บทที่ 370 ลูกพี่ลูกน้องฝ่ายพ่อแท้ๆ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เขายื่นกระดาษที่เขียนเบอร์หนึ่งให้มารุต

มารุตมองเบอร์ด้านบน ก็พยักหน้า“เข้าใจแล้วครับประธาน”

“ไปเถอะ”นัทธีส่ายมือ

มารุตหันกลับออกไป

นัทธีบีบสันจมูก หยิบเอกสารฉบับหนึ่งมาอ่าน

ทันใดนั้น ด้านนอกห้องทำงานก็มีเสียงดังโวยวายเข้ามา

นัทธีขมวดคิ้ว“ใครอยู่ด้านนอก?”

“ประธาน ผู้อำนวยการขงเบ้งโวยวายจะเจอคุณค่ะ”เลขาเปิดประตู ยื่นหน้าเข้าไป ตอบกลับอย่างรู้สึกไม่ดี

“ขงเบ้ง?”นัทธีหรี่ตาลง“ให้เขาเข้ามา”

“ค่ะ”เลขาตอบกลับไป แล้วหดหัวกลับไป

แป๊บหนึ่ง ประตูห้องทำงานก็เปิดออก ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห

เขาเดินมาตรงหน้าโต๊ะทำงานของนัทธี มือทั้งสองข้างตบไปที่โต๊ะทำงานนัทธี“นัทธี นี่แกหมายความว่าไง?”

“ลุงหมายถึงอะไร?”นัทธีเงยหน้าขึ้น มองเขานิ่งๆ

ขงเบ้งโมโห“ก็ที่แกตามจับนิรุตติ์ไง ทำไมแกต้องทำขนาดนี้ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องฝ่ายพ่อแกนะ!”

“ก่อนที่ลุงมาถามผม ยังไม่เข้าใจเหตุผลอีกเหรอ?”สายตานัทธีค่อยๆเย็นชา

ขงเบ้งดึงเก้าอี้ออกมานั่ง“ฉันจะถามพวกนั้นไปทำไม แต่ไม่ว่าเป็นเพราะเหตุผลอะไร แกทำกับพี่ชายแกแบบนี้ก็ไม่ดีมั้ง แกรู้ไหมตอนนี้การกระทำของแกนั้นใหญ่โตจนรู้กันไปทั่ววงการแล้ว เห็นตระกูลไชยรัตน์ของพวกเราเป็นเรื่องตลกกันไปหมด”

“แล้วยังไง?”นัทธีตอบกลับอย่างไม่คิดเช่นนั้น

ขงเบ้งโกรธจนเจ็บหน้าอก“แล้วยังไง?แกไม่รู้เหรอว่าพวกเขาคิดอะไรกัน?พวกเขาอยากให้พวกเราตระกูลไชยรัตน์ทะเลาะกันเอง แบบนี้พวกเขาก็สามารถใช้โอกาสจัดการพวกเราตระกูลไชยรัตน์!”

“วางใจเถอะลุง พวกเขาไม่มีโอกาสหรอก เพราะระหว่างผมกับนิรุตติ์ไม่มีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ มีแต่ความข้องใจในเรื่องส่วนตัว ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปแน่”นัทธีพูดอย่างเย็นชา

ขงเบ้งกระอักกระอ่วน“แต่ถึงเป็นแบบนี้ก็ไม่ดี พวกเขามองตระกูลไชยรัตน์เป็นเรื่องตลก ถ้าปิดไม่อยู่ก็มีข่าวลือเรื่องเท็จของตระกูลไชยรัตน์แพร่ออกไป”

“ไม่เป็นไร รอผมจับนิรุตติ์ได้ ผมจะจัดงานแถลง อธิบายว่าพวกนั้นเป็นเพียงข่าวลือ ดังนั้นลุงไม่ต้องห่วง”นัทธีหยิบเอกสารฉบับหนึ่งมาอีกครั้ง แล้วเริ่มจัดการ

ขงเบ้งเห็นเขาไม่ยอมอ่อนข้อให้ ก็หมดหนทางทันที โกรธจนพูดไม่ออก

แต่เขาก็ยังไม่ลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เขามาที่นี่ หลังจากหายใจเข้าลึกๆแล้ว ใบหน้าอ้วนๆนั้น ก็ฉีกยิ้มออกมา

มองดูดีๆแล้ว รอยยิ้มนั้นดูประจบประแจงเล็กน้อย“เอ่อ นัทธี คือลุงไม่รู้นะว่าระหว่างแกกับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องแกเกิดอะไรขึ้น แต่ยังไงพวกแกก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และเป็นพี่ชายน้องชายเพียงคนเดียว แกก็ช่างมันไปเถอะ อย่าจับเขาเลย”

แววตานัทธีมีความเยาะเย้ยแวบผ่าน ปิดเอกสารที่เพิ่งจัดการเสร็จ พูดด้วยเสียงเย็นชา:“ดังนั้นลุงมาที่นี่ เพื่อให้ผมล้มเลิกที่จะจับตัวนิรุตติ์?”

