บทที่ 349 ฮ่องเต้จงใจกดดัน

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 349 ฮ่องเต้จงใจกดดัน

หยุนหลีที่รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อยจู่ๆก็ชนเข้ากับอ้อมแขนที่ไม่คุ้นเคย คนทั้งคนตกตะลึงไป เงยหน้ามาก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เย็นยะเยือกราวกับเกล็ดน้ำแข็งของซวนอ๋อง เส้นกรามที่เต่งตึง โครงหน้าคมคายราวกับมีด ขอบและมุมเด่นชัด ลึกล้ำมีมิติ

ราวกับงานประติมากรรมที่แกะสลักโดยศิลปิน สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แม้แต่ผิวก็ดีกว่าผู้หญิงทั่วไป ขาวราวกับหยก

โอหังถือดีเจ็ดส่วน เย็นชาสามส่วน รัศมีพลังรอบตัวแข็งแกร่ง ทำให้หยุนหลีมองมาอย่างตกตะลึงในชั่วพริบตา

ซวนอ๋องคว้าตัวหยุนหลีเอาไว้ พานางลอยตัวลงมา และหยุดลงบนพื้น

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?” เสียงที่เย็นชาของโม่เหลิ่งเหยียนดังมา พยุงนางให้ยืนตัวตรง

หยุนหลีถึงได้ตอบสนองกลับมา รีบยืนตัวตรงทันที“ไอ๊หยา เงินของข้า!” กล่าวจบ ก็รีบไปค้นหาทันที

คนอื่นๆในห้องโถงชั้นหนึ่งตกตะลึงแทบแย่ไปนานแล้ว ต่างก็ลืมตอบสนองกลับมา พากันยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

หยุนหลีค้นหาไปทั่ว เห็นเงินก้อนนั้นอยู่ที่ข้างขาโต๊ะด้านหนึ่งจริงๆ นางรีบวิ่งเข้าไปเก็บขึ้นมาอย่างมีความสุขทันที“โชคดีที่ข้าหาเจอแล้ว!”

ใบหน้าของซวนอ๋องดำมืดราวกับเหล็ก“อย่าบอกนะว่าที่เจ้ากระโดดลงมาเพื่อเศษเงินก้อนนี้”

“ก็ใช่น่ะสิ นี่คือเงินที่ข้าหามาได้ครั้งแรกในชีวิตเลยนะ ตั้งสิบตำลึงแน่ะ เก่งมากใช่ไหมล่ะ” หยุนหลีกล่าวโอ้อวดอย่างได้ใจ

สีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนไม่น่าดูขึ้นมาเล็กน้อยทันที“หากเจ้าตกลงมาจริงๆ ไม่ตายก็พิการ ไม่รู้ว่าต้องใช้เงินกี่สิบตำลึง วันนี้เห็นแก่หยุนถิงข้าถึงได้ช่วยเจ้า หากมีครั้งต่อไปเจ้าก็กลายเป็นคนพิการเถอะ”

หยุนหลีถึงได้รู้สึกตัวในภายหลัง เงยหน้ามองไปทางบันไดที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย“เมื่อครู่นี้ข้าถึงกับกระโดดลงมาจากบันไดที่สูงขนาดนี้เลยหรือ?”

โม่เหลิ่งเหยียนเหลือบไปมองสายตาที่รู้สึกกลัวภายหลังเล็กน้อยของหยุนหลีครู่หนึ่ง รู้ว่านางฟังเข้าใจแล้ว ถึงได้ก้าวเท้าเดินไปทางชั้นสอง

“รอเดี๋ยวก่อน ซวนอ๋องขอบคุณที่ท่านช่วยข้าเมื่อครู่นี้ ถ้าอย่างไรข้าเลี้ยงเหล้าท่านดีไหม วันนี้ข้ามีเงิน” หยุนหลีส่ายเงินที่อยู่ในมือ

“เงินแค่นั้นของเจ้า เกรงว่าคงไม่พอจ่ายแม้แต่ค่าสุราถ้วยเดียวของข้าหรอก” โม่เหลิ่งเหยียนเดินต่อไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมอง

หยุนหลีได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจกะทันหัน รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย“ดื่มสุราชั้นดีก็แน่แล้วหรือ หอใต้หล้าแห่งนี้ยังเป็นของพี่เขยซื่อจื่อของข้าเลย”

คนอื่นๆได้ยินก็พากันตกใจแทบแย่ นั่นเป็นถึงซวนอ๋องที่โหดร้ายกระหายเลือด โหดเหี้ยมราวกับพญายมเชียวนะ ปีนี้เขายังไม่เคยทำเรื่องที่น่ากลัวที่สุดเลย คงจะไม่ฉีกคุณหนูหยุนสี่คนนี้เป็นชิ้นๆแล้วโยนไปในแม่น้ำเป็นอาหารปลาหรอกใช่ไหม

ทุกคนต่างพากันวิตกกังวลแทนหยุนหลี แต่กลับได้ยินซวนอ๋องกล่าวขึ้นมาเพียงว่า“เจ้าควรจะรู้สึกโชคดีที่เจ้ามีพี่ใหญ่ที่ดีเช่นนี้ มิเช่นนั้นอาศัยแค่คำพูดในวันนี้ของเจ้า ข้าก็สามารถตัดลิ้นของเจ้าได้เลย”

