ภาค-3-คลื่นใต้น้ำถาโถม ตอนที่ 2 คลื่นใต้น้ำถาโถม (2)

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ

หลี่จื้อเห็นว่าในที่สุดข้าก็ลุกขึ้นพาโหรวหลันเดินมายังศาลาเสียที จึงหัวเราะเอ่ยว่า สุยอวิ๋น ท่านมาแล้ว เอาละ หมากตานี้นี้พอเท่านี้เถิด

ข้ามองกระดานหมาก เห็นหมากของหลี่จื้อสะเปะสะปะจึงขยับยิ้ม เอ่ยว่า คนกล่าวกันว่าผู้เก่งเกมหมากย่อมชำนาญการศึก หากทำศึกในสนามรบ เสี่ยวซุ่นจื่อคงพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่กลายเป็นว่าพอดวลหมาก องค์ชายกลับต้องยกธงขาวยอมแพ้

เสี่ยวซุ่นจื่อใบหน้าเรียบเฉยขณะเก็บกระดานหมากกับเม็ดหมาก ไม่มีเจตนาจะเอ่ยคล้อยตามอย่างสิ้นเชิง เขาเพียงมองเยาะข้าแวบหนึ่งเท่านั้น ข้าอดลูบจมูกไม่ได้ พูดกันตามจริงตอนนี้ข้ากับเขาดวลหมากกัน เจ้าหนูนี่ต่อให้ข้าได้ตั้งสามตัวแล้ว

ตอนที่ข้านั่งลงยกชาขึ้นดื่ม เสี่ยวซุ่นจื่อก็พาโหรวหลันไปส่งให้หญิงรับใช้ของพระชายาเสร็จกลับมาแล้ว ข้ารู้สึกว่าร่างกายปวดร้าวนิดๆ ทั่วทั้งตัว เมื่อได้ดื่มชาร้อนถ้วยหนึ่งลงท้อง ข้าพลันรู้สึกกระปรี้กระเปร่าจนห้ามตนเองไม่ไหว ครางออกมาอย่างสุขสบาย

หลี่จื้อหัวเราะ เมื่อวานฉินชิงร้องเรียนเผยอวิ๋น แม่ทัพกองราชองครักษ์แห่งค่ายอุดร ตำหนิเขาว่ามักมากหลายใจ

ข้าอมยิ้ม นี่คงเป็นความคิดของหลี่หันโยวกระมัง ตอนนี้ฉินชิงทำได้แต่เชื่อฟังคำสั่งภรรยาสินะ

หนึ่งปีที่ผ่านมา ผู้ที่ได้มีหน้ามีตาที่สุดก็คือฉินชิงกับหลี่หันโยว ครึ่งปีก่อนนางแต่งงานกับฉินชิง หลังแต่งงานได้ไม่นาน ฉินชิงก็ได้เลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งกองทหารราชองครักษ์ แม้ความจริงแล้วแม่ทัพใหญ่กองทหารราชองครักษ์เป็นเพียงตำแหน่งกลวงๆ มาตลอด เพราะในความเป็นจริงกองทหารราชองครักษ์อยู่ในความดูแลของแม่ทัพใหญ่ฝู่หย่วนฉินอี๋ แต่ฉินชิงเป็นถึงบุตรคนโตของฉินอี๋ เมื่อเปรียบกับผู้อื่นย่อมแตกต่างแน่นอน แม้ฉินอี๋ยังไม่วางอำนาจในมือ แต่ตอนนี้ฉินชิงก็เคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทหารราชองครักษ์ส่วนหนึ่งได้แล้ว ยามนี้ฉินชิงเป็นแม่ทัพหนุ่มผู้ค่อนข้างมีชื่อเสียงโด่งดังของต้ายง ส่วนองค์หญิงจิ้งเจียงหลี่หันโยวเดิมทีก็มีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิง แล้วยังเป็นศิษย์สำนักเฟิงอี้ แม้การแต่งงานจะทำให้นางมิอาจเป็นศิษย์สายในของสำนักเฟิงอี้ได้อีก แต่ก็เห็นชัดยิ่งว่านางยังมีตำแหน่งสูงส่งในสำนักเฟิงอี้ คู่สามีภรรยาเช่นนี้ย่อมเป็นที่จับตาของผู้คน สิ่งที่หายากยิ่งกว่าก็คือพวกเขารักใคร่กันยิ่งนัก เรื่องนี้ทำให้ผู้คนทั้งในและนอกราชสำนักต้ายงริษยาอย่างยิ่ง

