บทที่ 430 มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวหรือว่ามาทำลายงานกัน

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

ในที่สุดก็ถึงกลางคืนที่รอคอย หลานเสี่ยวถางกอดแท็บเล็ตไว้ รอเวลาวิดีโอคอลกับหวันหว่าน

เวลาไม่นานทางโอหยางจวิ้นส่งคำเชิญวิดีโอคอลมา หลานเสี่ยวถางรับทันที

สือมูเฉินนั่งอยู่ข้างหลานเสี่ยวถาง ทั้งสองคนพิงอยู่ที่หัวเตียง เห็นว่าเชื่อมต่อแล้ว หลานเสี่ยวถางเรียกออกมา “หวันหว่าน”แล้วโบกมือทักทายโอหยางจวิ้น

เขาอุ้มหวันหว่านไว้ ให้เธอนั่งที่ตักตัวเอง แล้วจับมือเล็กของหวันหว่านโบกมือไปทางหน้าจอ “หวันหว่าน บอกพ่อแม่หน่อย วันนี้นอนฝันดีหรือเปล่า?”

เด็กน้อยเดิมรู้สึกว่าหน้าจอคอมน่าสนุก ผลคือ กลับเห็นว่าข้างในมีคนออกมา ดวงตาเป็นประกายทันที

เพียงแต่ ตอนเห็นชัดว่าข้างในจอเป็นพ่อกับแม่ หวันหว่านตัวน้อยยิ้มออกมาตามสัญชาตญาณ แล้วยื่นมือไปจับ จู่ๆตามมาด้วยปากเล็กๆแนบลงไป น้อยใจหลายวินาที หลังจากนั้นน้ำตาเม็ดเท่าถั่วเขียวก็ไหลออกมา

หลานเสี่ยวถางเห็นก็ร้อนใจ “หวันหว่านอย่าร้อง พ่อกับแม่อีกสองวันก็กลับบ้านแล้ว”

โอหยางจวิ้นอุ้มหวันหว่านเข้ามา ยื่นมือลูบหลังของเธอ พูดว่า“นัดกับอาจวิ้นแล้ว อีกเดี๋ยวเห็นพ่อแม่จะไม่ร้องไห้โวยวายไม่ใช่เหรอ? ทำไมลืมแล้ว พวกเราเกี่ยวก้อยสัญญาแล้วนะ”

เด็กน้อยเหมือนเชื่อฟังเขา ขนตาที่ยาวราวกับพัดด้านบนยังมีน้ำตาอยู่หลายหยด เม้มปากอย่างน้อยใจ ก็เหมือนอีโมติคอนที่น้อยใจในQQ

เธอไม่ร้องแล้ว แต่จ้องโอหยางจวิ้นด้วยใบหน้าที่เศร้า เหมือนกับเขาเป็นตัวการทำให้เธอกับพ่อแม่แยกกัน

โอหยางจวิ้นถูกมองจนทำตัวไม่ถูก ดังนั้นเข้าใกล้หอมใบหน้าเล็กของหวันหว่าน ปลอบเสียงเบา “อีกเดี๋ยวคุณอาไปหนูไปนั่งเครื่องบินดีไหม?”

เด็กน้อยได้ยิน ดวงตาเบิกกว้าง รู้สึกเหมือนใช้ได้

โอหยางจวิ้นเห็นว่าได้ผล ดังนั้น กระซิบกับเธอ “พวกเราขับเครื่องบิน บินสูงๆ มองข้างล่างดีไหม?”

