บทที่ 432 แม่สื่อ

“เหมี่ยวเหมี่ยว บอกความจริงข้ามาเถอะ เจ้าชอบพี่ชายของข้าไหม? พวกเราเป็นเพื่อนกันย่อมพูดกันได้ทุกเรื่อง”

ฝางเหมี่ยวมองถังหลี่ เห็นท่าทางที่จริงจังของนาง หัวใจของฝางเหมี่ยวเต้นแรง นางไม่กล้าบอกใครเรื่องแบบนี้อย่างเด็ดขาดแม้แต่มารดา หากนางเล่าให้มารดาฟังนางคงโดนดุเอาว่าเพ้อฝันเหลวไหลเป็นแน่

แต่ฝางเหมี่ยวชอบใต้เท้ากู้จริงๆ

ที่จริงแล้วฝางเหมี่ยวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักเกิดขึ้นเมื่อไหร่ บางทีนางอาจจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็นที่ศาลต้าหลี่ ทุกครั้งที่ได้เห็นเขา นางมีความสุข แต่ความแตกต่างทางฐานะทำให้นางได้แต่แอบซ่อนเร้นความรักของตนเองเอาไว้ ที่จริงนางก็พอคาดเดาจุดจบของความรักของนางได้ สักวันเขาต้องแต่งงานกับหญิงสาวตระกูลสูงที่คู่ควรกับเขาเป็นแน่ เมื่อนึกถึงก็ได้แต่วูบโหวงอยู่ภายในใจ แม้ว่าจะมีความปรารถนาแต่ก็ไม่อาจเผยบอกให้ใครฟังได้นางมองถังหลี่

“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้บอกผู้ใด”

“ข้าไม่พูดให้ใครฟังอย่างแน่นอน” ถังหลี่รับปาก

ฝางเหมี่ยวหน้าแดง “ใช่ข้าชอบเขา”

“ได้โปรดอย่าบอกเขานะ เขาเป็นลูกหลานของตระกูลสูงศักดิ์ เป็นขุนนางของศาลต้าหลี่ ข้าเกิดเป็นสามัญชน สถานะทางครอบครัวมีความแตกต่างกันมากมาย ข้าไม่กล้า…”

ช่องว่างระหว่างชนชั้นของคนทั้งคู่มีมากจนเกินไป

“สถานะไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่เจ้าชอบพี่ชายของข้า และพี่ชายข้าชอบเจ้าเช่นกัน ก็อยู่ร่วมกันได้”

ถังหลี่รู้ดีว่าแนวความคิดของชนชั้นในยุคนี้มีอิทธิพลมากเพียงใด แต่ฝางเหมี่ยวนั้นแตกต่างออกไป นางเป็นคนที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่ชายได้ แม้ยามที่กู้หวนเนี่ยนไม่เหลือใครอยู่ข้างกาย มีแต่ฝางเหมี่ยวเท่านั้นที่ดูแลเขา

ความรักที่แท้จริงจะเอาชนะก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ได้

ฝางเหมี่ยวถึงกลับตกตะลึงเมื่อได้ฟังความคิดของถังหลี่ หูของนางฝาดไปหรือเปล่า หรือถังหลี่จะเพี้ยนไปเสียแล้ว ! สถานะทางครอบครัวจะไม่สำคัญได้อย่างไร !

“ใต้เท้ากู้ อาจจะ…ไม่ชอบข้า…” ฝางเหมี่ยวพูดอย่างตะกุกตะกัก

“เจ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ?” ถังหลี่เอ่ยขึ้นมา ดวงตาของฝางเหมี่ยวเบิกกว้าง

ลอง…ลองหรือ?”

