บทที่ 391 เกิดเรื่องกับสะใภ้ใหญ่

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 391 เกิดเรื่องกับสะใภ้ใหญ่

บทที่ 391 เกิดเรื่องกับสะใภ้ใหญ่

เสี่ยวเว่ยจ้องตาเขม็ง “ข้าไม่ชอบสิ่งที่ไม่ดีไม่ได้หรือ? พี่ใหญ่หลินกำชับไว้อย่างชัดเจนอยู่หลายครั้งก่อนที่เขาจะไป ให้ใต้เท้าเซี่ยคอยดูแลพี่รอง ตอนนี้องค์จักรพรรดิก็ย้ายตำแหน่งของท่านเช่นนี้แล้ว ถ้าจะกล่าวว่าราวกับถูกย่างอยู่บนกองไฟก็คงไม่เกินจริง นี่หรือคือการดูแลเอาใจใส่ของเซี่ยเชียนต่อพี่รองงั้นหรือ?”

เหยาเฉามองดวงตาทั้งสองของเด็กหนุ่มที่ดูโมโหเล็กน้อย “ไม่ได้ ไม่ได้ นั่นคือน้าแท้ ๆ ของพี่ใหญ่หลินของเจ้า และเขาก็เป็นคนสำคัญของราชสำนัก จะพูดชื่อของเขาเช่นนั้นไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ใต้เท้าเซี่ยก็มาด้วยตัวเองไม่ใช่หรือ?”

เสี่ยวเว่ยขมวดคิ้ว “เขามาเพื่อจะพาอวี๋จือกลับต่างหาก!”

เหยาเฉาอดที่จะคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ “เจ้าจะให้ใต้เท้าเซี่ยทำอย่างไร เดิมทีแล้วเขาไม่ใช่ใช่คนที่ชอบเข้าสังคม เป็นเรื่องยากถ้าจะให้เขามาดื่มสุรากับพวกเรา นี่ไม่นับว่าสนับสนุนข้าแล้วอย่างนั้นหรือ!”

เสี่ยวเว่ยไม่กล่าวอะไรออกมา เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่พอใจ เด็กหนุ่มเตะนู่นเตะนี่ตลอดทาง บางทีเขาก็ดึงหญ้าเพื่อเป็นการระบายอารมณ์

ทั้งสองคนเดินมาถึงประตูเรือน เหยาเฉาหยุดลงภายใต้แสงของโคมไฟ ชายหนุ่มสบตากับเสี่ยวเว่ยแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ดีแล้ว วันนี้เจ้าเองก็ดื่มไปเยอะ รีบพักผ่อนเถอะ”

เด็กหนุ่มเบะปาก

มุมปากของเหยาเฉากระตุกเล็กน้อย และเอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่น “ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า แต่เรื่องราวในราชสำนักล้วนเกี่ยวพันกันหมด แทนที่จะพึ่งพาผู้อื่น พึ่งพาตัวเองไม่ดีกว่าหรือ ใต้เท้าเซี่ยไม่สามารถปกป้องข้าไปได้ตลอด หลินเหราเองก็อยู่ชายแดน และต่อไปข้าก็จะเป็นเสนาบดีของศาลต้าหลี่ ข้าจะระมัดระวังตัวให้ดีที่สุด เจ้าอย่าได้เป็นกังวลไป”

เสี่ยวเว่ยเคยพบปะเห็นหน้าเหมิงฉิงโดยตรง เด็กหนุ่มเองคอยเฝ้าจับตามองแผนการแต่ละขั้นตอนของเหมิงฉิงด้วยตาตัวเอง สุดท้ายจึงค่อย ๆ เห็นกรงเล็บและฟันของเขา

ตอนนี้เหยาเฉารับตำแหน่งเสนาบดีแห่งศาลต้าหลี่ นับว่าเป็นดั่งมีดเล่มหนึ่งขององค์จักรพรรดิที่เอาไว้ค่อยต่อกรกับเหมิงฉิง เรื่องนี้จะไม่ให้เสี่ยวเว่ยลำบากใจได้อย่างไร