หยุนหลีตกใจจนตัวสั่น ปิดปากเอาไว้โดยสัญชาตญาณ ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก วิ่งกลับไปทางห้องส่วนตัวของตัวเองบนชั้นสองอย่างรวดเร็ว

โม่เหลิ่งเหยียนมองดูท่าทางที่วิ่งหนีไปอย่างตื่นตระหนกของนาง สีหน้าเย็นชาเหมือนเคย เดินไปทางห้องส่วนตัวของตัวเอง

และจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงที่อยู่ในจวนซื่อจื่อ กำลังเล่นว่าวอยู่ที่ลานหลัง แต่แล้วก็ได้ยินผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ในหอใต้หล้า

หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง“ซวนอ๋องถึงกับช่วยน้องหญิงสี่ของข้า เขาไม่เคยยุ่งเรื่องคนอื่นไม่ใช่หรือ?”

จวินหย่วนโยวเหลือบมองนางครู่หนึ่ง“ย่อมเป็นเพราะเห็นแก่หน้าเจ้าอยู่แล้ว”

“อ้อ ที่แท้ข้าก็มีหน้ามีตาขนาดนี้เลย” หยุนถิงกล่าวอย่างมีความสุข

จวินหย่วนโยวยังคิดจะพูดอะไรต่อ ก็เห็นบ่าวรับใช้พาหยุนเฉิงเซี่ยงเดินเข้ามา

เมื่อหยุนถิงเห็น ก็วิ่งเข้าไปทันที“ท่านพ่อ ท่านมาได้อย่างไร เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?”

ใบหน้าของหยุนเฉิงเซี่ยงเต็มไปด้วยความหดหู่ท้อแท้“อย่าพูดถึงเลย วันนี้ข้าไปประชุมเช้ามีคนส่งฎีกามาจากเมืองตุ้นบอกว่าผลผลิตมันฝรั่งมีมากเกินไปแล้ว เอ่อล้นจนส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ปกติ ฝ่าบาทให้ขุนนางทุกคนคิดหาวิธี ดูว่าจะแก้ไขอย่างไร ก่อนประชุมเช้าพรุ่งนี้จะต้องเสนอแนวทางแก้ไขให้ได้

ฝ่าบาทยังเอ่ยชื่อพ่อโดยเฉพาะ ใครใช้ให้ข้าเป็นเฉินเซี่ยงคนปัจจุบันกันล่ะ พ่อก็จนหนทางจริงๆ ดังนั้นก็เลยมาถามเจ้าดูว่ามีวิธีอะไรบ้าง ข้าว่าความจริงฝ่าบาทก็ต้องการจะให้เจ้าคิดหาวิธีนั่นแหละ คาดว่าคงจะกลัวเสียหน้า ถึงได้คิดวิธีเช่นนี้ออกมา”

ฟังคำบ่นของพ่อตัวเอง หยุนถิงเข้าใจในทันที หลายวันก่อนฝ่าบาทยังจะให้ซื่อจื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์อยู่แล้ว ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะไม่ได้ตอบตกลง แต่ไม่แน่ว่าอาจจะรู้สึกหวั่นไหว อย่างไรเสียก็เป็นเขตเมืองห้าสิบเมือง

ฮ่องเต้รู้สึกอายที่จะหาตัวเองโดยตรง ถึงได้จงใจกดดันท่านพ่อเพื่อที่เขาจะได้ให้มาหาตัวเอง เจ้าเล่ห์จริงๆด้วย

“ท่านพ่อ เช่นนั้นท่านให้ข้าคิดดูก่อน” หยุนถิงเอ่ยปาก

“ไม่รีบ ไม่รีบ มีเวลาตั้งหนึ่งวัน ความจริงข้าไม่รีบเลยแม้แต่น้อย” หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าวปลอบโยน แต่ความกังวลบนใบหน้ากลับชัดเจนอย่างมาก

“ท่านพ่อตาเชิญนั่งทางนี้ หลิงเฟิงไปเอาชาหลงจิ่งที่ข้าเก็บสะสมออกมา” จวินหย่วนโยวออกคำสั่ง

“ขอบคุณซื่อจื่อมาก” หยุนเฉิงเซี่ยงเอ่ยปาก

หยุนเฉิงเซี่ยงกับจวินหย่วนโยวไปนั่งลงที่ศาลาในลาน หลิงเฟิงชงชามาหนึ่งกา พ่อบ้านให้คนไปเตรียมอาหารว่างและสลัดผลไม้เข้ามาให้ด้วยตัวเอง จากนั้นก็ไปดูที่ห้องครัว ให้พวกเขาเตรียมอาหารกลางวัน

จวินหย่วนโยวรินชาด้วยตัวเอง หยุนเฉิงเซี่ยงพึงพอใจอย่างยิ่ง ทั่วทั้งต้าเยียนรวมไปถึงสี่แคว้นคนที่สามารถทำให้จวินซื่อจื่อรินน้ำชาให้เกรงว่าคงมีแต่ตัวเองเท่านั้นแล้ว จู่ๆหยุนเฉิงเซี่ยงก็รู้สึกว่าตัวเองที่เป็นพ่อตาคนนี้ช่างน่าเกรงขามอย่างยิ่ง

