บทที่ 416 การเล่นซนของเจ้าดำ

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 416 : การเล่นซนของเจ้าดำ

บทที่ 416 : การเล่นซนของเจ้าดำ

“ไม่นะ…” มาเรียร่างซวนเซ ทว่ากลับถูกเงาดำควบคุมไว้ เธอพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้น แต่ก็พบว่าร่างของตัวเองถูกแยกออกจากวิญญาณ ไม่สามารถควบคุมได้เลย!

เธอสัมผัสได้ว่าวิญญาณของเธอถูกกระชากแยกออกมาจากร่าง และอดกรีดร้องอย่างหวาดกลัวไม่ได้

มาเรียไม่กล้าดิ้นรนอีกต่อไป เธอรู้ว่าตัวเองกำลังตัวสั่นเทาเข้าใกล้ความตายที่แท้จริงเข้าไปทุกที สิ่งที่เงาดำนั้นควบคุมไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็นวิญญาณของเธอ

“คุณมาเรีย ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?” หลินเจี๋ยออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ พยายามพยุงมาเรียที่ดูคล้ายจะชัก

“อะไร!!”

ทันทีที่มาเรียเห็นหลินเจี๋ย เธอก็กรีดร้องออกมาเสียงแหบ ม่านตาสีฟ้าอ่อนหดตัว เผยสีหน้าตื่นกลัวราวเห็นผี

“ช่วยด้วย! ช่วย…ช่วยด้วย!!” มาเรียถูกความกลัวครอบงำโดยสมบูรณ์ เธอเหวี่ยงมือหลินเจี๋ยออก เบิกตากว้าง เธอเห็นได้ชัดเจนว่าเงาดำที่ควบคุมเธอเมื่อครู่กำลังยืนอยู่ข้างหลังหลินเจี๋ย

มันจ้องมองเธออย่างนิ่งงันเช่นนั้น

“เอ่อ คุณผู้หญิงครับ ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ”

หลินเจี๋ยเห็นมาเรียหอบหายใจราวกับตรงหน้ามีบางอย่างน่ากลัวสุด ๆ อยู่ และดูเหมือนสิ่งที่เธอกลัวจะอยู่ข้างหลังเขาพอดี

หลินเจี๋ยหมุนตัวกะทันหัน และพบเข้ากับเจ้าดำ

เจ้าดำผู้ยินดีช่วยซ่อมหลอดไฟ สับเบรกเกอร์ไฟฟ้า ไม่มีพิษภัยต่อมนุษย์และสัตว์

“เจ้าดำ” หลินเจี๋ยอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกระซิบอย่างไม่รู้ตัว

เงาดำเอียงคอและหายไปทันที และมาเรียก็ทรุดลงกับพื้นเหมือนถุงผ้า ราวหมดสิ้นทุกเจตจำนง

ดูเหมือนว่าสิ่งที่มาเรียกลัว…จะเป็นเจ้าดำที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาตอนไหนไม่รู้

ความเห็นของหลินเจี๋ยต่อเจ้าดำนั้นที่จริงคือรู้สึกขอบคุณ เพราะถึงอย่างไร มันก็ให้ห้องสมุดที่มีหนังสือทุกเล่มบนโลกมนุษย์ เติมเต็มความฝันสูงสุดให้กับเขา

ยิ่งกว่านั้น เจ้าดำยังเป็นมิตรมาก ๆ และไม่เคยทำร้ายเพื่อนของเขาเลย รวมไปถึงมูเอนกับโจเซฟและแขกคนอื่น ๆ ของร้านหนังสือด้วย ดังนั้นหลินเจี๋ยจึงถือว่าเจ้าดำเป็นอะไรคล้าย ๆ วิญญาณในอนิเมะที่เขาเคยดูมาก่อน

ส่วนจุดประสงค์ของเจ้าดำ ตัวตนของมัน หลินเจี๋ยไม่ได้ใส่ใจเลย เพราะถึงอย่างไรทุกคนต่างมีความลับของตัวเอง และเขาไม่เคยสัมผัสถึงจิตมุ่งร้ายจากเจ้าดำได้สักครั้ง แถมมันยังไม่ค่อยปรากฏตัวอีกต่างหาก

แต่วันนี้แตกต่างออกไป…

เจ้าดำโผล่มาในทัศนวิสัยของคนอื่นเป็นครั้งแรก และดูเหมือนจะไปทำให้อีกฝ่ายกลัวเสียด้วย

นี่คือครั้งแรกที่เจ้าดำโผล่มาต่อหน้าลูกค้าร้านหนังสือ และจากมุมมองบางมุม เจ้าดำก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

ถึงแม้ว่าหลินเจี๋ยจะเป็นมิตรมาก แต่เขาก็สัมผัสได้ชัดเจนว่ามาเรียกำลังมาหาเรื่องเขา เพราะถึงอย่างไรก็มีเรื่องของฮู้ดอยู่