เสี่ยวเว่ยเหลือบตาขึ้นมามองแววตาของเหยาเฉาและกล่าวอย่างจริงจัง “พี่รอง เหมิงฉิงมีความทะเยอทะยาน ถึงพร้อมด้วยเล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย ฐานะทางสังคม ตำแหน่ง เส้นสาย แลความมั่งคั่ง เวลาท่านติดต่อกับเขาต้องระวังตัวไว้ให้มาก”

เหยาเฉายิ้มอย่างอ่อนโยน “เรื่องนี้ข้ารู้ดี เจ้าวางใจเถอะ”

ไม่นานเหยาเฉาก็ถึงศาลต้าหลี่ ถึงแม้จะออกไปทำงานตั้งแต่เช้าและกลับมาค่ำมืด แต่ก็สบายกว่าตอนที่เขาเป็นราชองครักษ์อยู่มาก

ถึงอย่างไรเวลาพักผ่อนก็ไม่มีเรื่องราวอะไรมาคอยรบกวน

วันนี้เป็นวันที่เหยาเฉามีเวลาพักผ่อนอีกครั้ง เดิมทีเขามีนัดตกปลากับเหล่าสหาย แต่อีกฝั่งกลับมีเรื่องด่วนแทรกเข้ามา จึงทำให้เขาได้พักผ่อน

ชายหนุ่มอยู่ที่ห้องหนังสือ จุดกำยาน ชงชา แล้วหยิบหนังสือหนึ่งเล่มขึ้นมาอ่านอย่างสบายใจ

สะใภ้รองออกไปยังร้านขายผ้าตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อยามสายหญิงสาวได้กลับมาเอาของที่บ้าน ครั้นเห็นท่าทางมีความสุขของชายหนุ่มก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “ช่างนับว่าเป็นวันเวลาที่แสนสุขของท่านอีกหนึ่งวัน เห็นท่าทางที่มีความสุขของท่านแล้ว ข้าก็แทบไม่อยากจะเรียกใช้ท่าน”

เหยาเฉาวางหนังสือในมือลงแล้วกล่าวขึ้นอย่างอบอุ่น “ช่วยเรื่องอันใด? ข้าไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ ข้าสามารถไปช่วยเจ้าได้”

สะใภ้รองรีบปรามสามีของตนไว้ หญิงสาวส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น “อย่า อย่า อย่า ท่านอย่าเพิ่มภาระให้ข้าเลย ไม่กี่วันนี้ข้ากับแม่นางเซวียกำลังหารือกันเรื่องร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปแบบที่ท่านดูไปในครั้งก่อน ไม่มีใครชอบเลย ให้พวกเราทำเองคงจะดีกว่า”

เหยาเฉาหัวเราะ ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูผ่อนคลายราวกับก้อนเมฆ “สายตาข้ามันไม่มีแววจริง ๆ หรือมีเพียงแค่ข้าที่ชอบเสื้อผ้าสีอ่อน รูปแบบง่าย ๆ แต่คนในเมืองหลวงกลับไม่ซื้อมัน เช่นนี้ข้าก็หมดหนทางแล้ว”

สะใภ้รองจ้องมองเขาอย่างแง่งอน ก่อนจะหยิบของแล้วก็ออกไป

ไม่นานภายในห้องก็เงียบลง ควันกำยานไม้กฤษณาในกระถางธูปลอยฟุ้ง ทำให้ห้องหนังสือดูเงียบสงบและวังเวง

เหยาเฉาพลิกหน้าหนังสือที่อยู่ในมือไม่กี่หน้า ก็ได้ยินเสียงเรียกที่ดูร้อนรนดังมาจากข้างนอก “คุณชายรอง คุณชายรอง แย่แล้วเจ้าค่ะ”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วเหลือบมองสาวใช้ที่วิ่งเข้ามา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อขณะกล่าวอย่างร้อนใจ “คุณชายรองรีบไปดูเถอะเจ้าค่ะ เกิดเรื่องกับฮูหยินใหญ่แล้วเจ้าค่ะ!”