“ถิงเอ๋อร์ เจ้าก็มาดื่มชาหน่อยเถอะ อากาศร้อนเช่นนี้ไม่รีบร้อนหรอก” หยุนเฉิงเซี่ยงเอ่ยปาก

“ท่านพ่อตา ถิงเอ๋อร์ไม่ชอบดื่มชา นางชอบกินสลัดผลไม้” จวินหย่วนโยวอธิบาย

“คิดไม่ถึงซื่อจื่อจะรู้จักถิงเอ๋อร์ดีเช่นนี้ ข้ารู้สึกปลื้มปีติยิ่งนัก” หยุนเฉิงเซี่ยงพึงพอใจมาก

หากไม่ได้ชอบด้วยใจจริง แล้วจะจำความเคยชินของคนคนหนึ่งได้อย่างไร

“หากหยุนเฉิงเซี่ยงไม่รังเกียจ เรามาเล่นหมากรุกกันเถอะ ถิงเอ๋อร์ก็ต้องการเวลาในการใช้ความคิดเหมือนกัน” จวินหย่วนโยวเสนอแนะ

“ได้ยินมาว่าทักษะการเล่นหมากรุกของซื่อจื่อยอดเยี่ยมมาก วันนี้ข้าจะขอคำแนะนำเล็กน้อย” ดังนั้นทั้งสองคนจึงไปเล่นหมากรุก

หยุนถิงให้เยว่เอ๋อร์ไปหยิบกระดาษพู่กัน นางเขียนวิธีการกินมันฝรั่งสมัยใหม่ทั้งหมดที่นึกได้ลงมา สุดท้ายก็คัดเลือกรายการที่สามารถทำได้จากในนั้นสองสามรายการ

“หลิงเฟิง เจ้านำภาพวาดพวกนี้ไปให้บรรดาช่างตีเหล็กในเมืองหลวง ให้พวกเขาเร่งสร้างทั้งหมดออกมา ทำให้ได้มากที่สุดก่อนประชุมเช้าวันพรุ่งนี้” หยุนถิงเอ่ยปาก

“ขอรับ!” หลิงเฟิงนำภาพวาดจากไปทันที ไม่มองซื่อจื่อของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

หยุนเฉิงเซี่ยงเห็นทุกอย่างนี้อยู่ในสายตา พึงพอใจอย่างยิ่ง หลิงเฟิงเป็นถึงองครักษ์ส่วนตัวของจวินซื่อจื่อ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเชื่อฟังคำสั่งของถิงเอ๋อร์เช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าฐานะของถิงเอ๋อร์ในจวนซื่อจื่อสูงมาก

อันที่จริงหยุนถิงสามารถใช้มิติสร้างสิ่งของออกมาได้ แต่ทำเช่นนั้นก็จะทำให้ฮ่องเต้และคนอื่นๆสงสัย ก็ยังต้องทำพอเป็นพิธีอยู่

“ท่านพ่อ ประชุมเช้าวันพรุ่งนี้น่าจะไม่มีปัญหา ข้าสอนท่านว่าจะกราบทูลต่อฝ่าบาทอย่างไร” หยุนถิงอธิบายอย่างละเอียด

หยุนเฉิงเซี่ยงฟังแล้วยังอดชูนิ้วโป้งขึ้นมาไม่ได้“ถิงเอ๋อร์เจ้ายอดเยี่ยมมากจริงๆ คิดวิธีที่ดีเช่นนี้ออกมาได้ในเวลาอันสั้นขนาดนี้ ช่วยพ่อได้มากจริงๆ ข้าให้กำเนิดลูกสาวที่ฉลาดเช่นเจ้าได้อย่างไร”

“ท่านพ่อพูดอะไรกัน คนในครอบครัวเดียวกันย่อมต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่แล้ว” หยุนถิงเอ่ยปาก

“ดี พูดได้ดี”

หยุนเฉิงเซี่ยงอยู่กินข้าวกลางวันที่จวนซื่อจื่อโดยเฉพาะ ถึงได้กลับไป ก่อนกลับไปพ่อบ้านของจวนซื่อจื่อขับรถม้าส่งหยุนเฉิงเซี่ยงกลับไปด้วยตัวเอง

แต่ว่าหยุนเฉิงเซี่ยงไม่ได้กลับไปที่จวนตระกูลหยุน แต่ให้คนนำรถม้าเร่งเดินทางไปยังคฤหาสน์ของจ้าวซ่างซู

เมื่อหยุนเฉิงเซี่ยงเห็นจ้าวซ่างซูก็แสร้งทำตัวน่าสงสารเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจทันที“ฝ่าบาทให้เวลาข้าหนึ่งวันในการคิดหาทางออก นี่คือจะเอาชีวิตข้าใช่ไหม ตำแหน่งเฉิงเซี่ยงของข้าเกรงว่าคงจะถึงจุดจบแล้ว”