บทที่ 386 ชวดโอกาสหาเงิน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 386 ชวดโอกาสหาเงิน

บทที่ 386 ชวดโอกาสหาเงิน

เสี่ยวเถียนพยักหน้าหลังจากได้ยินคำตอบ

“แบบนั้นก็ดีค่ะ เพราะเอกสารมันเป็นความลับ จะเอาให้คนนอกดูได้ยังไง!”

ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ความลับทางธุรกิจสำคัญเสมอ ทางโรงงานจะโง่ถึงขนาดอวดความลับให้คนอื่นรู้หรือไง?

โส่วเวิน “คนรับผิดชอบบอกว่าถ้าหาคนแปลได้ ก็ต้องให้เซ็นสัญญารักษาความลับก่อน จากนั้นถึงจะให้อ่านเอกสารที่ต้องทำจริง ๆ ได้น่ะ”

เสี่ยวเถียนสนใจ “แล้วเจอคนที่เหมาะหรือยังคะ?”

“ไม่เลย!” พี่ใหญ่ส่ายหัว

ทันใดนั้น อีกฝ่ายก็นึกบางอย่างขึ้นได้ “ทำไมพี่คิดไม่ถึงนะ พี่พาเธอไปแนะนำแล้วกัน เสี่ยวเถียน เธออาจจะทำได้ก็ได้นะ”

ไม่รอให้ได้คำตอบจากน้องสาว เขาก็พึมพำกับตัวเอง “ไม่ได้สิ เธอทำไม่ได้ ตามข้อกำหนดแล้วความเชี่ยวชาญด้านเอกสารพวกนั้นมันเอาสูงมาก ระดับที่มีไม่น่าจะพอนะ!”

เขาเชื่อว่าเสี่ยวเถียนมีความสามารถจริง ๆ แต่มันก็ยังมีความแตกต่างในด้านศัพท์เฉพาะและศัพท์ทั่วไปอยู่ดี เหมือนกับภาษาจีน เพราะพูดกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลยไม่มีปัญหาเรื่องความเข้าใจ

แต่พออ่านเอกสารเฉพาะด้าน เขารู้สึกเหมือนอ่านหนังสือจากสวรรค์ ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ไม่ต้องพูดถึงภาษาฝรั่งเศสซึ่งเป็นภาษาที่พวกเขาไม่คุ้นเคยเลย การจะแปลศัพท์เทคนิคให้แม่นยำนั้นยากกว่าอีก

“ได้เงินไหมคะ?”

เสี่ยวเถียนไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่น สิ่งแรกที่คิดถึงคือเงิน

ถ้ามีเงิน อันที่จริงไปลองก็ได้นะ แต่ถ้าเงินไม่มาก ก็อย่าเสียเวลาอยู่เลย

เด็กหญิงรู้สึกขาดเงินอยู่ทุกวัน และคิดเสมอเลยว่าทนรอหาเงินไม่ไหวแล้ว

“อาจารย์ของพี่บอกว่าเอกสารสำคัญมาก ขอด่วน ๆ อีกอย่างถ้าแปลได้ดีมาก คาดว่าจะให้เงินเยอะนะ”

พอได้ยินคำว่า ‘เงินเยอะ’ สองคำนี้ เสี่ยวเถียนมีพละกำลังทันที

“เท่าไรคะ?”

เห็นท่าทางกระหายเงินของเด็กหญิง ทุกคนก็ส่งเสียงหัวเราะลั่น ทำไมก่อนหน้านี้ไม่รู้เลยว่าเด็กคนนี้หน้าเงินขนาดนี้น่ะ?

หลังจากหัวเราะเสร็จ หญิงชราก็เอ่ยขึ้น

“เสี่ยวเถียนขาดเงินหรือ?”

หญิงชราคิดว่ายังไม่ได้ทำหน้าที่ของย่าหรือเปล่า?

