ตอนที่ 436 ก้าวหน้า

ตอนที่ 436 ก้าวหน้า

“ผมขอค้าน!” จอมพลเอเดนก้าวขึ้นมาด้านหน้าเนื่องจากด้านหลังของเขาเต็มไปด้วยมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วน

อีกฝ่ายคิดว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์โง่เขลาได้อย่างไร?!

“คุณรู้ได้ยังไงว่าพวกมนุษย์โง่? เฮอะ! อย่าได้คิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณเป็นหัวหน้าผู้รับซื้อรายใหญ่ที่ค้าขายมนุษย์! แล้วยังมีหน้ามาบอกว่ามนุษย์โง่ คุณก็แค่อยากทำเงินเท่านั้นแหละ!”

คำพูดของจอมพลเอเดนไม่ได้แสดงความเห็นใจแก่สมาชิกรัฐสภาคนดังกล่าวแม้แต่น้อย

ใบหน้าของสมาชิกรัฐสภาคนนั้นจึงแดงก่ำด้วยความโกรธจัด คำพูดของจอมพลเอเดนทำให้เขาขุ่นเคืองอย่างมาก!

กระบวนการประชุมทางรัฐสภาจะมีการถ่ายทอดสด แต่เอเดนคนนี้กลับพูดจากถางถางเขาต่อหน้าผู้ชมทั้งห้วงดวงดาว ต่อให้ช้างตายทั้งตัวก็เอาใบบัวมาปิดไม่มิด!

“กล้าดียังไง!” สมาชิกรัฐสภาคนนั้นรู้สึกโกรธแทบตาย!

“ท่านมันก็แค่คนไม่มีความรู้ความสามารถ จะไปรู้อะไรได้?! ท่านมีหลักฐานว่าผมทำแบบนั้นเหรอ?!” เขาตะคอก

ทว่าจอมพลเอเดนกลัวหรือไม่? บอกได้เลยว่าเขาไม่กลัวสักนิด!

อีกทั้งยังหัวเราะเยาะใส่ “อยากได้หลักฐานเหรอ? ได้สิ! ถ้าท่านไม่กลัว ผมจะส่งหลักฐานชิ้นนั้นไปให้ ท่านจะว่าไงล่ะ?!”

“อะไรนะ?!”

สมาชิกรัฐสภาสะดุ้งเล็กน้อย เขามองดูความมั่นใจของเอเดน และรู้สึกลังเลขึ้นมา!

การที่เขาทำธุรกิจซื้อขายเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นไม่ใช่ความลับอะไร ทว่าสิ่งสำคัญคือทุกคนที่นี่ต่างก็ซื้อขายมนุษย์กันทั้งนั้น ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกละอายใจมากนัก

ทว่าจอมพลเอเดนคนนี้มีทางเลือกอื่นเสมอ ในขณะที่คนอื่นค้าขายมนุษย์ เขากลับเปิดกิจการโรงแรมและจัดเลี้ยง

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาทำรายได้มากกว่าการค้าขายเผ่าพันธุ์มนุษย์เสียอีก!

มีหลายคนที่พยายามเรียนรู้จากจอมพลเอเดนผู้นี้ ทว่าน่าเสียดายที่กิจการของพวกเขาไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเหมือนอีกฝ่าย!

จักรพรรดิผู้แก่ชรานั่งนอนหาวอยู่ด้านบน ขณะที่องค์ชายทั้งสามนั่งอยู่ด้านล่าง

องค์ชายใหญ่นั่งตรงกลาง เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีท่าทีจริงจังและไม่ยิ้มแย้มมากนัก ดวงตาของเขาจับจ้องไปรอบ ๆ สถานที่จัดประชุม มองดูจอมพลเอเดน และรับรู้ได้ว่าจอมพลเอเดนต้องชนะการอภิปรายในครั้งนี้

เขาขยิบตาให้คนของเขาที่นั่งอยู่ด้านล่าง และทุกคนเข้าใจความหมายของการยอมถอยในครั้งนี้

สมาชิกรัฐสภาอีกคนลุกขึ้นยืนและพูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อจอมพลเอเดนยอมไว้หน้าท่าน ท่านก็ยอมรับความผิดซะ แล้วอย่าได้พูดถึงมันอีก”

สมาชิกรัฐสภาหันหัวกลับไปมองสมาชิกรัฐสภาที่โพล่งออกมา เขานั่งลงอย่างขุ่นเคือง

จะให้เขาขอโทษงั้นเหรอ? ไม่มีวันซะหรอก!