ในที่สุดหวันหว่านก็ดีใจ หยุดร้องแล้วยิ้มออกมา

เพราะฉะนั้น โอหยางจวิ้นอุ้มเธออีกครั้ง วิดีโอคอลกับหลานเสี่ยวถางต่อ

หวันหว่านพูดไม่ได้ ดังนั้น โอหยางจวิ้นเล่าว่าเมื่อคืนเธอหลับไปได้ยังไง

หลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉินกังวลว่าเด็กน้อยหย่านมแล้วจะไม่ชิน กำชับเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง สุดท้ายทั้งสองคนต่างส่งจุ๊บๆไปให้หวันหว่านถึงจบการวิดีโอคอล

โอหยางจวิ้นปิดหน้าจอ เห็นหวันหว่านมีน้ำลายเกาะอยู่มุมปาก เลยแอบเข้าไปจุ๊บหนึ่งที แล้วบีบใบหน้าเล็กของเธอ พูดจูงใจ“เป็นเด็กดีอยู่กับคุณอา พวกเราไม่กลับบ้านดีไหม?”

เด็กสาวตัวน้อยกะพริบตา มองโอหยางจวิ้นอย่างงงๆ ในดวงตากลมโตมีแต่ความสับสน

โอหยางจวิ้นยื่นมือออกไป พูดจูงใจเหมือนหมาป่าเจ้าเล่ห์ “หวันหว่าน เราเกี่ยวก้อยกันนะ?”

วันต่อมา เป็นงานแต่งงานของซูสือจิ่นกับหยานชิงเจ๋อ

หลานเสี่ยวถางและเฉียวโยวโยวเป็นเพื่อนเจ้าสาว ทั้งสองคนตื่นแต่เช้า มาถึงบ้านของซูสือจิ่น

และฟู่สีเกอก็ไปด้วย แต่งตัวให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว

อย่างไรก็ตามเฉียวโยวโยวเพิ่งคลอดลูกได้ไม่ถึง 2 เดือน รูปร่างยังไม่กลับมา เห็นเอวบางของหลานเสี่ยวถางกับซูสือจิ่น พูดด้วยความหดหู่ “ตาบ้าสีเย็น อีกเดี๋ยวห้ามถ่ายรูปฉัน ไม่งั้นฉันต้องขายหน้าแน่ ๆ”

“ไม่ๆ คุณไม่เห็นต้องอาย ถ้าผมเป็นคุณ จะต้องภูมิใจมากแน่ๆ”ฟู่สีเกอขยิบตา พูดว่า “หน้าอกของคุณใหญ่ที่สุด!”

“ไอ้บ้านี่ ฉันรู้อยู่แล้วคุณไม่มีทางพูดเหตุผลดีๆออกมาได้แน่” เฉียวโยวโยวระหว่างที่พูดก็วิ่งไล่ตีฟู่สีเกอ

เพราะว่าลูกทั้งสองยังต้องดื่มนม ดังนั้น แม่บ้านกับเมิ่งซินหรุ่ยต่างคนต่างอุ้มไว้หนึ่งคน

ด้วยเหตุนี้ บ้านซูสือจิ่นเกิดความวุ่นวายเพราะเด็กและเฉียวโยวโยวที่ไล่ตีฟู่สีเกอ

ในที่สุดก็แต่งหน้าเสร็จ ฟู่สีเกอไปหาหยานชิงเจ๋อ เฉียวโยวโยวก็ให้นมพวกลูกๆเรียบร้อย กล่อมลูกรักทั้งสองนอนหลับ ใกล้ถึงเวลา 9โมงเช้าแล้ว

ตอนนี้ ซูสือจิ่นนั่งอยู่บนเตียง ด้านข้างมีหลานเสี่ยวถางและเฉียวโยวโยว ทั้งสามคนกำลังคุยกัน ก็ได้ยินซูเผิงฮวาที่อยู่ด้านนอก พูดว่า “ชิงเจ๋อมาแล้ว”

เขามาตระกูลซู ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง ก่อนหน้านี้เพื่อมาหาซูสือจิ่น มาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง และตอนนี้ในที่สุดก็มาเป็นสามีเธออย่างถูกทำนองคลองธรรมแล้ว

ซูสือจิ่นใจลอยนิดๆ

ที่ผ่านมา เธอเป็นคนร่วมงานแต่งคนอื่น แม้ว่าตอนงานแต่งหลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉิน เธอจดทะเบียนกับหยานชิงเจ๋อแล้วแท้ๆ แต่เธอกลับไม่เคยสวมชุดแต่งงาน ก็เป็นเจ้าสาว

วันนี้ เธอสวมชุดเจ้าสาวที่ตัวเองเป็นออกแบบเอง รอชายหนุ่มที่รักมาหลายปี ความรู้สึกแบบนั้น ครู่เดี๋ยวก็ทำให้คนเริ่มรู้สึกใจหายขึ้นมา

ที่ประตู มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

เฉียวโยวโยวเปิดปาก “ใคร?”

