บทที่ 351 หากเจ้าชอบ ข้าจะอุ้มเจ้าตลอดชีวิต

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 351 หากเจ้าชอบ ข้าจะอุ้มเจ้าตลอดชีวิต

ผ่านไปไม่นาน แพทย์ก็มาถึง ทำการวินิจฉัยและรักษาฮูหยินผิงหยวนทันที เขายังไม่ทันได้ทำการฝังเข็ม ฮูหยินผิงหยวนก็รู้สึกตัวขึ้นแล้ว

“หมอฉิน เหตุใดท่านถึงอยู่ที่นี่? ” ฮูหยินผิงหยวนถามอย่างงงงวย

“ฮูหยิน หนานเทียนหลินได้หนีไปแล้ว ตอนที่ข้าน้อยเข้ามา ก็เห็นท่านหมดสติไป จึงได้รีบเชิญท่านหมอมา” พ่อบ้านเอ่ย

เมื่อได้ยินชื่อหนานเทียนหลิน ฮูหยินผิงหยวนก็โกรธเกรี้ยวมาก “ไอ้สารเลวนี้เกือบฆ่าข้า ยังบังอาจตีข้าจนสลบ พ่อบ้านเจ้าจงรีบส่งคนออกไปตามหาตัว หากพบเจอตัวให้รีบจับตัวกลับมาให้ข้า ข้าจะทำให้เขาตายทั้งเป็น” ฮูหยินผิงหยวนกล่าวอย่างโกรธแค้น

“ขอรับ”

“นอกจากนี้ ส่งคนไปจวนซื่อจื่อ แจ้งข่าวกับคุณหนูหยุน ว่าหนานเทียนหลินหนีไปแล้ว” ฮูหยินผิงหยวนสั่งการ

“ข้าน้อยจะส่งคนไปเดี๋ยวนี้”

แม้ว่าฮูหยินผิงหยวนและหยุนถิงจะไม่ได้มีไมตรีที่ดีต่อกัน แต่หนานเทียนหลินหนีไปแล้ว ฮูหยินผิงหยวนกลัวว่าเขาจะไปแก้แค้นคุณหนูหยุน ดังนั้นจึงได้ส่งคนไปแจ้งข่าว นับว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณนางแล้ว

ณ จวนซื่อจื่อ

หยุนถิงและจวินหย่วนโยวพึ่งรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ทั้งสองนั่งชมดวงจันทร์อยู่ในลานบ้าน เห็นบ่าวรับใช้เข้ามาพร้อมองครักษ์

“ฮูหยิน เขาคือองครักษ์จากจวนผิงหยวน กล่าวว่ามีเรื่องจะรายงานต่อท่าน” บ่าวรับใช้พูด

หยุนถิงเลิกคิ้วมองไปที่องครักษ์ “ฮูหยินผิงหยวนหาข้ามีเรื่องอะไร?”

“เรียนซื่อจื่อเฟย ฮูหยินของข้ากล่าวว่าหนานเทียนหลินหนีไปแล้ว จึงให้ข้าน้อยมาแจ้งข่าว ให้ท่านระวังด้วย” ทหารกล่าวด้วยความเคารพ

“หนานเทียนหลินหนีไปแล้ว ข้าประเมินเขาต่ำไป ฝากขอบคุณฮูหยินของเจ้าแทนข้าด้วย” หยุนถิงตอบ

“ขอรับ เช่นนั้นข้าน้อยขอทูลลา” องครักษ์จากไป

หยุนถิงมองไปที่จวินหย่วนโยว “ซื่อจื่อ ท่านคิดว่าหนานเทียนหลินซ่อนตัวอยู่ที่แห่งใด?”

“ไม่ว่าเขาจะซ่อนตัวอยู่ที่ใด หากกล้ามาแก้แค้นเจ้า ข้าจะทำให้เขาเสียใจที่คิดหนีออกจากจวนผิงหยวน !” จวินหย่วนโยวตอบอย่างแข็งกร้าว

หยุนถิงยิ้มหวาน “ซื่อจื่อของข้าช่างเผด็จการยิ่งนัก ข้าชอบ”

“เช่นนั้นต้องให้รางวัลแล้วใช่หรือไม่?” จวินหย่วนโยวถาม

ขณะที่หยุนถิงกำลังจะตอบ ตัวนางก็ถูกจวินหย่วนโยวดึงสู่อ้อมกอด นั่งลงบนตักของเขา

ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก จนหยุนถิงรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ออกจากจวินหย่วนโยว

จวินหย่วนโยวไม่เปิดโอกาสให้นางได้ปฏิเสธ เขารวบศีรษะนางด้วยมือใหญ่ บรรจงจูบลงบนริมฝีปากของนาง