ยิ่งกว่านั้น การปรากฏตัวของเจ้าดำยังดูคล้ายภูตผี เป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปอย่างมาเรียจะตกใจกลัว

“คุณผู้หญิงครับ!” หลินเจี๋ยคว้าไหล่ของมาเรีย บังคับเธอให้ใจเย็นลง จากนั้นจึงกล่าวปลอบขวัญยิ้ม ๆ “ที่นี่ไม่มีอะไรนี่ครับ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

หลังจากมาเรียได้ยินดังนั้น ใบหน้าซีดเซียวเหม่อลอยของเธอจึงได้สติและดูจะใจเย็นลงเล็กน้อย เธอจ้องค้างที่รอยยิ้มของหลินเจี๋ย ในขณะที่หลินเจี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้มตาหยี “เห็นไหมครับ ร้านหนังสือของเราสะอาดมาก ไม่มีอะไรเลยครับ”

ในขณะที่เขากำลังพูด เงาดำใหญ่ยักษ์ก็ค่อย ๆ พองตัวขึ้นเบื้องหลังเขา แย้มยิ้มและปกคลุมทั้งร่างของเขาในเงามืด งอกเส้นหนวดดำ ๆ นับไม่ถ้วนออกมาโบกไสวราวศีรษะของกอร์กอนโดยไม่ปิดบัง

คำพูดอันอ่อนโยนของหลินเจี๋ยแปรเปลี่ยนเป็นคำขู่สุดแสนน่าสะพรึง

“ค…ค…คุณ…” มาเรียพูดติดอ่างด้วยความตระหนก ก่อนที่หลินเจี๋ยจะทันมีปฏิกิริยา เธอก็ถอยกรูดไปหลายก้าว แทบล้มลุกคลุกคลานไปเปิดประตูร้านหนังสือหนีออกไปข้างนอกราวกับมีบางอย่างน่าสะพรึงกลัวไล่หลังเธอมาแล้ว ทิ้งหลินเจี๋ยยืนงงอยู่ข้างหลัง

หลินเจี๋ยเงียบไป…

วิ่งแบบนี้จะดีเหรอ? ของหล่นหมดแล้ว…

หลินเจี๋ยขมวดคิ้ว หยิบสมุดบันทึกเล่มเก่าที่มาเรียทิ้งไว้กับพื้นพลางมองเธอที่วิ่งหนีไป ถอนหายใจและหันหลังกลับ ทันทีที่ขาหันกลับมา เจ้าดำที่กำลังแยกเขี้ยวยิงฟันก็รีบมุดหายเข้าเงาไปจนมีขนาดเท่า ๆ กับเขา

“นี่วันนี้คุณเป็นอะไรเนี่ย? อยากทำอะไรกันแน่ครับ?” น้ำเสียงของหลินเจี๋ยงุนงงและไม่ค่อยชอบใจนัก เขากระซิบ “อยากให้ผมเผยแพร่หนังสือ แต่ทำไมถึงไล่ลูกค้าไปล่ะ? ไม่ใช่ว่าให้ภารกิจผมมาแบบนั้นเหรอ?”

เจ้าดำไม่ขยับเขยื้อนราวกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าเล่นซน ตัวลีบฟังหลินเจี๋ยเทศนาอย่างเชื่อฟัง

“แต่ช่างมันเถอะ…ดูเหมือนคุณจะอยากเก็บแผ่นศิลานั่นไว้ใช่ไหมครับ?” เขาเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ มองเศษแผ่นศิลาทั้งสามบนโต๊ะ

จากนั้นเขาก็มองเจ้าดำ ชี้ไปที่เศษแผ่นศิลา “คุณอยากกินนี่เหรอ?”

เจ้าดำไม่มีปฏิกิริยา มันทำเพียงจ้องมองเผชิญหน้าหลินเจี๋ย

ถ้าเจ้าดำไม่อยากกินแผ่นศิลาตรงหน้านี่ หรือเจ้าดำจะเป็นศัตรูของแม่มดแห่งอัคคี?

การที่มันนำทางหลินเจี๋ยมาที่นี่ดูจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว เพราะมันมาจากที่นี่

มันรู้! และมันต้องการเขา…

ถ้าอย่างนั้น เจ้าดำคือตัวตนแบบไหนในประวัติศาสตร์ของอาซีร์ล่ะ?

หลินเจี๋ยครุ่นคิดพลางจ้องมองเงาตรงหน้าเขา

ครู่ต่อมา หลินเจี๋ยก็สูดหายใจลึก ค่อย ๆ ยกมือขึ้นเอื้อมไปหาเงา

หลินเจี๋ยก็ไม่รู้ว่าเขาทำไปทำไม? คงเพราะเขาอยากสัมผัสเจ้าดำสักหน่อยใช่ไหม? นี่คือครั้งแรกที่เขาลองทำเช่นนี้ในตลอดหลายปีนับแต่พบเจ้าดำ

มีอะไรอยู่ในเงานั่นกัน จะเป็นอะไรสักอย่าง หรือเป็นแค่เงาเย็น ๆ เหมือนน้ำ?