“ฉันเอง เสี่ยวจิ่นฉันมารับเธอแล้ว”หยานชิงเจ๋อที่อยู่ด้านนอก ก็ตื่นเต้นไม่ต่างกัน

“ตามประเพณี พูดประโยคที่ทำให้พวกเราเปิดประตู ต้องมีเหตุผลเพียงพอที่ทำให้พวกเราประทับใจ”หลานเสี่ยวถางพูด

“(เนื้อเพลง)กลิ่นอายยามฝนตก คือทางเดินที่กลับบ้าน บนถนนมีฉันไล่ตามรอยเท้าของเธอ รูปภาพเก่าๆเก็บรักษาไว้อยู่ในความอบอุ่นของวันวาน เธออุ้มฉัน ดั่งเช่นต้นไม้ใหญ่ที่อบอุ่น…”

ซูสือจิ่นเบิกตากว้างทันที ได้ยินเพลงที่เขาร้อง กาลเวลาเหมือนย้อนไปตอนพวกเขายังเด็ก

“(เนื้อเพลง)ดวงตาที่เคยร้องไห้ มองกาลเวลาได้ชัดเจน คิดถึงคนหนึ่ง น้ำตาก็หยด ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง หวนกลับไปในตอนบ่ายที่ฉันออกจากบ้าน เธอส่งฉัน นกนางแอ่นบนท้องฟ้าต่างพากันโบยบิน ”

เขาร้องต่อ ซูสือจิ่นจับกระโปรง ตกอยู่ในภวังค์ เป็นเรื่องราวทั้งหมดที่เคยผ่านมา

และหลานเสี่ยวถางกับเฉียวโยวโยวที่อยู่ข้างๆ ในดวงตาก็เริ่มเคลิบเคลิ้มไปด้วย

ชั่วเวลาสั้นๆ พวกเขาต่างก็อิจฉาซูสือจิ่น เธอตกหลุมรักแค่หนึ่งคน สุดท้ายก็ได้แต่งกับเขา

พวกเขาเคียงข้างกันมา 20 ปี ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและเลือดของกันและกัน รู้จักกันตั้งแต่เด็กแบบนี้ บนโลกนี้จะมีสักเท่าไหร่?

ท้ายสุด ไม่ทันรู้ตัว หยานชิงเจ๋อก็ร้องมาถึงประโยคสุดท้าย“(เนื้อเพลง)แม้ว่าโดดเดี่ยว ฉันกลับไม่เหงา เพราะในใจ มีเธอเป็นเพื่อนฉันดูพระอาทิตย์ขึ้นทุกครั้ง”

หลานเสี่ยวถางรับรู้ เดินไปเปิดประตูให้หยานชิงเจ๋อด้วยตัวเอง

ซูสือจิ่นเงยหน้า เห็นเขาเหมือนปรากฏตัวหลายครั้งในความฝัน ปรากฏตัวตรงหน้าเธอ ใบหน้าที่หล่อเหลา ทำให้เธอไม่อาจละสายตา

เขาเดินมาทางเธอทีละก้าว ใบหน้ามีรอยยิ้ม แต่ฝีก้าวไม่เหมือนปกติ เห็นชัดว่าตื่นเต้นมากเหมือนกัน

“เสี่ยวจิ่น ฉันมารับเธอแล้ว” หยานชิงเจ๋อระหว่างที่พูด ก็ก้มตัวหอมที่ซูสือจิ่นหนึ่งที

“โรแมนติกจังเลย” เฉียวโยวโยวอุทานออกมา

ด้านหลังหยานชิงเจ๋อ ฟู่สีเกอเดินเข้าไปเคาะศีรษะเฉียวโยวโยวหนึ่งที “วันนั้นของพวกเราแย่กว่าเขารึไง?”