จอมพลเอเดนเหลือบมองสมาชิกคนอื่นอีกครั้ง ใครก็ตามที่เข้าร่วมกระบวนการค้ามนุษย์มักจะหลบสายตาของเขา ไม่มีใครหน้าไหนมองตอบ

ผู้ชมภายนอกต่างเฝ้าดูด้วยความสนใจอย่างมาก จอมพลเอเดนผู้นี้กล้าหาญสมกับเป็นชาวตานหยาง!

ส่วนชายที่ทำผิดพลาดก่อนหน้านี้มองดูสมาชิกคนอื่นบนที่ประชุมด้วยความตกตะลึง!

องค์ชายสามมองดูการแสดงด้านล่างด้วยความสนใจ จากนั้นจึงหันไปพูดกับองค์ชายรองว่า “พี่รอง คนของพี่ไม่เลวเลยนะ!”

‘องค์ชายรอง’ ได้ยินคำพูดดังกล่าวจึงพูดตอบรับเบา ๆ ว่า “ไม่หรอก ต้องขอบใจน้องสามที่ออมมือให้”

องค์ชายสามทำตัวไม่ถูกหลังจากได้ยินเช่นนั้น เพียงแต่ส่งเสียงเบื่อหน่ายออกมา

ในตอนนั้นจอมพลเอเดนไม่ได้รุ่งโรจน์เจิดจรัสถึงขนาดนี้ เป็นเพียงจอมพลธรรมดา ถึงอย่างนั้นเขากับพี่ชายรองก็เคยมีความเห็นชอบคล้ายกัน แต่กลับรู้สึกว่าเอเดนไม่มีมารยาทอารยะขั้นพื้นฐานเอาเสียเลย จึงปล่อยให้อีกฝ่ายตีสนิทดึงเอาเอเดนเข้าไปเป็นพวก

ในทางกลับกัน พี่ชายรองยืนกรานแน่วแน่ และเขาไม่เคยคาดคิดว่าจอมพลเอเดนจะนำโชคลาภมากมายมาให้ แต่หลังจากชนะการอภิปรายหลายครั้งติด สถานภาพของเขาก็เริ่มสูงส่งขึ้น และกลายมาเป็นจอมพลเบอร์หนึ่งในที่สุด

นี่ทำให้เขากับพี่ชายใหญ่ต่างอิจฉา!

หากพูดถึงสถานภาพของพี่ชายรอง ก่อนหน้านี้สถานภาพของเขายังไม่สูงส่งมากนัก ความสามารถแย่งชิงบัลลังก์ค่อนข้างต่ำต้อยกว่าเขาและพี่ชายใหญ่ แต่เมื่ออาศัยอำนาจจากเอเดนก็สามารถไต่เต้าจนกลายมาเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งได้ นับได้ว่าเป็นโชคดีนัก!

แต่ได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้เอเดนทำตัวไม่เคารพนับถือพี่ชายรองนัก? ไม่รู้ว่ามีอะไรขัดแย้งกันหรือไม่?!

และไม่รู้ว่าตัวเขาเองจะได้รับโอกาสบ้างหรือไม่?

ในขณะที่ ‘องค์ชายรอง’ ตัวปลอมกำลังมองดูองค์ชายใหญ่และองค์ชายสามที่อยู่ด้านข้าง และแอบเย้ยหยันในใจ จอมพลเอเดนไม่ใช่คนที่พวกแกจะเอาชนะได้

เขารู้สึกประทับใจที่จอมพลเอเดนคอยวิ่งขึ้นวิ่งลงช่วยเหลือเผ่าพันธุ์มนุษย์มาโดยตลอด หรือแม้กระทั่งเห็นแก่เผ่าพันธุ์มนุษย์ จึงไม่ลังเลที่จะรุกรานองค์ชายรองที่เคยภักดีเสมอมา

แต่สิ่งที่น่าลำบากใจในตอนนี้คือเขาต้องเข้ามาแทนที่องค์ชายรอง จึงไม่สามารถพูดแถลงอะไรที่ชัดเจนแก่จอมพลเอเดนได้

หากเขาพูดอะไรออกไป บางทีจอมพลเอเดนอาจจะละทิ้งเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปเลยก็ได้

แต่ใครจะคิดว่ามือของเผ่าพันธุ์มนุษย์จะยืดยาวจนแอบมาสลับสับเปลี่ยนตัวองค์ชายรอง?!