เหยาเฉากำหนังสือในมือไว้แน่น ชายหนุ่มแทบจะหยุดหายใจ เขารีบถามสาวใช้ขึ้นว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

สะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์อยู่ และตอนนี้ก็เป็นช่วงเดือนที่ไม่ค่อยปลอดภัยนัก โดยปกติแล้วน้อยครั้งมากที่หญิงสาวจะออกจากบ้าน จะมีก็เพียงแต่ไปร้านอาหารสลับกับร้านขายผ้า จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้กัน?

สาวใช้อ้าปากค้าง กล่าวตะกุกตะกัก “ข้าน้อย ข้าน้อยได้ยินมาว่า ฮูหยินใหญ่เดิมทีอยู่ที่ร้านผ้ากำลังดูสมุดบัญชี ต่อมาก็มีคนมาหาเรื่องที่ร้านขายผ้า….เถ้าแก่จึงรีบมาหาข้า ให้ข้ารีบมาแจ้งให้กับที่บ้าน”

ชายหนุ่มนึกสะดุ้งใจทันที เอ่ยถามขึ้น “ไปเชิญหมอมาหรือยัง?”

สาวใช้สาวใช้ส่ายหน้า ดวงตาของนางเบิกกว้าง “ข้าน้อยไม่รู้เรื่องเจ้าค่ะ เถ้าแก่อู๋รีบมาส่งข่าว ข้าน้อยก็รีบวิ่งมาเลยเจ้าค่ะ ยังไม่แน่ใจว่าฮูหยินใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง”

เหยาเฉาขมวดคิ้วแล้วกล่าวอย่าเคร่งขรึม “เตรียมม้า ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

“เจ้าค่ะ!”สาวใช้ตอบกลับ แล้วเร่งรีบไปเตรียมม้าสีพุทราสุกตัวที่เหยาเฉาใช้ขี่ตลอดมาไว้ที่หน้าประตูจวน

ครั้นมีเหตุฉุกเฉิน เหยาเฉาก็ไม่สนใจกฎข้อห้ามขี่ม้าในเมืองหลวง ชายหนุ่มควบม้าด้วยความรีบร้อนไปยังร้านขายผ้าทันที

ในวันที่สองสะใภ้ของตระกูลเหยาตั้งท้อง สะใภ้ใหญ่ที่ตั้งท้องต้าหลางอยู่นั้น สุขภาพของนางก็ไม่ดีมาโดยตลอด การคลอดก็ไม่ราบรื่น ทำให้เหยาต้าหลางคลอดก่อนกำหนด

ตอนนี้นางตั้งท้องอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวเชิญหมอมาดูแลนางอย่างระมัดระวัง ก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีปัญหาใด ๆ

ครรภ์สตรีนั้นบอบบาง ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง เหยาเฉาคงไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เหยาเฟิงรับรู้อย่างแน่นอน ชายหนุ่มควบม้าไปตามถนน ไม่สามารถเก็บความรู้สึกกังวลไว้ได้

ทักษะการขี่ม้าของเหยาเฉาเข้าขั้นดีมาก ผู้คนในเมืองได้ยินเสียงฝีเท้าของม้าที่เร่งรีบต่างก็หลีกทางให้แก่เขา ไม่นานก็มาถึงร้านขายผ้า

บริเวณหน้าร้านขายผ้าเหยาจี้รายล้อมไปด้วยผู้คนรอดูความสนุก ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไร้ยางอายไม่เกรงกลัวสิ่งใด เหยาเฉาลงจากม้า เมื่อเห็นบรรยากาศที่ดูคึกคัก ใบหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมาทันที

“มายืนล้อมทำอะไรกัน ถ้าหากว่าเกิดอุบัติเหตุก็ให้เจ้าเมืองมาจัดการ รีบแยกย้ายกันได้แล้ว!”