“เจ้าอาจจะลองพบพี่ชายที่ศาลต้าหลี่ หรือไม่ก็ลองกินอาหารร่วมกับเขาสักมื้อ คุยกับเขาเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องการทำงานดูบ้าง”

ต้าโจวเปิดกว้าง ชายหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานสามารถนัดพบกันได้ จะว่าไปแล้วย่อมเทียบได้กับการนัดบอดนั่นเอง แต่เมื่อฝางเหมี่ยวนึกถึงการนั่งรับประทานอาหารกับใต้เท้ากู้แล้ว …ฝางเหมี่ยวอายมาก แต่ก็อดที่จะคาดหวังไม่ได้ หัวใจของนางเต้นแรง ถ้าใต้เท้ากู้ชอบนางจริงๆ…

นางโชคดีที่ได้พบกับถังหลี่ ซ้ำนางยังเป็นน้องสาวของใต้เท้ากู้อีกด้วย…หากโชคครั้งนี้ตกอยู่กับนางล่ะ! ฝางเหมี่ยวดึงความกล้าของตนออกมานางสบตากับถังหลี่กล่าวอย่างหนักแน่นว่า

“ตกลง”

“ข้าจะกลับไปดูว่าพี่ชายว่างวันไหน แล้วข้าจะแจ้งวันให้เจ้ารู้อีกครั้ง”

หลังจากถังหลี่กลับไปฝางเหมี่ยวแทบไม่มีสมาธิอ่านหนังสือต่อ ใบหน้าของนางร้อนผ่าว หญิงสาวแหงนขึ้นมองท้องฟ้า วันนี้ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดมาก ไม่รู้ว่าถังหลี่จะนัดหมายได้วันไหน

……………….

หลังจากถังหลี่ออกจากบ้านตระกูลฝาง นางกลับไปยังจวนแม่ทัพ มารดายังเป็นกังวลเกี่ยวกับการแต่งงานของพี่ชายอยู่

“นี่เป็นภาพเหมือนของสตรีที่มาจากตระกูลต่างๆ หลังจากที่พี่ชายของเจ้าได้ดูแล้ว เขาก็ไม่สนใจแม้แต่คนเดียว”

ฮูหยินกู้ถอนหายใจเบาๆ

“เขาชอบผู้หญิงแบบไหน แม่มองไม่ออกเลย”

สิ่งที่ฮูหยินกู้กังวลเอามากๆ ก็คือ นางกลัวว่าในชีวิตนี้กู้หวนเนี่ยนจะไม่แต่งงาน เพราะเขาสนใจแต่งานในหน้าที่ของตนเอง ไม่มีความสนใจในเรื่องส่วนตัวของตนเลย ใครบ้างจะไม่อยากมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง

ช่วงนี้ฮูหยินกู้ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเสียด้วยซ้ำไป ไม่ใช่เพราะนางเจ็บป่วยได้ไข้อะไร แต่นางเป็นห่วงบุตรชายของนางคนนี้มาก

“ท่านแม่ ข้ามีคนที่สมควรเป็นลูกสะใภ้ของท่าน” ถังหลี่พูดออกมาอย่างกระตือรือร้น ฮูหยินกู้ตาลุกวาว

“เป็นบุตรหลานตระกูลไหนหรือ?”

“นางไม่ใช่บุตรหลานตระกูลสูงศักดิ์ นางมาจากตระกูลสามัญชนธรรมดา” ถังหลี่พูดตามจริง

นางย่อมไม่มีความคิดเรื่องของสถานะอยู่แล้ว ถังหลี่เพียงแต่คิดว่าฝางเหมี่ยวเป็นคนดี นางให้ความสำคัญกับความรักและความยุติธรรม แต่มารดาของนางเป็นคนยุคนี้ ถังหลี่จึงจำต้องเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวให้นางเห็นด้วยเสียก่อน

“หญิงสามัญชน…ครอบครัวธรรมดา…”

“นางเป็นอู่จั้ว!”

“อู่จั้ว?” ฮูหยินกู้ขมวดคิ้วแน่นมากขึ้น ในใจของนางแล้วบุตรชายย่อมเป็นคนดีที่สุด นางอยากเลือกคู่ให้เขาลงเอยกับหญิงสาวที่ดีมีคุณธรรม แต่หญิงชาวบ้านสามัญชนซ้ำยังมีอาชีพเช่นนั้นอีก หากดูก็รู้แล้วว่าไม่คู่ควร ไม่เหมาะสมกันเป็นอย่างยิ่ง