หลี่จื้อหัวเราะหยัน หลายวันก่อนเผยอวิ๋นตบแต่งอนุภรรยารักเข้าตระกูลอย่างเป็นทางการ แต่ภรรยาเอกของเขากลับได้รับหนังสือหย่า นี่ก็ไม่แปลกที่หลี่หันโยวจะโกรธจัด ฮูหยินตระกูลเผยเซวียชิวเสวี่ยก็เป็นศิษย์สำนักเฟิงอี้เช่นกัน ได้ยินว่าเป็นน้องคนสนิทของหลี่หันโยวด้วย

ข้ายกถ้วยชาขึ้นมาแล้วเอ่ยอย่างเฉยเมย เรื่องนี้ได้แต่โทษที่สตรีนางนั้นโง่เขลา เผยอวิ๋นแสดงออกชัดแล้วว่าไม่ต้องการแต่งกับนาง ตอนนั้นเผยอวิ๋นเดินทางไปขอขมาตระกูลเซวีย บอกกล่าวอย่างชัดเจนว่าเขามีอนุภรรยาแล้ว ทั้งอีกฝ่ายยังตั้งครรภ์แล้วด้วย หากตระกูลเซวียยินยอมถอนหมั้น เขาก็ยินดีจะชดใช้ให้ แต่คุณหนูเซวียผู้นั้นดึงดันจะแต่งเข้ามาในตระกูลเผยให้ได้ นี่ยังพอทำเนา หากสตรีนางนี้ยอมทำหน้าที่ให้ดี เผยอวิ๋นเดิมทีเป็นผู้มีจิตใจดีงามอยู่แล้ว อยู่กันนานวันไม่แน่ว่าเขาจะไม่ยอมรับนาง แต่นางเล่ห์เหลี่ยมยังไม่ถึงขั้นก็ดันเลือกใช้วิธีการรุนแรงเกินไป จนกลับกลายเป็นว่าทำให้เผยอวิ๋นยิ่งหนีห่าง ตอนนี้ยังจะทำร้ายอนุภรรยากับทารกที่เพิ่งเกิดอีก หากพบไม่ทันการณ์ก็คงเสียไปสองชีวิต หากไม่ติดเรื่องสำนักเฟิงอี้ น่ากลัวว่าเผยอวิ๋นคงสังหารนางในกระบี่เดียวแล้ว แต่ฉินชิงจะตำหนิเผยอวิ๋นก็มีเหตุผล ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็นับว่ามักมากหลายใจจริงๆ

หลี่จื้อเอ่ยว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ สำนักเฟิงอี้คงไม่ยอมเลิกราแน่ แม้พวกนางมิอาจลงมือโดยตรงเพราะติดเรื่องธรรมเนียม แต่พวกนางก็ตำหนิว่าเผยอวิ๋นมิสมควรเฉยชาต่อภรรยาเอกจนทะเลาะกับเส้าหลินไปหลายรอบแล้ว

ข้าหัวเราะ แม้พวกนางพูดไม่ผิด แต่เส้าหลินยอมรับการกระทำเช่นนี้ของเผยอวิ๋นกลายๆ อยู่แล้ว เผยอวิ๋นเป็นศิษย์ที่พวกเขาพิถีพิถันคัดเลือกมา พวกเขาย่อมไม่ยินดีให้เผยอวิ๋นเกี่ยวดองอันใดกับสำนักเฟิงอี้

หลี่จื้อพยักหน้า แม้กล่าวเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรเส้าหลินก็ยังตัดสัมพันธ์กับสำนักเฟิงอี้ไม่ได้ แม้สำนักเฟิงอี้จะสร้างความลำบากให้เผยอวิ๋นอย่างเปิดเผยไม่ได้ แต่หลี่หันโยวก็ยังใช้ฉินชิงมาหาเรื่องเผยอวิ๋นได้ ท่านว่าสมควรทำเช่นไรดีเล่า เผยอวิ๋นเป็นหมุดที่ท่านอุตส่าห์ตอกเข้าไปในกองทหารราชองครักษ์ คงทิ้งไปเฉยๆ ไม่ได้

ข้าส่ายหน้าเอ่ยว่า องค์ชายชมเกินไปแล้ว ข้าก็เพียงชี้ทางให้เท่านั้น สิ่งที่ทำให้เผยอวิ๋นภักดีกับองค์ชายคือความสามารถของตัวองค์ชายเอง นับแต่โบราณ ขุนนางดีย่อมเลือกนาย หากมิใช่องค์ชายคุณธรรมสูงส่ง เผยอวิ๋นจะยินยอมพร้อมใจรับบัญชาได้เช่นไร ครั้งนี้องค์ชายก็ต้องลงมือช่วยเหลือ ต้องทำให้วัดเส้าหลินมาสนับสนุนองค์ชายอย่างแท้จริงให้จงได้ แม้ก่อนหน้านี้เส้าหลินจะมีเจตนาร่วมมือกับองค์ชายต่อต้านสำนักเฟิงอี้ แต่ก็ยังติดเรื่ององค์จักรพรรดิกับรัชทายาท จนสุดท้ายทำได้เพียงสนับสนุนอย่างลับๆ ครั้งนี้สำนักเฟิงอี้เหิมเกริมเกินไป น่ากลัวว่าคงทำให้เส้าหลินโมโหแล้ว นี่ประจวบเหมาะเป็นโอกาสขององค์ชาย