ทั้งอ่อนโยนและนุ่มลึก

หยุนถิงทนความอ่อนโยนของจวินหย่วนโยวไม่ไหว ยอมจำนนให้กับความอ่อนโยนของเขาทั้งตัว

แสงจันทร์ที่สว่างไสวส่องลงที่เขาทั้งสอง ช่างอบอุ่นและหวานวึ้ง

หยุนถิงเอนตัวในอ้อมกอดเขา หอบหายใจหนัก ปากอวบอิ่มของนางแดงและบวมเล็กน้อย เหมือนขนมที่เย้ายวนให้ผู้คนอยากลองชิม ทำให้จวินหย่วนโยวอยากจะจูบอีกครั้ง

“ซื่อจื่อ ข้าอยากไปชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืน” หยุนถิงโพล่งขึ้นอย่างกะทันหัน

“มองข้ายังไม่พออีกหรือ?”

“ซื่อจื่อ ท่านหลงตัวเองมาก ท่านน่ามองก็จริงๆ ทว่ามองทุกวันก็เป็นธรรมดาที่อยากมองอย่างอื่นบ้าง เวลายามค่ำคืนในยุคโบราณของพวกท่านช่างน่าเบื่อจริงๆ ไม่มีความกิจกรรมสนุกๆ เลย เข้านอนเร็วมัวแต่ให้กำเนิดบุตร” หยุนถิงวิจารณ์

“แล้วเวลาในยามค่ำคืนที่เจ้าอยู่เล่าต่างทำอะไรกัน?” จวินหย่วนโยวถาม

“ที่นั่นของข้านั้นมีความสุขยิ่งนัก ตอนกลางคืนสามารถออกไปซื้อของในร้านค้า ห้างสรรพสินค้า เดินตลาด หรือไปร้านเหล้าเพื่อดื่ม ไปพักผ่อนในผับ หรือไม่ ก็เล่นอินเทอร์เน็ตดูคลิปวิดีโอ ชวนเพื่อนสาวออกไปเล่น…”

“เล่น?”

หยุนถิงยิ้มอย่างเคอะเขิน “ข้าหมายถึงออกไปเล่นสนุก”

“ก็ได้ ข้าจะพาเจ้าไป” จวินหย่วนโยวกล่าว ลุกขึ้นยืน พลางอุ้มหยุนถิงในท่าเจ้าสาว

หลิงเฟิงรีบไปเตรียมรถม้าทันที จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงไปขึ้นรถม้า รถม้าวิ่งไปที่ไกลๆถึงจะหยุดลง

“ซื่อจื่อ ถึงแล้ว!” หลิงเฟิงกล่าว

จวินหย่วนโยวและหยุนถิงลงจากรถม้า เมื่อหยุนถิงเงยหน้าขึ้นก็พบกับอาคารทรงแปดเหลี่ยมที่มีหลากหลายชั้น

“ซื่อจื่อ ที่นี่ที่ใด?” หยุนถิงถาม

“ที่นี่คือหอเย็นหยู่ อาคารสูงที่สุดในเมืองหลวง จักรพรรดิองค์ก่อนสร้างให้นางสนมองค์หนึ่ง ต่อมาหลังจากนางสนมสิ้นพระชนม์ จักรพรรดิองค์ก่อนยังคงจะมาที่นี่บ่อยๆ แต่หลังจากที่จักรพรรดิองค์ก่อนสวรรคต ที่นี่ก็เริ่มเงียบไป ไม่ค่อยมีผู้คนเข้ามา แต่ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ทำความสะอาดทุกเดือน จากตรงจุดนี้สามารถมองเห็นเมืองหลวงได้ทั้งหมด ไปกันเถิด” จวินหย่วนโยวยื่นมือออกไปจับมือหยุนถิง

“ตกลง”

หยุนถิงตามจวินหย่วนโยวไป หลิงเฟิงนำทางอยู่ข้างหน้า ถือคบเพลิงให้แสงสว่าง

หยุนถิงตามจวินหย่วนโยวขึ้นจากชั้นหนึ่งไปยังชั้นถัดไป จนกระทั่งนางหมดแรง

“ข้าอุ้มเจ้า!” จวินหย่วนโยวย่อตัวลง

“ไม่เป็นไรซื่อจื่อ ข้าพักสักเดี๋ยวก็เดินต่อได้แล้ว ทางลาดชันเช่นนี้อันตรายเกินไป” หยุนถิงปฏิเสธ