“แค่กๆ ก็ใช่”

“ไม่ได้!”นัทธีปฏิเสธอย่างไม่รักษาน้ำใจ

ขงเบ้งดูแข็งทื่อไป“ทำไมล่ะ?”

“เพราะเขาจับตัวภรรยาผมไป และยังจี้เธอให้ตกเหวไปด้วย ลุงว่าผมจะปล่อยเขาไปได้ไงล่ะจริงไหม?”นัทธีมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา

ขงเบ้งตกใจกลัวสายตาของเขาจนตัวสั่น เนื้อหนังที่ใบหน้าก็สั่น

ท่าทางของเจ้าเด็กนี่ ทำให้ตกใจกลัวมากขนาดนี้เชียว?

ตอนที่คุณปู่มีชีวิตอยู่ ก็ไม่มีท่าทีแข็งแกร่งเท่าเขา?

ขงเบ้งกลืนน้ำลาย เพื่อนิรุตติ์แล้ว ก็ระงับความหวาดกลัวในใจไป รักษารอยยิ้มที่ใบหน้าสุดๆ“เหรอ งั้นหลานสะใภ้เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“พวกลุงน่าจะยินดีที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ไม่อย่างนั้นผมไม่ใช่แค่จับนิรุตติ์อย่างเดียวแน่ พวกลุงกับป้าสะใภ้ ก็ต้องตอบแทนด้วย”นัทธีไขว้นิ้วไปไว้ที่หน้าท้อง พูดอย่างเย็นชา

ใจของขงเบ้งหดลง ทั้งกลัวและเกลียด

ที่กลัวคือ เด็กคนนี้ไม่เห็นแก่ความเป็นครอบครัวมากขนาดนี้

ที่เกลียดคือ เจ้าเด็กคนนี้เนรคุณมากขนาดนี้ เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ยังพูดคำขู่ออกมาได้แม้แต่กับลุง

ในใจคิดแบบนี้ แต่ใบหน้าขงเบ้งกลับไม่กล้าแสดงออกมา ลูบสันจมูกอย่างเขินอาย“ใช่ๆๆ หลานสะใภ้ไม่เป็นไรก็ดี นัทธี ในเมื่อหลานสะใภ้ไม่เป็นไร งั้นก็ปล่อยพี่ชายแกไปเถอะเป็นไง ยังไงพวกแกก็เป็นพี่น้องกัน แกจะไร้หัวใจขนาดนี้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”

“พี่น้อง?”นัทธีเหมือนได้ยินเรื่องตลก หัวเราะอย่างเยาะเย้ย“ที่แท้สำหรับลุงแล้ว พี่น้องกันก็คือวางยาอีกฝ่ายได้ จับตัวภรรยาของอีกฝ่ายได้ สามารถวางแผนกับทรัพย์สินของอีกฝ่ายได้ ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นผมต้องเสียใจจริงๆ ที่ลุงมีพ่อผมเป็นพี่น้องแค่คนเดียว”

ได้ยินนัทธีพูดถึงพ่อเขา รูม่านตาของขงเบ้งหดลงเล็กน้อย รีบก้มหน้า ปกปิดความกลัวกับร้อนตัวในแววตา

“เอ่อ ฉันพูดผิดเองแหละ เรื่องนี้พี่ชายแกทำไม่ถูกเอง ฉันจะสั่งสอนพี่ชายแกดีๆเอง นัทธี แกให้โอกาสพี่ชายแกครั้งหนึ่งเถอะ ฉันรับรอง……”

“ไม่ได้!”นัทธีปฏิเสธอีกครั้ง“ผมบอกแล้ว ผมไม่ปล่อยเขา ถ้าเป็นภรรยาของลุงถูกจับตัวไป ลุงจะปล่อยอีกฝ่ายไปไหมล่ะ?”