“วันนั้นของเรา ฉันลืมไปแล้ว…”เฉียวโยวโยวเพิ่งพูดจบ ก็ถูกฟู่สีเกอกอด “ได้ ผมไม่ถือที่จะทำให้คุณสัมผัสอีกครั้ง”

ระหว่างที่พูด เขาอุ้มเธอขึ้น แล้วยังจูบเธออย่างดูดดื่ม

วันนี้ ทุกคนเหมือนมาแย่งซีน เพราะสือมูเฉินก็สวมสูทเข้ามาอุ้มหลานเสี่ยวถางในท่าเจ้าหญิง “เมียจ้า ลำบากแล้วที่ต้องตื่นเช้า หลังจากนี้ผัวจะเป็นเครื่องมือในการเดินเอง”

หยานชิงเจ๋อคิ้วกระตุก คนหนึ่งเลี่ยนกว่าอีกคน มิตรภาพที่พูดกันไว้ล่ะ ทำไมกลายเป็นแข่งกันทำลายกัน?!

เขาอุ้มซูสือจิ่นขึ้น รีบเดินแซงหน้าฟู่สีเกอกับสือมูเฉิน แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

หลานเสี่ยวถางปิดปากหัวเราะ “มูเฉิน คุณดูชิงเจ๋อเหมือนกลัวเมียจะหนีไปแบบนั้น”

คนที่ได้รับการ์ดเชิญของซูสือจิ่นกับหยานชิงเจ๋อ ต่างคิดว่าตัวเองมาผิดงาน

เห็นแค่ที่อยู่ในงานแต่ง ไม่ใช่โบสถ์ ไม่ใช่โรงแรม และไม่ใช่คฤหาสน์ แต่เป็น… AllianceTechnology

2 ปีก่อนATก็เริ่มเตรียมการตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเมืองหนิงเฉิงแล้ว เพราะว่าเนื้อที่กว้าง ดังนั้นเลยยังไม่แล้วเสร็จ

เมื่อปีที่แล้ว ในที่สุดพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็เสร็จสมบูรณ์ เพราะต่อมายังไม่ได้ตกแต่งให้เป็นสีเขียว ดังนั้นเลยไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการเรื่อยมา

ATยังคงทำงานอยู่ที่เดิมเรื่อยมา

ตอนนี้ หยานชิงเจ๋อเป็นรองประธานบริษัทAT คิดไม่ถึงว่าจะเลือกอาคารใหญ่ใหม่ของตัวเองมาแต่งงาน

9โมงเช้ากว่าๆ ใกล้ๆ AT ก็มีรถมาแล้วไม่น้อย พนักงานเปิดลานจอดรถทั้งหมดของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แล้วบอกทุกคน ถึงสถานที่จัดงานแต่ง อยู่ที่กลางอาคารหลักของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ในที่สุดก็ถึงตอน 10 โมงเช้า มีขบวนรถหรูปรากฏตัวต่อสายตาทุกคน

และในรถสปอร์ตสีแดงคันแรก ซูสือจิ่นนั่งอยู่หยานชิงเจ๋อ พวกเขาถูกดอกไม้ล้อมรอบ

ก่อนหน้านี้ หยานชิงเจ๋อไม่ยอมบอกสถานที่แต่งงานกับซูสือจิ่นมาตลอด เพื่อเป็นความลับ แม้แต่การ์ดเชิญยังส่งคนของตัวเองไปจัดพิมพ์

เวลานี้ ซูสือจิ่นเห็นตัวอักษรหลายตัวตรงตึกAT ก็ตะลึงไป “ชิงเจ๋อ พวกเราจัดงานแต่งข้างในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเหรอ?”

