บทที่ 423: ลูก

บทที่ 423: ลูก

6 เมษายน ฝนตก

เรากับบรรดาศิษย์ขุดอุโมงค์ใต้ดินเสร็จจนได้

ที่นี่เกือบจะเป็นโลกใหม่ในตัวมันเองอยู่แล้ว จนถึงขั้นที่ไม่ว่าสถานการณ์วันนี้พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราต่างก็ตายโดยไม่เสียใจได้แล้ว

แต่ไฉ่ยงกับลูกล่ะ? เราจะปล่อยพวกเธอตายไม่ได้

นักเรียนของเรามีบางอย่างผิดปกติ แต่เรากลับมีสติมากขึ้นทุกที รู้สึกว่าเรื่องนี้มันก็แค่ผลจากสนามแม่เหล็ก บางทีตัวตนบางอย่างอาจส่งอิทธิพลต่อเรา นี่คือครั้งแรกเลยนะที่เราคิดถึงปัญหาพรรค์นี้

โลกนี้มีผีด้วยเหรอ? เราถามไฉ่ยงไปแบบนั้น ไฉ่ยงตอบกลับว่าโลกนี้ไม่มีผี มันเป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้ และวิทยาศาสตร์ก็คือความกล้าหาญของมนุษย์

สถานการณ์แบบนี้ ไฉ่ยงยังพูดแบบนี้ได้อีก สมเป็นศรีภรรยาของเราดีแท้

คืนนี้เราจะนอนข้างลูกเหมือนเดิม เพื่อที่เราจะรู้สึกสบายใจได้

19 เมษายน ฝนตก

การใช้ชีวิตในราชวังใต้ดินนี้ไม่ง่ายเลย อาหารที่ดีที่สุดเท่าที่เราเตรียมได้ถูกส่งให้ไฉ่ยง เธอและลูกแข็งแรงดีมาก

การเตรียมอาหารยากสุด ๆ และทำได้แค่ในเวลากลางคืน ไม่อย่างนั้นคงอื่นจะปล้นมันไป

ถึงแม้พวกเขาจะเป็นศิษย์เราทั้งหมด แต่ก็ไม่มีหนทาง ลูกเราต้องรอด ขอโทษนะทุกคน แต่นี่คือความหมกมุ่นของคนเป็นพ่อคนนึง

โชคดีที่ทุกคนยังอยู่ คนยี่สิบเก้าคนทำงานร่วมกัน เราต้องออกไปกันได้หมดแน่

27 เมษายน ฝนตก

นับแต่ตอนเราลงมาจนถึงตอนนี้ ฝนตกทุกวัน อาหารขึ้นราหมดแล้ว แต่ไฉ่ยงอารมณ์ดี เธอเหมือนน้ำหนักขึ้นและดูน่ารักกว่าเก่าอีก

เราถกกันเรื่องชื่อลูกมาทั้งวัน แต่ก็ยังไม่รู้จะให้ชื่ออะไร

ตกดึก เราห้าคนนั่งล้อมกองไฟ ไม่รู้ว่าทำไม ความมืดที่นี่ดูเหมือนจะกลืนกินแสงสว่างได้ กระทั่งตอนที่เราเผาทุกอย่างเช่นกระดูกหรือเสื้อผ้า ไฟก็ไม่สว่างขึ้นสักที มันทำได้แค่ส่องสว่างตรงหน้าเราเป็นวงเล็ก ๆ เท่านั้น

ไฉ่ยงสอนให้เราทุกคนนั่งหันหลังชนกัน ไม่เผชิญหน้ากับความมืด ทุกคนตอบรับ ดังนั้นเราห้าคนเลยนั่งหันหลังชนกัน

ไฉ่ยงให้กำลังใจพวกเราทุกคนพร้อม ๆ กัน

ทุกคนชอบและเคารพเธอมาก ดูแลเธอเหมือนเป็นนางฟ้า เราดีใจมาก แต่ก็แอบเสียใจนิด ๆ

ไฉ่ยงน่ะของฉัน ลูกก็ด้วย

30 เมษายน ฝนตก

เราข้ามผ่านกลางคืนไปได้ แต่เส้าอีเหวินกำลังจะตาย คิดดูแล้ว เรานอนหลับในสภาพหลังชนกันเมื่อคืน แต่ตื่นมาเธอกลับโดนกิน

ฝีมือใครกัน?