เขาถามย้อน

ขงเบ้งสะอึกจนพูดไม่ออก

มุมปากนัทธียกขึ้นมาอย่างเย็นชา“ดูสิ ลุงเองยังทำไม่ได้ แล้วทำไมยังจะให้ผมทำให้ได้อีกล่ะ เพราะเรื่องพินัยกรรมของคุณปู่ นิรุตติ์จึงบ้าระห่ำเช่นนี้ ลุง ลุงรู้ไหมบนพินัยกรรมของปู่มีอะไร?”

สายตาเขาจ้องขงเบ้งเขม็ง

ขงเบ้งเหมือนเห็นอะไรที่น่ากลัว ยืนขึ้นพรวดขึ้นมาทันที สีหน้าซีดขาวไป ที่หน้าผากมีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลออกมา เสียงสั่น“ลุง……ลุงไม่รู้”

“อ้อ?”สายตานัทธีหม่นลงไป“ลุงไม่รู้จริงเหรอ?จากที่นิรุตติ์เปิดเผย พินัยกรรมที่คุณปู่ทิ้งไว้ สามารถตัดสินความเป็นความตายของครอบครัวลุงได้ ดังนั้นนิรุตติ์จึงรีบร้อนอยากได้พินัยกรรมขนาดนี้ ให้ผมเดานั้น พินัยกรรมนั่น……”

“พินัยกรรมนั่นไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลย นัทธี วันนี้ลุงมากะทันหันเกินไป ลุงขอโทษแกนะ ลุงไปก่อน”

พูดจบ ขงเบ้งหันกลับ แล้วรีบเดินไปที่ประตู

ความเร็วนั้น เหมือนว่าด้านหลังมีอะไรรีบตามมา

นัทธีมองแผ่นหลังของเขา ริมฝีปากบางๆก็เม้มแน่นขึ้นมา

ทำให้ขงเบ้งกลัวแบบนี้ได้ ดูเหมือนนิรุตติ์จะไม่ได้โกหก พินัยกรรมน่าจะเป็นตัวตัดสินความเป็นความตายของครอบครัวลูกชายคนโตของตระกูลไว้จริงๆ

สรุปว่าครอบครัวลูกชายคนโตทำอะไรไป ถึงทำให้คุณปู่ทิ้งพินัยกรรมแบบนี้?

นัทธีกำหมัดแน่น

ไม่ว่าครอบครัวลูกชายคนโตจะทำอะไรไป เขาก็จะต้องหาพินัยกรรมมาให้ได้

สรุปคือพินัยกรรม ตกไปอยู่ในมือของครอบครัวลูกชายคนโตไม่ได้

อีกด้าน ขงเบ้งกลับไปถึงบ้านตัวเองอย่างตื่นตระหนก คุณหญิงอัณณ์ออกมา รีบประคองเขาไปที่โซฟา“สามี คุณเป็นอะไรไป?”

“เร็ว รีบเทน้ำให้ผม”ขงเบ้งออกคำสั่ง

คุณหญิงอัณณ์พยักหน้า เทน้ำแก้วหนึ่งให้เขา

ขงเบ้งดื่มรวดเดียวหมด แล้วทั้งตัวก็ดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

คุณหญิงอัณณ์ถามไปอีกครั้ง“สามี คุณเป็นอะไรไปล่ะ?”

“ผมเพิ่งกลับมาจากนัทธี”ขงเบ้งเอาแก้วน้ำวางไว้บนโต๊ะน้ำชา ถอนหายใจแล้วตอบไป

คุณหญิงอัณณ์จับแขนเขาไว้ รีบถามว่า“นัทธีรับปากว่าจะไม่จับนิรุตติ์ของเราแล้วใช่ไหม?”

ขงเบ้งทำเสียงเย็นชาออกไป“รับปาก?นิสัยของเขาเหมือนพ่อเขาไม่มีผิด หัวแข็งหัวรั้น ไม่เห็นหัวพวกเรา ผมชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดไปหมดแล้ว เขาก็ไม่ยอมตกลง โกรธจะตายอยู่แล้วเนี่ย”

คุณหญิงอัณณ์ร้องไห้ทันที“เขาทำแบบนี้ได้ไงกัน นิรุตติ์เป็นลูกพี่ลูกน้องฝ่ายพ่อแท้ๆของเขานะ เขาไม่นึกถึงความเป็นพี่น้องกันเลยเหรอ?”