หลี่จื้อถอนหายใจ สุยอวิ๋น ข้าเลื่อมใสท่านยิ่งนัก การลงมือของท่านเมื่อหนึ่งปีก่อนทำให้ผู้มีสติปัญญาทั้งในนอกราชสำนักเห็นโฉมหน้าของรัชทายาทได้ชัดเจนขึ้น ตอนนี้แม้พวกเขายังไม่ตัดสินใจสนับสนุนข้า แต่ก็เปลี่ยนมาเป็นกลางกันทั้งสิ้น ก่อนหน้านี้มีผู้คนมากมายคิดว่ารัชทายาทเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งโดยชอบธรรม ทั้งยังมิเคยทำผิดคุณธรรม ดังนั้นต่อให้รู้สึกว่าข้าเก่งกาจก็รักษาระยะห่างอยู่เสมอ แต่พอวันนี้ข้าไม่รวบรวมผู้มีความสามารถตามที่ท่านกำชับ ข้ากลับรู้สึกว่าพวกเขายินดีเข้าใกล้จวนยงอ๋องมากขึ้น เพียงหนึ่งปีกว่าเท่านั้น ท่านก็ทำให้ข้าพลิกสถานการณ์กลับได้ ข้าไม่รู้ว่าสมควรขอบคุณเช่นไรดี

ข้าเอ่ยอย่างนิ่งสงบ นี่ก็เพราะองค์ชายยอมรับความคิดของข้า ข้าให้องค์ชายมิเคลื่อนไหว เก็บงำประกาย องค์ชายก็ยอมรับอย่างยินดี หนึ่งปีมานี้ องค์ชายไม่เคลื่อนไหวผิดแปลก เมื่อเป็นเช่นนี้รัชทายาทย่อมมิอาจอ้างเหตุว่าองค์ชายสร้างความชอบมากเกินไปทำให้บัลลังก์สั่นคลอนมาเล่นงานองค์ชายได้ การสร้างปัญหาต่างๆ นานาของเขากลับยิ่งทำให้ผู้คนเห็นใจองค์ชาย สืออวี้รับบัญชาจากองค์ชายคัดเลือกขุนนางอยู่ที่โยวโจว ทุกคนก็ล้วนคิดว่าองค์ชายทำเพื่อดินแดนบรรดาศักดิ์ ยามนี้องค์ชายมีขุนนางบุ๋นบู๊ใต้บัญชาพร้อมก็เริ่มแผนการใหญ่ได้แล้ว กระหม่อมรับประกันว่า ภายในปีนี้รั ชทายาทจะต้องเสียตำแหน่งผู้สืบทอดบัลลังก์

หลี่จื้อเอ่ยอย่างคลางแคลง แม้รัชทายาทจะเสียความศรัทธาจากคนส่วนหนึ่งไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่น่าเป็นไปได้ที่จะถูกปลด หนึ่งปีที่ผ่านมาเขารอบคอบยิ่งนัก ท่านมั่นใจได้เช่นไรว่าจะปลดเขาออกจากตำแหน่งรัชทายาทได้

ข้าหัวเราะท่าทางลึกลับแล้วตอบว่า หลายปีนี้องค์ชายพยายามส่งคนเข้าไปในพรรคพวกของรัชทายาทมาตลอด ทว่าก่อนหน้านี้เพราะรัชทายาทระมัดระวังรอบคอบและยังมีกำลังของหลู่จิ้งจงกับสำนักเฟิงอี้อยู่จึงยากจะสมดั่งหวัง แต่หนึ่งปีที่ผ่านมารัชทายาทเสียความศรัทธาจากผู้คนเพราะเรื่องกรมคลัง แล้วยังเสียความเชื่อใจจากลูกน้องเพราะการสังหารคนปิดปาก หลู่จิ้งจงกับสำนักเฟิงอี้ฉากหน้าร่วมมือกับเขา แต่ใจมิได้ภักดี องค์ชายเองก็บุกเข้าไปถึงในพรรคพวกของรัชทายาทสำเร็จแล้วมิใช่หรือ แม้ยังไม่ถึงใจกลาง แต่การเคลื่อนไหวบางอย่างของรัชทายาทก็ซ่อนเร้นจากท่านมิได้แล้ว ท่านไม่รู้จริงหรือว่ารัชทายาทกำลังทำสิ่งใดอยู่

