้เอาแขนกลกลับไปด้วย ผมเลยเอามันกลับมา!”

“ยังมีเครื่องปรุงรสกับวัตถุดิบเหลืออีกเยอะเลย ผมกะว่าจะเอาแขนกลกลับมาย่างบาร์บีคิว และแบ่งให้พวกเด็ก ๆ ได้ลองกินดู”

เจียวหลงนึกถึงใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเด็กน้อยทั้งหลาย ช่างเป็นรอยยิ้มที่น่ารักยิ่งนัก

ทว่าอวี้ซินไม่ได้อารมณ์ดีขนาดนั้น คนที่ลักพาตัวมนุษย์ไปคือลูกค้าผู้หญิงที่เจียวหลงพูดถึง

เขาไม่คิดไม่ฝันว่าอสุรกายสีดำสนิทจะเป็นเพื่อนกับเสี่ยวอ้าย อสุรกายในตำนาน

ถ้าเป็นอสุรกายเสี่ยวอ้ายนั่น…

เขาคงจะเอาชนะไม่ได้! เห็นได้ชัดว่าบอนาร์ก็เสียท่าเพราะความงามของอีกฝ่าย!

การที่เสี่ยวอ้ายเป็นอสุรกายในฝันของบอนาร์ไม่ใช่ความลับสำหรับเขา

แต่ก็ไม่คาดคิดว่ามันจะทรยศหักหลังเขา!

เมื่อคิดเช่นนั้น จู่ ๆ ก้อนหินก็ขยับอีกครั้ง!

อวี้ซินกระชับมือแน่นและรีบวิ่งออกไปทันที เป็นไปได้ไหมว่าบอนาร์จะพาเจ้านายของเสี่ยวอ้ายมาบีบคอของพวกเขาโดยตรง?!

เขารีบออกไปดูก็เห็นว่าเป็นอสุรกายบอนาร์ ไม่มีใครอื่นติดตามมา

หัวของมันลู่ลง ความสูงส่งที่มักจะเห็นได้ตลดเวลาหายไปไหนแล้ว!

“โย่ นี่มันใครกันเนี่ย! คนคลั่งรักบอนาร์นี่เอง!” แม้ว่ามันจะอบรมสั่งสอนอวี้ซินอย่างดี แต่อีกฝ่ายก็อดไม่ได้ที่จะพูดเสียดสีออกไป

เจียวหลงดึงอวี้ซินเอาไว้ นายท่านควรจะสร้างสมบุญกุศลเข้าไว้ ในเมื่อท่านเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้!

บอนาร์มองดูอวี้ซินด้วยความขุ่นเคือง “โฮก! เจ้าอวี้ซินตัวน้อย! เจ้าคงไม่รู้ถึงความรอบคอบของข้าเลยสินะ!”

“แกมีความรอบคอบอะไรงั้นเหรอ?” อวี้ซินสูดลมหายใจเข้าปอด

“ฉันบอกแกแล้วไงว่าถ้าแกไม่ยอมช่วยแม่ลูกคู่นั้น ต่อจากนี้ฉันจะไม่สนใจแกอีก!”

บอนาร์ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินคำพูดของอวี้ซิน มันส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ถูก “ยิ่งโตก็ยิ่งใช้ไม่ได้เรื่อง!”

“เดิมทีข้าจะใช้โอกาสนี้บุกเข้าไปหาเจ้านายของเสี่ยวอ้าย เพราะว่าเจ้านายคนก่อนหน้าของเสี่ยวอ้ายเป็นมนุษย์ เพราะงั้นเจ้านายคนปัจจุบันก็ต้องเป็นมนุษย์เหมือนกัน!”

อวี้ซินกับเจียวหลงตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“นั่นมันเอลฟ์ชัด ๆ!”

“พวกเจ้าทั้งสองคนกล้าตัดสินคนที่ภายนอกกันเรอะ! ทีพวกเจ้ายังใส่หน้ากาก คนอื่นก็คงเหมือนกัน!” บอนาร์จ้องมองเจ้าเด็กดื้อทั้งสองที่มันเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กด้วยความดูถูก ถึงจะดูฉลาดหลักแหลม แต่กลับโง่เขลาน่าเวทนายิ่งนัก

เจียวหลงกระแอมเล็กน้อย และมองไปที่อวี้ซิน “ในเมื่อบอนาร์พูดแบบนี้ งั้นก็น่าจะใช่นะ!”

อสุรกายจะค่อนข้างไวต่อกลิ่น นอกจากนี้อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่มายาวนานกว่าหมื่นปี จะมีอะไรที่ไม่เคยเห็นอีก?

บางทีมันอาจจะพูดถูกก็ได้!

อวี้ซินได้ยินอย่างชัดเจน เขาจะต้องพิจารณาทุกอย่างใหม่อีกครั้ง!

เขามองไปที่เจียวหลงแล้วถามขึ้นว่า “มีข้อมูลของอีกฝ่ายไหม?”