การอภิปรายยังคงดำเนินต่อไป…

การปรากฏตัวของจอมพลเอเดนตัวป่วนทำให้การประชุมรัฐสภาสิ้นสุดลงในที่สุด

เมื่อผู้คนเห็นว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะถูกจัดให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาตั้งแต่นี้เป็นต้นไป และกระบวนการค้าทางมนุษย์จะถูกจัดให้เป็นอาชญากรรม เผ่าพันธุ์มนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ส่งเสียงโห่ร้องยินดีกันระงม

ราวกับเม็ดฝุ่นที่อัดแน่นกันมาหลายปีถูกเช็ดทำความสะอาด

สวี่หลิงอวิ๋นจำเรื่องเผ่าพันธุ์มนุษย์ในชาติที่แล้วได้ โดยเฉพาะคนผิวดำ

คนผิวดำถูกใช้เป็นแรงงานทาสและถูกปลดปล่อยตามบัญญัติกฎหมาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีการเลือกปฏิเสธต่อคนสีผิวอยู่เสมอ

พวกเขาทั้งหมดมีเลือดเนื้อเชื้อไขเหมือนกันแท้ ๆ รวมทั้งเลือดพวกนั้นยังเป็นสีแดง แต่ผู้คนก็ยังถูกแบ่งแยกตามลำดับชั้นของสีผิว ว่ากันว่าทุกคนมีชีวิตเท่าเทียมกัน แต่มันจะเป็นจริงหรือไม่?!

หนังสือ ของมาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์*[1] สะท้านโลกมาก โชคชะตาของคนผิวดำขรุขระมีขึ้นมีลงอยู่เสมอ แต่แล้วก็จบลงด้วยความรุ่งโรจน์

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มนุษยชาติจะได้เห็นชัยชนะที่แท้จริงสักที?!

สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่หลากหลายขณะที่โอบกอดโอคาซี พลังดวงดาวของพวกเขาเติบโตขึ้นอีกครั้ง

ตลอดช่วงเวลานี้ พลังดวงดาวของพวกเขาทั้งสองเติบโตขึ้นมาก เนื่องจากมีคนนับแสนล้านยืนหยัดอยู่ด้านหลังพวกเธอ แต่ละคนฝึกฝนวันละหนึ่งชั่วโมง และทำให้พวกเธอได้รับพลังงานจำนวนมหาศาล!

สวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับสิบห้าดาว!

และนั่นทำให้เสี่ยวอ้ายมีความสุขมาก!

“โฮ่ง! สู้ ๆ! ยึดมั่นไว้ ต้นไม้แห่งชีวิตของพวกเรากำลังเติบโตขึ้น!” เสี่ยวอ้ายพูด “ถึงตอนนั้น รูของเราจะถูกเติมเต็ม!”

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว

“ทำไมเร็วจัง?! เมื่อวานฉันเห็นต้นไม้แห่งชีวิตมันยังเล็กอยู่เลย!”

สวี่หลิงอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อ ต้นกล้าจิ๋วจะกลายมาเป็นต้นไม้สูงใหญ่ยักษ์ จนสามารถห่อหุ้มดาวเคราะห์จำนวนนับไม่ถ้วนได้อย่างไร?!

“ท่านยังไม่เข้าใจใช่ไหม?! ต้นไม้แห่งชีวิตในตำนานเป็นต้นกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านวางต้นไม้แห่งชีวิตไว้ในจักรวาล มันจะเติบโตตามขนาดที่ท่านต้องการโดยอัตโนมัติ”

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกมึนงง ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพรรค์นี้สักเท่าไหร่!

แต่แล้วคำถามหนึ่งก็เกิดขึ้น พวกเธอควรบอกตัวต้นที่แท้จริงให้อวี้ซินรับรู้หรือไม่?!

“ตอนนี้อย่าเพิ่งบอกเลย” โอคาซีพูด “เราไปแผนการทางทหารกันก่อน แล้วจากนั้นค่อยผลักดันให้ซินหยาขึ้นครองบัลลังก์”

[1] มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (Martin Luther King, Jr.) เป็นศาสนาจารย์ และนักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองชาวแอฟริกัน-อเมริกัน