เรางงมาก แต่แขนซ้ายและหลังทั้งหลังของอีเหวินถูกสิ่งเหล่านั้นกัดกิน เครื่องในของเธอไหลออกมาจากช่องว่าง ไส้กองอยู่บนพื้น หลังของเธอเต็มไปด้วยรูเจาะเลือดอาบเหมือนรังแตนแน่นขนัดไปหมด และมีเลือดข้น ๆ เหมือนหนอนด้วย

แต่เราหยุดระหว่างทางไม่ได้ เราต้องเดินทางกันต่อ

สุ่ยเสียงตงก็ทำตัวแปลก ๆ เขาเอาแต่พูดว่าเจอเอกสารสำคัญ จากนั้นก็เขียนเครื่องหมายแปลก ๆ ลงบนสมุดบันทึก บอกว่าเป็นอักษรจากอาณาจักรเอลฟ์

ศิษย์อีกคนของเรา ต้วนเสวหมิ่นไม่เห็นด้วยกับเขา เขากระทั่งจะทุบตีต้วนเสวหมิ่น

เขาบ้าไปแล้วอย่างสมบูรณ์ สมองไม่รับรู้อีกต่อไปว่าต้องทำอะไร ดวงตาของเขาบอดลงกะทันหัน เหลือเพียงเบ้ากลวง ๆ สองเบ้า พร่ำเพ้อบอกว่า ‘เขา’ อยู่ข้างกายตนตลอด กระทั่งสัมผัสลมหายใจกันได้

การพาเขาเดินทางต่ออาจเป็นอันตรายต่อไฉ่ยง ลูก และเสวหมิ่นได้

เราจึงเกลี้ยกล่อมให้เขาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลเส้าอีเหวิน จากนั้นก็แอบทิ้งเขาไว้

แม้ว่านี่จะโคตรไม่ยุติธรรม แต่ถ้าเรายังดึงดันในความเป็นธรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่มันจะรังแต่ทำให้สิ่งอื่น ๆ เสียหายไปมากกว่านี้

ตอนนี้เหลือแค่เรา ไฉ่ยง และลูกศิษย์ชื่อต้วนเสวหมิ่น

27 เมษายน ฝนตก

ฝนยังตกไม่หยุด เราสามคนก็ยังไม่เจอทางออก พูดจากใจ นี่ชวนสิ้นหวังหน่อย ๆ

แต่เราไม่สามารถแสดงมันออกมาตรงหน้าไฉ่ยงและเด็ก ๆ เราเลยถามเสวหมิ่นหยอก ๆ ไปว่าเธอยังเหลืออาหารไหม และเธอก็ร้องอย่างหวาดกลัว

เธอบอกว่าอย่ากินเธอ อย่ากินเธอเลย

ยัยเด็กโง่ เราจะไปกินเธอได้อย่างไร ตลกจริง ๆ ไฉ่ยงขำ และเมื่อเธอยิ้ม เราก็รู้สึกมีความหวังมาก

เราวางมือลงบนท้องของไฉ่ยง ลูกเตะเราอยู่ นี่คือลูกคนแรกของเรา ไม่ว่าอย่างไร เราจะปกป้องชีวิตของเขาให้จงได้

เรารักเขา

28 เมษายน ฝนตก

เสวหมิ่นหายไปแล้ว

29 เมษายน ฝนตก

เหลือแค่เรากับไฉ่ยง น่องเราโดนงับจนเนื้อแหว่ง แต่ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด

เราอยู่ในสภาวะมึนงงมาตลอดทั้งวัน ไฉ่ยงบอกว่ามันเกิดจากโรคกลัวที่แคบและภาวะขาดสารอาหาร น้ำฝนเหนียวหนืดและคาวมาก การดื่มฝนเป็นเวลานานทำให้เราอยากจะอ้วก

แต่ไฉ่ยงไม่เป็นไร เธอดูไม่ขัดข้องอะไรทั้งสิ้น ท้องของเธอใหญ่เกินไป

เธอจะคลอดลูกอยู่แล้ว มือเท้าของเธอบวมพอง เดินไม่สะดวกอย่างยิ่ง

เรากับไฉ่ยงเขียนชื่อลูกของเราเต็มไปหมดอย่างเงียบ ๆ แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้สักที เราอยากได้ลูกสาว แต่ไฉ่ยงอยากได้ลูกชาย

ถ้าเป็นลูกสาว เธอต้องคล้ายไฉ่ยงมากเลยแน่ ๆ

เราคิดหาชื่อได้ราว ๆ โหลนึง แต่ไฉ่ยงคิดชื่อลูกชายไว้ชื่อเดียว เราไม่ชอบมันเอาเสียเลย แต่ขอแค่เธอมีความสุขก็เป็นอันจบ

(ด้านล่างร่ายรายชื่อไว้เป็นโหล)

ไฉ่ยงกับเรากำลังเร่งเดินทางไปยังจุดหมายหนึ่ง แปลกจัง เรากำลังไปไหนกัน?

1 พฤษภาคม ฝนตก

ขาเราเสียเนื้อไปเยอะมาก กระดูกโผล่ออกมาให้เห็นชัด ๆ แล้ว เราเดินต่อไม่ได้ ดังนั้นเราจึงทำได้เพียงคืบคลานไปกับพื้น

จากการคืบคลาน โคลนเกาะพอกเต็มตัว แต่ไฉ่ยงไม่ได้รังเกียจกัน เธอจูบเราแล้วลากเราไปต่อ

หลินเจี๋ยพลิกหน้าต่อไปอย่างไร้อารมณ์ แต่บรรทัดว่าง ๆ ทำให้เขาตื่นจากภวังค์ของการอ่านสมุดบันทึกเล่มนี้

หมดแล้วเหรอ? หลินเจี๋ยพลิกหน้ากระดาษต่อ และจากนั้นก็พบว่าหน้ากระดาษสุดท้ายแทบจะเปื้อนเลือดเต็มทั้งหน้า หลินเจี๋ยเอื้อมมือไปลูบมันด้วยปลายนิ้วของเขา และสัมผัสรอยยุบจากปลายปากกาได้

เขาสูดหายใจลึก ๆ หยิบสมุดบันทึกออกมาจ่อไฟที่ตะเกียง และภายใต้แสงไฟ ตัวอักษรสีแดงสดจากการกดปากกาหนัก ๆ ก็สะท้อนสู่คลองจักษุ

เรามาถึงแล้ว เราถึงแล้ว ในที่สุดเรากับไฉ่ยงก็มาถึง

แต่ที่นี่ นี่คือนรกเหรอ?

ซากเนื้อเน่า ๆ ประกอบกันเป็นราชวังใหญ่โตบดบังท้องฟ้า สิ่งมีชีวิตประหลาดต่าง ๆ รวมไปถึงซากศพมนุษย์กองระเกะระกะตรงหน้าเรา เมื่อเหยียบเท้า เราก็จะได้ยินเสียงเลือดเนื้อลื่น ๆ

ลูกตาสีดำและแดงไม่รู้กี่คู่ต่อกี่คู่กระจายไปทั่วราชวังแน่นไปหมด พวกมันมองมาที่เราทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป

เส้นหนวดเล็ก ๆ เหมือนทั้งมือทารกและหนอนแมลง มันดิ้นยุกยิกอย่างไร้จุดหมาย

มีก้อนเนื้อยักษ์ลักษณะคล้ายทารก เชื่อมติดกับเนื้อเยื่อบาง ๆ ที่เหมือนใยแมงมุมนับไม่ถ้วนกับท่อเลือดถูกบรรจุอยู่ในถุงน้ำสีเหลืองใส

มันเป็นปีศาจ…ปีศาจ! เราดึงไฉ่ยงแล้วหนีให้ไว แต่ทางเดินที่สร้างจากเครื่องใน เลือด และเนื้อเหล่านี้ ดูจะไม่จบสิ้นเสียที

โลกทั้งใบแดงฉาน เต็มไปด้วยซากศพมนุษย์ที่ถูกบูชายัญอย่างแปลกประหลาด แขนขาและสัมผัสต่าง ๆ ของพวกเขาถูกต่อติดกันอย่างมั่ว ๆ บิดเบี้ยวไม่เป็นรูป ดูเหมือนวังวนไม่รู้จบ

พวกเขายังคงคุยกันไม่หยุด ขานชื่อของเรา บอกว่าเรายังมีชีวิต คนที่มีขาเต็มไปหมดกำลังไล่ตามเรา คนที่มีแค่หนังมนุษย์ก็กำลังไล่ล่าเรา คนบางคนยังถูกบิดจนกลายเป็นเส้น ใบหน้าบิดเบี้ยว… พวกเขาล้อมเราไว้แล้ว

ทั้งเฒ่าเฉินที่ตายไป ศิษย์ทั้งหลายของเรา พวกเขาต่างแหว่งวิ่น…

เราหยุดไม่ได้ ไม่อย่างนั้น เราจะเป็นเหมือนพวกเขาด้วย

แต่ไฉ่ยงล้มลง เธอกำลังจะคลอดลูก

เราช่วยเธอทำคลอด แต่เด็กออกมาไม่ได้ ไม่ว่าเราจะทำอย่างไรก็ตาม! เรานี่มันโคตรไร้ประโยชน์เลย ลูกพ่อ ทำไมไม่ออกมาล่ะ ทำไมทำให้แม่เจ็บปวดขนาดนี้…

ไฉ่ยงเจ็บปวดมาก หัวใจเราก็เช่นกัน

เจ็บ เจ็บ มันเจ็บ…

ทั้งเราและไฉ่ยงเต็มไปด้วยเลือด

ในที่สุดก็เจอแล้ว เด็กออกมาแล้ว เขาเต็มไปด้วยเลือดและร้องไห้จ้า แต่เขาดูไม่เหมือนทั้งเราและไฉ่ยงเลยสักนิด

…เขาดูเหมือนทารกที่อยู่ในถุงน้ำสีเหลืองใสนั่น

แต่นี่คือลูกเรา ลูกคนเดียวของเรา

เราหาไฉ่ยงไม่เจอแล้ว แต่เรากับลูกต้องไปจากที่นี่ นี่คือชะตาของเราในฐานะพ่อ

เป็นไปตามที่ไฉ่ยงคาด เป็นลูกชายชื่อหลินเจี๋ย ใช้คำว่า ‘เจี๋ย’ จากคำว่า ‘สื่อกลาง’

บันทึกจบลงโดยสมบูรณ์ หลินเจี๋ยเอนร่างพิงเคาน์เตอร์ จ้องมองเงาของตนภายใต้แสงสลัว

ในร้านหนังสืออันเวิ้งว้าง หลินเจี๋ยรู้สึกราวกับตนกลับไปยังช่วงที่ยังไม่มีมูเอน สมัยที่เขาก้าวเข้ามาในร้านหนังสือเมื่อสามปีก่อน หรือ… อดีตที่ห่างไกลยิ่งกว่านั้น