เพราะไม่คิดว่าหลานสาวจะโตถึงเวลาที่ต้องใช้เงินแล้ว

เธอควรให้ค่าขนมหลานสักหน่อย

พอเด็กผู้หญิงโตขึ้น บางทีพวกเธอก็อยากซื้อเสื้อผ้า ผ้าเช็ดหน้า กิ๊บติดผมใหม่ ๆ หรืออาจจะซื้อไอศกรีมกินกับเพื่อนในห้องอะไรพวกนี้ ทุกอย่างต้องใช้เงินทั้งนั้น

มันคือปัญหา!

“ไม่ใช่ว่าขาดเงินค่ะ แค่อยากหาเงินเท่านั้นเอง” เสี่ยวเถียนรีบตอบ

ขาดเงินไหม?

ขาดอยู่แล้วสิ!

แต่มันไม่ใช่เงินค่าขนม แต่เป็นเงินจำนวนมากต่างหาก

อวี่รุ่ยหยวนพูดไม่ออก

แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงคิดหาเงินล่ะ?

วัยนี้ตั้งใจเรียนไม่ดีกว่าหรือ?

ทว่ามันก็เป็นเพียงความคิดชั่ววูบ เพราะเธอจำได้ว่าเสี่ยวเถียนเรียนเก่ง ไม่ต้องกังวลเรื่องเรียนหรอก

ช่างเถอะ มีความคิดแบบนี้ก็ดี เราจะบั่นทอนมันไม่ได้ ต้องให้กำลังใจสิ

“พี่ใหญ่ เขาให้เงินเท่าไรนะ?” เสี่ยวเถียนพูดเรื่องนี้ต่อ

“แปลฉบับสมบูรณ์ให้พันหยวน!”

โส่วเวินเสียใจมาก เพราะเงินพันหยวนมันไม่ใช่น้อย ๆ เลย น่าเสียดายที่เขามีความสามารถจำกัด ดูแต่ตามืออย่าต้องโดยแท้

ถึงเสี่ยวเถียนจะคิดไว้นานแล้ว แต่ราคามันไม่มีทางต่ำแน่นอน ทว่าพันหยวนก็ไม่ใช่สิ่งที่จะคาดได้ถึง

“พวกเขาไม่ไปหาพวกที่เรียนมหาวิทยาลัยต่างประเทศหรือคะ?” เสี่ยวเถียนถามอย่างสงสัย

เนื้อหาการแปลยากก็จริง แต่เมืองหลวงเต็มไปด้วยคนมากความสามารถนะ จะไม่มีคนที่ทำงานนี้ได้เลยหรือ?

“มีคนไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เหมาะอยู่ดี พี่ได้ยินจากผู้รับผิดชอบว่ามีอดีตอาจารย์คนหนึ่งสอนภาษาฝรั่งเศสด้วย เขามีความสามารถในการแปลนะ แต่ตอนนี้ป่วยและอยู่โรงพยาบาลน่ะ” โส่วเวินยิ่งพูดก็ยิ่งเสียใจ

เขาจะเรียนให้ดี และตั้งใจให้มากขึ้น

น้องเล็กพูดถูกจริง ๆ มีบ้านทองคำอยู่ในหนังสือด้วย!

เงินพันหยวนจ๋า หายไปเสียแล้ว ปวดใจเหลือเกิน!

“พี่ใหญ่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม?” ซื่อเลี่ยงถาม

“ได้ยินไม่ผิดสิ พี่ไม่ได้โง่นะ จะได้ยินเลขผิดได้ยังไง?” โส่วเวินอารมณ์เสียเมื่อได้ยินน้องพูดแบบนั้น ก่อนมองด้วยสายตาว่างเปล่า

ซื่อเลี่ยงที่โดนมองด้วยความรังเกียจถูจมูกป้อย ๆ

“พี่ใหญ่ติดต่อผู้รับผิดชอบฝั่งนั้นได้ไหมคะ? พรุ่งนี้พวกเราไปลองกันนะ?”

