บทที่ 380 สุนัขสวรรค์ผงาด ตี้จวินเข้าฝัน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 380 สุนัขสวรรค์ผงาด ตี้จวินเข้าฝัน

กุศลแห่งมรรคาสวรรค์ถูกหานเจวี๋ยเก็บเอาไว้เสมอมา

ก่อนหน้านี้จักรพรรดินีผืนพิภพได้มอบกระบี่อนันตคุณสมบัติวิเศษแรงกุศลเล่มหนึ่งให้เขา แต่เขารู้สึกอยู่ตลอดว่ากระบี่อนันตคุณไม่มีประโยชน์มากนัก สู้กระบี่พิพากษาอนธการไม่ได้ มิสู้เก็บไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นดีกว่า

ครั้งนี้ จู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกถึงสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นขึ้นมา

นับตั้งแต่ถูกควักลูกตาทั้งสองออกไป นิสัยของสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นก็เปลี่ยนแปลงไปมาก เงียบขรึมพูดน้อย สูญเสียความรู้สึกที่ว่ายังมีชีวิตอยู่ไป หานเจวี๋ยก็มักจะเผลอลืมมันอยู่เสมอ

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพลันบังเกิดความคิด อยากใช้แรงกุศลแห่งมรรคาสวรรค์ช่วยเหลือสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น ถึงอย่างไรมันก็เป็นสัตว์เทพดวงชะตา ยากจะหลุดพ้นจากมรรคาสวรรค์ไปได้ มิสู้นำแรงกุศลแห่งมรรคาสวรรค์มาใช้ประโยชน์เสีย

หลังจากสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นตอบตกลง หานเจวี๋ยแตะหัวสุนัขของมัน ถ่ายทอดกุศลแห่งมรรคาสวรรค์เข้าสู่ร่างมัน

แรงกุศลที่ได้นับจากการตั้งนามให้เผ่าเอกามหาศาลอย่างยิ่ง หานเจวี๋ยได้แบ่งบางส่วนเก็บไว้ในกระบี่อนันตคุณ แต่เมื่อเทียบกับทั้งหมดแล้ว มันน้อยนิดจนไม่อาจนับเป็นอะไรได้

มีแสงทองแผ่ออกมาจากร่างของสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น แสงนั้นห่อหุ้มมันไว้

หานเจวี๋ยใช้พลังเวทของตนช่วยมันดูดซับ

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เช่นนี้

หนึ่งปีต่อมา

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นยังคงดูดซับแรงกุศลแห่งมรรคาสวรรค์อยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องมีความช่วยเหลือจากหานเจวี๋ยแล้ว

พลังเวทของมันพุ่งทะยานไปถึงระดับเซียนแท้ไท่อี่ และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แรงกุศลแห่งมรรคาสวรรค์แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริงๆ!

หานเจวี๋ยให้มันดูดซับอยู่ในภายในถ้ำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเหนือความคาดหมาย ส่วนเขาก็ฝึกบำเพ็ญต่อ

‘สรรพคุณของแรงกุศลแห่งมรรคาสวรรค์ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ อันตรายเหลือเกิน ต้องมีราคามหาศาลแน่ นี่คือความเย้ายวนของมรรคาสวรรค์…’

หานเจวี๋ยคิดเช่นนี้ พอคิดไปถึงที่สุด เขาก็ส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นมิใช่เขา หากขีดจำกัดคืออริยะมรรคาสวรรค์ เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว คาดว่าตอนนี้เจ้าตัวคงไม่กล้าจินตนาการว่าตนจะสำเร็จเป็นอริยะหรอก

….

แดนชำระบาปเก้าขุม ณ เผ่าวิหคชาด

เผ่าวิหคชาดรวมตัวกันอยู่ในหมู่ยอดลอยฟ้าแห่งหนึ่ง มีตำหนักตั้งอยู่บนเชิงเขาลูกหนึ่ง

ภายในตำหนัก

“ยังหาตัวผู้อาวุโสชื่อเยี่ยนไม่พบอีกหรือ”

บุรุษชุดแดงคนหนึ่งตวาดกร้าว เขาคือหัวหน้าเผ่าวิหคชาด หวงจูเชวี่ย

วิหคชาดแปลงกายตนหนึ่งเอ่ยตอบอย่างระมัดระวัง “หาไม่พบจริงๆ ขอรับ กลิ่นอายของเขาอันตรธานหายไป ป้ายชีวิตก็ไม่เหลืออยู่ เกรงว่า…ข้าได้ยินว่าในแดนชำระบาปเก้าขุมสะกดจองจำไท่กู่หยวนเฟิ่งไว้ บางทีผู้อาวุโสชื่อเยี่ยน…”

หวงจูเชวี่ยโมโหจนตัวสั่น วิหคแดงชื่อเยี่ยนเป็นตัวตนระดับเทพ!