หลี่จื้อยิ้มกระอักกระอ่วน เรื่องนี้ข้ารู้มาเล็กน้อย ได้ยินว่าไม่รู้เกิดอะไรขึ้น รัชทายาทจึงติดใจหอนางโลมจนซื้อนางคณิกามากเสน่ห์ชื่อดังของต้ายงมาเก็บไว้เป็นอนุภรรยาอย่างลับๆ หลายครั้ง จนกระทั่งต่อมาเสด็จพ่อได้ข่าว เขาจึงเพลาลง ระยะนี้เขาไม่ได้ทำตัวเจ้าชู้เสเพลเช่นนั้นแล้ว แต่มักจะไปที่วังหลังกตัญญูดูแลเสด็จพ่อกับฮองเฮา

ข้าหัวเราะหยัน นั่นเพราะเขาเปลี่ยนวิธีหาความสุขไปติดพันพระสนมใหม่คนหนึ่งขององค์จักรพรรดิต่างหาก

หลี่จื้อตกตะลึง จะเป็นไปได้อย่างไร นี่เป็นเรื่องผิดจารีต หากเสด็จพ่อทรงทราบ ไฉนจะแค่ตำหนิเขาอย่างหนัก อาจจะปลดตำแหน่งรัชทายาทของเขาเลยก็เป็นได้ พูดถึงตรงนี้ หลี่จื้อก็ชะงัก ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า แต่จะใช้เรื่องในวังหลังมาปลดรัชทายาท เกรงว่าคงไม่ง่ายเช่นนั้น ถึงอย่างไรวังหลังก็มิอาจยุ่งเรื่องบ้านเมือง

ข้าเอ่ยอย่างมีเลศนัย หากองค์รัชทายาทมีความสามารถอยู่บ้าง ฝ่าบาทอาจไม่ริบตำแหน่งรัชทายาทของเขา แต่เดิมทีฝ่าบาทก็เสียความเชื่อมั่นในตัวรัชทายาทไปอยู่แล้ว สำหรับฝ่าบาท ในวันนี้ประโยชน์ข้อสำคัญของรัชทายาทก็คงเป็นการกดท่านไว้ หากเรื่องนี้แดงออกมา ต่อให้ฝ่าบาทไม่ปรารถนาก็ต้องลงโทษรัชทายาทให้หนัก ไม่ว่าฝ่าบาทยินดีปลดตำแหน่งรัชทายาทหรือไม่ก็ต้องแสดงท่าทีออกมาบ้าง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ในใจรัชทายาทย่อมเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มคลางแคลง พ่อลูกสงสัยกันเอง สิ่งนี้คือผลลัพธ์ที่กระหม่อมต้องการ รัชทายาทในใจหวาดระแวงอยู่แล้ว ต่อให้รักษาตำแหน่งรัชทายาทไว้ได้ก็คงวิตกทั้งวันคืนว่าฝ่าบาทจะคิดบัญชีย้อนหลังหรือไม่ ถึงเวลานั้นเขาย่อมลนลาน เมื่อเป็นเช่นนี้ยิ่งเขาอยากแก้ตัวก็คงยิ่งทำให้ฝ่าบาทไม่พอใจ แม้เรื่องวังหลังจะไม่สำคัญ ทว่านับแต่โบราณมา ความผูกพันระหว่างพ่อลูกโอรสสวรรค์ไม่เคยลึกซึ้ง บิดาบุตรเข่นฆ่ากันให้เห็นหลายครั้งจนไม่แปลกใหม่ ถึงเวลาเกรงว่ารัชทายาทจะระแวงความรู้สึกของฝ่าบาทมากเสียยิ่งกว่าที่ระแวงองค์ชาย

หลี่จื้อเอ่ยว่า แต่พวกจี้กุ้ยเฟยคงพยายามช่วยสารพัดเป็นแน่ สุดท้ายก็คงไม่ได้ผล

ข้าเอ่ยเรียบๆ หากพวกนางฉลาดไม่เอาตัวมายุ่ง กระหม่อมถึงจะกังวล แต่ยิ่งพวกนางลงมือมาก ช่องโหว่ก็ยิ่งมาก องค์ชายไม่อยากให้โฉมหน้าที่แท้จริงของพวกนางเผยออกมาหรือ

หลี่จื้อจมลงไปในห้วงความคิด จากนั้นใบหน้าก็เผยสีหน้ายินดีออกมาพริบตาหนึ่งแล้วเอ่ยว่า สุยอวิ๋นวางแผนการได้ดีนัก หากความชั่วของพวกนางไม่ปรากฏ ข้าจะสำเร็จโทษได้เช่นไร

ตอนต่อไป