ทว่าม่านตาของหลินเจี๋ยกลับหดตัวกะทันหันอย่างไม่คาดฟัน เพราะเขาเห็นเจ้าดำทำแบบเดียวกัน!

มันดูจะเลียนแบบเขา ทั้งสองต่างเอื้อมมือออกมาพร้อม ๆ กัน และปลายนิ้วทั้งสองก็สัมผัสกันในชั่วเสี้ยววินาที

ปลายนิ้วของหลินเจี๋ยสัมผัสถึงอุณหภูมิได้อย่างไม่คาดฝันมาก่อน มันดูจะเป็นอุณหภูมิเดียวกันกับมือของเขาเอง หลินเจี๋ยอึ้งเล็กน้อยและอยากลองสัมผัสเจ้าดำมากกว่านี้…

ทว่าเจ้าดำกลับวูบไหวหายไปทันทีราวโทรทัศน์สัญญาณแย่ จู่ ๆ ก็พร่ามัวและถูกลบไป

นิ้วของหลินเจี๋ยค้างอยู่กลางอากาศ ราวกับไม่เคยมีใครปรากฏตัวขึ้นมาก่อน

หลินเจี๋ยชักมือของเขากลับมามองฝ่ามืออันว่างเปล่า ดูเหมือนเขาจะสัมผัสการแตะต้องร่างกายได้จริง ๆ

เจ้าดำ…เป็นคนเหรอ?

หลินเจี๋ยส่ายหน้า มนุษย์ไม่มีทางมีรูปร่างแบบนั้นได้ บางทีมันอาจจะแค่ใช้รูปร่างมนุษย์และสร้างอุณหภูมิโดยอิงจากตัวเขาก็ได้

แล้วก็…เจ้าดำดูจะไม่อยากกินเศษแผ่นศิลาของแม่มดไลฟ์

เพราะถึงอย่างไร เหมือนเหตุการณ์แอปเปิลทองคำครั้งก่อน ถ้าเจ้าดำอยากได้ มันคงคว้าไปทันทีแล้ว!

หลินเจี๋ยเลื่อนความคิดออกไปจากเจ้าดำ มองลงมาที่เศษแผ่นศิลาทั้งสามบนโต๊ะอีกครั้ง

หลินเจี๋ยขมวดคิ้ว จากนั้นจึงบรรจงต่อเศษแผ่นศิลาทั้งสามเข้าหากันด้วยสีหน้าจริงจัง ค่อย ๆ ดันพวกมันให้ติดกัน ตรงตามที่หลินเจี๋ยคาด เศษชิ้นส่วนทั้งสามต่อกันแนบแน่นสมบูรณ์แบบราวไม่เคยแตกมาก่อน

หลินเจี๋ยหยิบแว่นขยายออกมาจากในลิ้นชัก เห็นคำจารึกบนแผ่นศิลาวงกลมได้อย่างชัดเจน ไร้จุดบกพร่องใด ๆ

“ชีวิตมิหยุดนิ่ง เปลวเพลิงมิมอดดับ…อะไรเนี่ย?” หลินเจี๋ยอ่านอักษรโบราณเหล่านี้แตกต่างจากภาษาเอลฟ์ในยุคที่สอง แต่มันก็เหมือนคนที่เรียนอักษรจีนตัวย่อทุกวันนี้อ่านอักษรจีนตัวเต็มได้นั่นแหละ พวกเขาจะมีบางจุดที่ไม่รู้เสมอ

แสงสว่างในร้านหนังสือค่อย ๆ มอดดับ หลินเจี๋ยเงยหน้าขึ้น และพบว่ามันใกล้เข้าสู่ค่ำคืนก่อนจะทันรู้ตัว

ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ประตู มองซอย 23 อันมืดหม่น และคิดขึ้นกะทันหันในใจว่า มาเรียในวันนี้ซึ่งตกใจกลัวจนหลุดมาดท่านประธานสมาคมแห่งสัจธรรมคงไม่ไปแจ้งตำรวจหรอกใช่ไหม?

เรียกตำรวจไปก็เท่านั้นแหละ…ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของกรมตำรวจอยู่ในร้านเรานี่เอง

และการส่งคำขอปราบวิญญาณร้ายก็ดูไม่เข้าท่า…เพราะหลินเจี๋ยเป็นผู้มีผลงานสูงสุดในการก่อตั้งศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในนอร์ซิน

อืม…ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง!

หวังแต่ว่าสติของมาเรียในฐานะนักวิชาการจะยังมั่นคงต่อไป

ฉึบ!

เขาปิดประตูเหล็กม้วนของร้านหนังสือ ร้านถูกปกคลุมด้วยความเงียบ แต่ทันใดนั้นห้องก็สว่างไสว หลินเจี๋ยหันไปมองและพบว่าแผ่นศิลาบนโต๊ะเปล่งแสงสีแดงเข้มออกมาจาง ๆ