ผู้ทรงพลังระดับเทพในเผ่าวิหคชาดมีน้อยจนนับนิ้วได้ ทุกคนต่างได้รับการจัดสรรทรัพยากรให้อย่างมากมายล้นหลาม อีกฝ่ายมาดับสูญไปเช่นนี้ หัวใจของหวงจูเชวี่ยจึงหลั่งเลือดแล้ว

แต่พอนึกถึงไท่กู่หยวนเฟิ่ง หัวใจเขาก็ไร้เรี่ยวแรงยิ่ง

ไท่กู่หยวนเฟิ่ง นั่นคือปฐมบรรพชนแห่งวิหคทั้งปวง!

เคยรวมเผ่าพันธุ์วิหคแห่งมรรคาสวรรค์ให้รวมเป็นหนึ่ง!

ต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่เป็นอมตะเช่นนี้ หวงจูเชวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชาหนึบไปทั้งศีรษะเช่นกัน

“พวกเจ้าเคยพบไท่กู่หยวนเฟิ่งงั้นหรือ” หวงจูเชวี่ยถาม

“เคยขอรับ ลูกน้องของข้าเพิ่งเข้าไปใกล้ก็สัมผัสถึงจิตสังหารของเขาได้แล้ว เขาไม่อยากถูกผู้อื่นรบกวน…”

วิหคชาดแปลงกายกล่าวอย่างอับจนหนทางยิ่ง เหตุใดหนีเข้ามาในแดนชำระบาปเก้าขุมก็ยังไม่ปลอดภัยอีกเล่า

สีหน้าหวงจูเชวี่ยครึ้มลง ถามต่อ “ท่าทีของนิกายเจี๋ยล่ะ”

วิหคชาดแปลงกายกล่าวตอบ “พวกเขาต้องการยุติข้อพิพาท ถึงอย่างไรก็ล้วนมาเพื่อลี้ภัย หวังว่าจะแบ่งเส้นอาณาเขตกับท่านได้ ไม่รบกวนกันและกัน ร่วมมือกันได้จะดีที่สุด ป้องกันไม่ให้กลุ่มอิทธิพลอื่นเข้ามาในแดนชำระบาปเก้าขุม”

สีหน้าของหวงจูเชวี่ยโอนอ่อนลง นี่กลับเป็นเรื่องดี

เขาก็กังวลว่าจะมีกลุ่มอิทธิพลอื่นตามมาเช่นกัน หากกลุ่มอิทธิพลในแดนชำระบาปเก้าขุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คาดว่ามหาเคราะห์คงลามมาถึงด้วยเช่นกัน

“ช่วยติดต่อจิ่งเทียนกงให้ข้าที ข้าจะไปเจรจากับเขาด้วยตัวเอง!”

“รับบัญชา!”

….

หานเจวี๋ยไม่รู้เลยว่าเผ่าวิหคชาดเข้าใจผิดว่าเป็นไท่กู่หยวนเฟิ่งที่สังหารวิหคชาดชื่อเยี่ยน หรือต่อให้รู้ เขาก็ไม่คิดอะไรอยู่ดี

ตอนนี้เขามีคุณสมบัติที่จะไม่เห็นผู้ทรงพลังระดับเทพอยู่ในสายตาแล้ว!

เวลาสิบปีผ่านไปในชั่วพริบตา

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นดูดซับแรงกุศลมรรคาสวรรค์เสร็จสิ้น ดวงชะตาเพิ่มพูน ตบะก็ทะยานไปถึงระดับเซียนทองไท่อี่ตอนปลาย!

มันซาบซึ้งอย่างยิ่ง หานเจวี๋ยไม่ได้ให้มันออกไปทันที แต่ถ่ายทอดแสงเทพเบญจธาตุให้มันก่อน

ยามที่มันออกมาจากถ้ำ ย่ำเท้ายกสูง เชิดหน้าจมูกชี้ฟ้า

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ห้ามปราม ถือเป็นการส่งสัญญาณให้เหล่าศิษย์ด้วย ป้องกันไม่ให้พวกเขาเกียจคร้านหย่อนยาน

เป็นไปตามที่คาดไว้จริงๆ!

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นที่ถอดร่างเปลี่ยนกระดูกแล้วทำให้ทุกคนตกตะลึง ไก่คุกรัตติกาลร้องเสียงแหลม รู้สึกว่าหานเจวี๋ยไม่ยุติธรรม เหตุใดจึงไม่มอบโอกาสให้มันด้วย

ตอนนี้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นมิใช่ผู้อยู่รั้งท้ายอีกต่อไป มันไม่ได้รีบร้อนไปท้าคนอื่นต่อสู้ แต่เลือกที่จะฝึกฝนแสงเทพเบญจธาตุก่อน จากนั้นมันก็เข้าไปในแบบจำลองการทดสอบท้าประลองไปทีละคนๆ

เชิดหน้าชูคอได้แล้ว!