“ครั้งหลังสุด ข้าได้คุยกับพี่ชาย เขาพูดว่าเขาสนใจอยากได้หญิงสาวที่คุยกับเขารู้เรื่องสนใจในเรื่องราวของคดีต่างๆเหมือนกัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นอู่จั้ว นางคุยกับพี่ชายได้ แม้ว่าอาชีพของนางจะดูไม่เหมาะสมก็ตาม แต่นางจัดการคดีที่ไม่ยุติธรรม เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนตาย ข้าคิดว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติมาก”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหยินกู้ได้ยินว่าอู่จั้วเป็นอาชีพที่มีเกียรติ แสวงหาความยุติธรรมให้กับผู้ตาย แต่ลองคิดดูแล้วคำพูดของบุตรสาวก็มีส่วนถูก หากไม่มีอู่จั้วแล้ว คนจำนวนมากอาจจะตายไปโดยไร้ความหมาย

ฮูหยินกู้มีความรู้สึกประทับใจเกิดขึ้น

“นางมีนิสัยเป็นอย่างไร?”

“เรียบง่าย ใจดี เปิดเผยตรงไปตรงมา รักความยุติธรรม” ถังหลี่เอ่ยสรรพคุณของฝางเหมี่ยว

ฮูหยินกู้เชื่อในสายตาของนาง คนในครอบครัวฟังคำพูดของนางแม้กระทั่งตัวของฮูหยินกู้เอง

“แล้วลูกจะทำอย่างไร?” นางถามถังหลี่

“ลูกจะให้พวกเขานัดเจอกัน…พี่ชายเป็นคนไม่ใส่ใจ ข้าต้องพยายามชักจูงเขา”

ในนิยายเรื่องนี้ พี่ชายของนางเป็นคนเย็นชา ทั้งสองคนจึงได้แคล้วคลาดกันไป ทั้งสองคนมีสถานะต่างกันมากในศาลต้าหลี่ การกินอาหารร่วมกัน ได้สนทนากัน อาจจะเป็นการเจาะกระดาษบางๆ ที่กั้นคนทั้งคู่ก็เป็นได้

หลังจากที่กู้หวนเนี่ยนกลับมา นางจึงเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง ถังหลี่ไม่ได้บอกว่าผู้หญิงคนนั้นคือฝางเหมี่ยว นางเก็บเป็นความลับเอาไว้ เพื่อให้พี่ชายได้ประหลาดใจ หากรู้ก่อนล่วงหน้าอาจจะไม่ตื่นเต้นเท่าที่ควร

กู้หวนเนี่ยนลังเลใจ เมื่อไม่นานมานี้ มารดาเอาแต่ส่งรูปหญิงสาวให้เขาดูอยู่เรื่อยๆ หากแต่เขาไม่สนใจหญิงสาวเหล่านั้นเลย แล้วนี่ยังจะมาเป็นน้องสาวของเขาอีก ในขณะที่เขากำลังอยากปฏิเสธนาง เขาก็เงยหน้าเห็นดวงตาเมล็ดซิ่งที่เบิกกว้างและอ้อนวอนเขา คำปฏิเสธที่ทำท่าจะหลุดออกจากปากก็กลับโดนกลืนหายไป

“ตกลง”

“พี่ชาย ท่านหยุดงานวันไหนหรือเจ้าคะ”

“มะรืนนี้” กู้หวนเนี่ยนตอบ

“พี่ชาย ถ้าเช่นนั้นวันมะรืนนี้ ที่หอชิงเฟิงนะเจ้าคะ” ถังหลี่นัดหมายอย่างตื่นเต้น

เพื่อไม่ให้น้องสาวผิดหวังเขายอมตามใจนาง ยอมเจอไปก่อนแล้วค่อยบอกนางว่าไม่เหมาะสม

กู้หวนเนี่ยนวางแผนเอาไว้เช่นนั้น เขาไม่สนใจหญิงสาวที่ถังหลี่นัดหมายให้

ถังหลี่รีบรุดไปบอกฝางเหมี่ยวทันที หลังจากที่นางได้ยิน นางประหม่าและตั้งตารอคอย ยามที่อยู่ศาลต้าหลี่พวกเขาเจอกันหลายครั้ง แต่เป็นเรื่องงานทุกครั้ง ถ้าหากพรุ่งนี้พวกเขาได้พบกันตามลำพัง นางอาจจะมีโอกาส ใต้เท้ากู้จะชอบนางบ้างหรือไม่? หรือนี่จะเป็นแค่เรื่องที่เพ้อฝันไปของนางแต่เพียงผู้เดียว

…………………….