“อืม วันนี้ก็เป็นพิธีเปิดของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถ่ายทอดสดพร้อมกันทั่วโลก”หยานชิงเจ๋อระหว่างพูด ก็จุ๊บซูสือจิ่นไปหนึ่งที “หลังจากนี้ เห็นพวกเราแต่งงาน ก็จะไม่มีคนพูดว่าเธอเป็นน้องสาวฉันอีกแล้ว”

“แต่ทุกคนดูอยู่ รู้สึกเกรงใจรึเปล่า?” ซูสือจิ่นแก้มแดง

“ไม่เป็นไร ฉันจะอยู่ข้างเธอตลอด”ถึงหน้าประตูพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หยานชิงเจ๋อลงจากรถ อ้อมไปถึงด้านซูสือจิ่น จูงมือเธอลงจากรถ แล้วอุ้มเธอขึ้นเดินเข้าไป

เวลานี้ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากด้านในถึงด้านนอก ปูพรมแดงเป็นทางยาวเรียบร้อยแล้ว หยานชิงเจ๋อเดินอยู่ข้างหน้า ด้านหลังมีสือมูเฉินกับฟู่สีเกอต่างอุ้มเพื่อนเจ้าสาวไว้คนหนึ่ง เดินอยู่ข้างหลัง

ในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แขกผู้มีเกียรตินั่งอยู่แล้ว เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นวิธีออกตัวอย่างวันนี้

ทั้งสองข้าง ไวโอลินกำลังบรรเลงทำนองที่ไพเราะ และจู่ ๆโดมอาคารที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็สว่างขึ้น มีแสงส่องลงมา ปรากฏว่าเป็นแสงทีละเส้นรวมกันเป็นทูตสวรรค์

ด้านหลังทูตสวรรค์มีปีกสองข้าง พวกเขากระพือปีกเบาๆ ในมือก็กำลังดึงสายธนู ในอาคารใหญ่ เสียงดนตรีดังลั่นทันที เสียงและแสงหลอมรวมกัน

เพียงแต่ฟู่สีเกออุ้มเฉียวโยวโยวเดินไปแค่ครึ่ง ก็มีคนยื่นเด็กสองคนให้

ฟู่สีเกอวางเฉียวโยวโยวลง แล้วทั้งสองคนต่างอุ้มเด็กคนละคน ในมือมีกระเช้าดอกไม้เพิ่มขึ้นมา

เด็กน้อยทั้งสองเพิ่ง 2 ขวบกว่า ตอนนี้ถูกผู้ใหญ่ปลุกตื่น เห็นกระเช้าดอกไม้ ไปคว้าตามสัญชาตญาณ

ด้วยเหตุนี้ ดอกไม้ด้านในถูกพวกเขาโปรยออกมา เดินไปโปรยไปตลอดทาง

หลานเสี่ยวถางอดขำไม่ได้ พูดถึงงานแต่งที่เคร่งอย่างนี้ เพราะเด็กทั้งสองทำให้ดูตลกขึ้นทันที

และแขกผู้มีเกียรติที่อยู่ข้างล่างก็หัวเราะออกมาเหมือนกัน แต่ใบหน้ากลับดูอบอุ่น

เด็กน้อยขนาดนี้ ดูก็รู้ว่าเป็นแฝดชายหญิง ถือเป็นชายหญิงที่บริสุทธิ์ เก็บกลีบดอกไม้ ก็เป็นการนำพาความโชคดีให้ตัวเองรึเปล่า?

ด้วยเหตุนี้ทุกคนตามเก็บกลีบดอกไม้กัน

ตามมาด้วยเสียงปรบมือ สือมูเฉินดึงมือหลานเสี่ยวถาง เดินไปถึงหน้าเวที “วันนี้ เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิทของผม และเป็นวันที่ตึกATเปิดให้คนภายนอก ในฐานะที่ผมเป็นประธานของAT ก่อนอื่นต้องขอบคุณ ความทุ่มเทของคุณหยานชิงเจ๋อที่มีต่อATหลายปีนี้ เวลาเดียวกัน ในฐานะที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขา ขออวยพรให้เขากับน้องสาว รักกันกลมเกลียวตลอดไป…”