อีกด้านหนึ่ง

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งศัตรู

หลายปีมานี้ ความสนใจของเขาจดจ่ออยู่กับคนใกล้ตัวมาโดยตลอด ไม่รู้สถานการณ์ในแดนเซียนเลย

เขาเปิดกล่องจดหมายเพื่อตรวจดู

[จี้เซียนเสินสหายของท่านออกจากแดนเซียน]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านออกจากแดนเซียน]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจั้งกูซิงสหายของท่าน]

[จั้งกูซิงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ บาดเจ็บสาหัส]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ เนื่องจากมียอดสมบัติคุ้มกาย จึงไม่ได้รับผลกระทบ]

[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[จิ่งเทียนกงสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านก้าวเข้าสู่มรรคาสวรรค์ ทำความเข้าใจแม่น้ำโชคชะตา]

[ซูฉีศิษย์ของท่านโชคร้ายบรรลุถึงขีดจำกัด เลื่อนสู่ระดับจักรพรรดิ ดวงชะตาเกิดความเปลี่ยนแปลง]

….

คำสาปแช่งช่างมากมายนัก!

แม้ว่าจดหมายแจ้งข่าวโจมตีจะมีน้อย แต่จดหมายแจ้งข่าวเรื่องคำสาปแช่งกลับมากขึ้น

แม้แต่จิ่งเทียนกงก็โดนสาปแช่งด้วย คงมิใช่ว่าเขากับเซวี่ยหมิงเหอกำลังสาปแช่งกันเองอยู่กระมัง

ผู้ทรงพลังลึกลับที่โจมตีจั้งกูซิงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นหลี่เสวียนเอ้า

คนผู้นี้ก็หมายปองแม่น้ำมรรคกระบี่อยู่ พอหานเจวี๋ยมาอยู่ ย่อมไม่ปล่อยโอกาสไปแน่

พี่ใหญ่ผู้น่าสงสาร ออกจากวังสวรรค์แล้วก็ยังถูกทุบตีอีก

หานเจวี๋ยไม่มีความคิดที่จะช่วยเหลือเลย ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและจั้งกูซิงมิได้ใกล้ชิดกันถึงเพียงนั้นแล้ว

นับตั้งแต่หานเจวี๋ยปฏิเสธโชควาสนาจากจั้งกูซิง ก็รับรู้ได้ชัดเจนว่าจั้งกูซิงมิได้ให้ความสนิทสนมกับเขาขนาดนั้นอีก แต่ค่าความประทับใจก็มิได้ลดลง

ขอเพียงจั้งกูซิงไม่ตายก็พอ

หานเจวี๋ยไล่อ่านจดมายลงไปเรื่อยๆ

เขาเรียกจอค่าความสัมพันธ์ออกมาตรวจดู ก็พบว่าตบะของบรรดาสหายเทพเซียนล้วนมีความก้าวหน้ามหาศาลขึ้นมาอีกครั้ง ไร้เหตุผลโดยแท้

หนึ่งเดือนต่อมา

เมื่อหานเจวี๋ยสาปแช่งศัตรูเสร็จสิ้น เขาก็เริ่มลังเลขึ้นมา

‘ทำนายฉากจบของมหาเคราะห์สักหน่อยดีหรือไม่’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ เขาไม่ได้ทำนายดูนานมากแล้ว

หลายปีมานี้แดนเซียนดูเหมือนจะเข้าสู่ช่วงโกลาหลอีกครั้ง กลุ่มอิทธิพลมากมายโผล่งอกออกมาเรื่อยๆ เขาอยากรู้ว่าผู้ใดที่เป็นไปได้ว่าจะกลายมาเป็นศัตรูของตน

เวลานี้เอง

ข้อความแถวหนึ่งพลันเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ตี้จวินต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

ตี้จวินหรือ

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

ถึงแม้ตี้จวินจะมีความประทับใจต่อเขา แต่ค่าความประทับใจต่ำเกินไป ไม่คุ้มที่จะเสี่ยง

หานเจวี๋ยไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ยอมรับ แต่ปล่อยไว้เช่นนี้จนการแจ้งเตือนเลือนหายไปเอง

ถ้าเป็นเช่นนี้ตี้จวินอาจจะนึกว่าเขาถูกสิ่งพัวพันอยู่ ทำให้ตอบรับการเข้าฝันไม่ได้

หลายวันผ่านไป

ตี้จวินมาอีกแล้ว!

[ตี้จวินต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

หานเจวี๋ยยังคงเพิกเฉยต่อไป

ถึงอย่างไรตี้จวินก็เข้ามาสอดแนมในอาณาเขตเต๋าไม่ได้ แกล้งทำเป็นไม่รับรู้เรื่องนี้ไปเลยแล้วกัน

แม้ว่าตี้จวินจะไม่ได้คิดทำร้ายเขา แต่จะต้องชักนำเขาเข้าสู่เรื่องราวบางอย่างแน่

หลังจากนั้น

ทุกๆ ห้าหกวัน ตี้จวินจะส่งคำร้องมาขอเข้าฝันเขา

หานเจวี๋ยไม่เคยตอบกลับเลย

สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินอยู่ถึงสองปีเต็ม ตี้จวินขอเข้าฝันเขาแล้วหลายร้อยครั้ง

………………………………………………………………