“ไม่ต้อง ถ้าแม้แต่พระชายาของข้าเองยังอุ้มไม่ไหว ข้านับเป็นผู้ชายประสาอะไร ไว้ใจเถิด ข้าไม่ได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิด” จวินหย่วนโยวตอกกลับ

“ไม่ต้อง หากแม้แต่ซื่อจื่อเฟยข้ายังอุ้มไม่ไหว ข้านับเป็นผู้ชายประสาอะไร ไว้ใจเถิด ข้าไม่ได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิด” จวินหย่วนโยวตอกกลับ

หยุนถิงไม่สามารถปฏิเสธได้ ทำได้แค่ยอมขึ้นหลังของจวินหย่วนโยว

“ซื่อจื่อ ข้าเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ท่านฟัง”

“ตกลง” จวินหย่วนโยวค่อยๆ เดินขึ้นไปโดยที่อุ้มนางอยู่บนหลังของเขา

“เมื่อนานมาแล้วมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง พวกเขามีฐานะยากจนมาก อดมื้อกินมื้อทุกวัน ใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้น แต่ทุกปีเมื่อถึงวันเกิดของหญิงสาว ฝ่ายชายจะอุ้มนางกลับบ้านจากสถานที่แรกที่พวกเขาพบกัน

เพราะเขาไม่สามารถซื้อของขวัญให้นางได้ เขาจึงทำได้เพียงแสดงความรักต่อนางด้วยวิธีนี้ เขาอุ้มนางกลับบ้านจากสถานที่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรก

นี่คือสิ่งที่เจอเมื่อตอนนางอ่านนิยายในโลกปัจจุบัน สิ่งที่นางเห็น ณ เวลานั้นนางไม่สามารถเข้าใจได้ แต่ตอนนี้หยุนถิงเข้าใจแล้วเล็กน้อย

พิงอยู่บนแผ่นหลังกว้างของจวินหย่วนโยว หัวใจของหยุนถิงรู้สึกสบายใจและพึงพอใจอย่างมาก

“ถ้าหากเจ้าชอบ จากนี้ ข้าจะอุ้มเจ้าตลอดชีวิต ชาติหน้า และชาติต่อๆ ไป” เสียงอันมีเสน่ห์และไพเราะของจวินหย่วนโยวดังขึ้น

หัวใจของหยุนถิงเต็มไปด้วยความรู้สึกและอบอุ่น “ตกลง”

ไม่นานก็ถึงชั้นบนสุดของหอเย็นหยู่ หยุนถิงลงจากหลังของจวินหย่วนโยว ทั้งสองจับมือกันเดินไปทางหน้าต่าง

หยุนถิงเต็มไปด้วยอารมณ์ตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก “ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ สามารถมองเห็นเมืองหลวงทั้งเมืองของ

แคว้นต้าเยียน

และยังสามารถเห็นพระราชวังโดยที่ไม่มีสิ่งใดมาบดบัง”

“ถ้าหากเจ้าชอบ ต่อไปพวกเรามากันบ่อยๆ” จวินหย่วนโยวพูดอย่างเคอะเขิน ยื่นมือโอบกอดหยุนถิงไว้ในอ้อมกอด

“ตกลง”

หยุนถิงพิงไหล่ของจวินหย่วนโยวอย่างเงียบๆ มองทิวทัศน์ยามค่ำคืนของแคว้นต้าเยียน ภายใต้แผ่นฟ้าที่มืดมิด เมืองหลวงทั้งเมืองสว่างไสว บ้านและอาคารนับไม่ถ้วนตั้งอยู่กระจัดกระจาย มองเห็นแนวภูเขาและผืนป่าไม้ในระยะไกล

ข้างกายคือคนที่นางรักมากที่สุด ไกลออกไปคือแสงไฟนับพันดวงของทิวทัศน์ยามค่ำคืน เนื่องจากระยะทางค่อนข้างสูง ลมหนาวพัดมา หยุนถิงถึงกับตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว

จวินหย่วนโยวปลดกระดุมเสื้อนอกของเขาออกทันที หยุนถิงถึงกับผงะด้วยความตกใจ “ซื่อจื่อ ท่านอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ!”

มุมปากของจวินหย่วนโยวยกโค้งขึ้น ไม่ได้ถอดเสื้อออกแต่อย่างใด กลับดึงหยุนถิงเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ให้นางยืนอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้น จวินหย่วนโยวก็โอบนางไว้ในอ้อมแขนด้วยเสื้อคลุมของเขา

“ทำอะไรบ้าๆ หรือ?” จวินหย่วนโยวกอดหยุนถิงจากด้านหลัง เอนหัวพิงกับไหล่ของนาง แล้วถาม