เพื่อเงินพันหยวน เสี่ยวเถียนยอมเสี่ยง

พันหยวนเลยนะ ร้านเราตอนนี้ดีกว่าเมื่อก่อนก็จริง แต่การจะทำเงินพันหยวนได้ต้องใช้เวลาสามสี่วันเลย

“เธออยากลองจริง ๆ หรือ?” โส่วเวินประหลาดใจ “เอกสารที่พี่อ่านก่อนหน้านี้มันง่ายกว่าอันที่ต้องแปลจริงนะ สามสิบเปอร์เซ็นต์เป็นคำศัพท์เฉพาะทางทั้งนั้นเลย!”

เขาติดอยู่กับศัพท์พวกนี้แหละ ส่วนอื่น ๆ ก็แปลได้เสียส่วนใหญ่

“ต้องลองถึงจะรู้ค่ะ อาจจะสำเร็จก็ได้นะ?” เสี่ยวเถียนยิ้ม

รับงานแปลแบบนี้ทำเงินได้มากกว่าเขียนเรื่องสั้นอีก!

ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ยุคนี้มีนักแปลน้อยกันล่ะ?

ไม่แน่อาจเป็นหนทางสู่ความร่ำรวยก็ได้นะ

“ไปลองดูก็ได้ ถ้าเอามาก็ให้ปู่ฉือช่วยตรวจก็ได้นะ” หญิงชราสนับสนุนมาก “เสี่ยวเถียน ถ้าหลานทำงานนี้ได้ ย่าจะให้รางวัลนะ!”

จะม้าหรือล่อก็ต้องพามันออกมาเดินเล่น*[1]

เสี่ยวเถียนสร้างปาฏิหาริย์ให้เสมอ เธอรอว่าหลานจะสร้างปาฏิหาริย์แบบไหนให้เห็นอีก

เด็กสาวไม่คิดเลยว่าย่าจะสนับสนุนแบบนี้ แถมยังเตือนด้วยว่าคุณปู่ฉือก็รู้ภาษาฝรั่งเศส

“ถ้าพวกเธอทำได้ดี ย่าจะให้รางวัลตามความสำเร็จนะ”

ถ้าให้เงินที่คนบ้านนี้สนใจจริง ๆ พวกเขาไม่มีทางรับแน่

ให้รางวัลเด็ก ๆ ที่ตั้งใจทำงานหนักไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย พอถึงตอนนั้นก็ไปพูดกับปู่ย่าหลาน ๆ ให้ชัดเจนก็พอ

พวกเด็ก ๆ คิดว่ารางวัลที่ย่าอวี่ให้น่าจะเป็นวอลนัทสามลูกกับพุทธาสองลูกเป็นกำลังใจจึงตอบรับ

วันรุ่งขึ้นสองพี่น้องเดินทางไปที่โรงงาน ทว่าตอนไปถึง ประตูยังปิดอยู่

“ที่นี่หรือคะ?” เธอถาม

“ใช่ ที่นี่คือโรงงานทอผ้าน่ะ ได้ยินมาว่ากำลังจะร่วมมือกับทางฝรั่งเศสด้านวิจัยผ้าชนิดใหม่”

เสี่ยวเถียนพยักหน้า

โส่วเวินพาน้องไปยังโซนรับแขก

ลุงที่อยู่ในห้องนั้นเพิ่งจะตื่น เขากำลังล้างหน้าแปรงฟันเลย

“พ่อหนุ่ม สาวน้อย ตอนนี้โรงงานไม่รับสมัครคนงานนะ!” ชายชราพูดตรงประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่อเห็นสองพี่น้องมาถึง

มองก็รู้แล้วว่ามาหาโอกาสทำงาน

“คุณลุง ผมเพิ่งมาเมื่อวานครับ วันนี้ผมพาน้องมาพบหัวหน้าหลี่ครับ”

ชายชราจ้องโส่วเวิน และคิดได้ว่าเขาไม่มีความทรงจำต่อคนคนนี้เลย!

“พ่อหนุ่ม พาน้องมาทำอะไร? เธอยังเด็กอยู่เลย!”

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ถึงได้ตำหนิออกมาโต้ง ๆ

*[1] หลอกให้เขาทำบางอย่างเพื่อทดสอบว่ามีทักษะจริงหรือเปล่า