คนที่สูงที่สุดในบรรดากลุ่มฝูงชนที่ล้อมดูอยู่ด้วยความตื่นเต้น ขึ้นเสียงอย่างดูถูก “ถนนในเมืองหลวงออกจะกว้างใหญ่ อีกทั้งยังเปิดกิจการเป็นร้านค้า มีเหตุผลอันใดที่ผู้อื่นจะมองดูไม่ได้เล่า”

เหยาเฉาสังเกตเห็นคนผู้นั้นทันที เมื่อครู่เขาอยู่ในกลุ่มของฝูงชนคอยชี้นิ้วติฉินนินทาไปเรื่อยเปื่อย

พอมองดูตอนนี้แล้ว คนผู้นี้ไม่ใช่คนปกติทั่วไปที่มามุงดูด้วยความตื่นเต้น แต่กลับมีเจตนาทำให้คนอื่นเดือดร้อนราวกับกลัวว่าโลกใบนี้จะไม่มีความวุ่นวาย

ใบหน้ารูปงามอันสง่าผ่าเผยของชายหนุ่มตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเย็นชาจ้องมองไปยังคนผู้นั้น ชายหนุ่มกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าหากว่ายังไม่ออกไป เช่นนั้นก็รอให้ขุนนางของศาลต้าหลี่มาพาตัวไปนอนในคุกสักสองสามวันคงจะสำนึกได้”

ดวงตาดอกท้อฉายแววเย็นเยือก ทำให้บุคคลที่สร้างปัญหารู้สึกชาไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

พอพูดถึงเรื่องนี้คนผู้นั้นก็เริ่มหน้าถอดสี หากแต่ยังไม่ได้ถอยออกไป เขาระงับอารมณ์แล้วเอ่ยขึ้น “ต้าหล่งต้าหลี่อะไรกัน ศาลต้าหลี่ไม่มาใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หรอก เจ้ามันไม่รู้เรื่องอะไร ทำเป็นจริงเป็นจังไปได้…”

เหยาเฉาค่อย ๆ หรี่ตาทั้งสองข้างลง ไอเยือกเย็นกระจายไปทั้งร่างกาย ใบหน้าเยือกแข็งราวกับน้ำแข็ง

ถ้าหากคนที่สนิทสนมกับเขามาเห็นเข้า ก็คงจะรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเดือดดาลเป็นอย่างมาก

ประจวบเหมาะกับที่มีชายคนหนึ่งวิ่งออกมาจากร้าน ซึ่งเหยาเฉาจำได้ในทันทีว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ดูแลคลังสินค้า

คนงานของร้านค้าไม่ได้เขลา เอ่ยปากขึ้นฉับไว “ใต้เท้า ท่านมาแล้ว”

เมื่อคนในฝูงชนได้ยินคำว่า ‘ใต้เท้า’ เขาก็เริ่มตัวสั่น สายตาที่จับจ้องมายังเหยาเฉานั้นกลับเปลี่ยนไป

ในเมืองหลวงนี้แม้จะมีพวกขุนนางและผู้ดีปะปนกันไปในทุก ๆ ที่ แต่การจะมองหาขุนนางคนหนึ่งในเหตุการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้กลับไม่ใช่เรื่องง่าย

เวลานั้นผู้คนที่จ้องมองหาความครึกครื้นก็เริ่มหวาดกลัว ไม่มีผู้ใดเอ่ยอะไรขึ้นมาอีก

เหยาเฉาลงจากม้า ลากคนที่เพิ่งปะทะฝีปากกับเขาออกมาจากฝูงชน ชายหนุ่มยื่นมือไปหยิบแส้ม้ามามัดมือชายผู้นั้นไว้ แล้วส่งชายผู้นั้นให้กับเด็กหนุ่มคนงานในร้านค้า

ชายหนุ่มกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “จับชายผู้นี้ไว้ก่อน รอให้คนจากศาลต้าหลี่มาค่อยส่งตัวเข้าคุก!”

ชายผู้นั้นร้องตะโกน “นี่มันไม่ยุติธรรม! ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย เจ้ามาจับข้าทำไม นอกจากนี้ ต่อให้เจ้าเป็นเจ้าหน้าที่ เจ้าก็ไม่อาจมาจับคนในท้องถนนตามใจชอบได้…”

ความโกลาหลเกิดขึ้นในฝูงชนอีกครั้ง หลังจากที่โดนเหยาเฉากวาดสายตาที่เย็นชาไปจ้องมอง ความเงียบพลันเกิดขึ้นทันที

เหยาเฉากังวลเรื่องความปลอดภัยของพี่สะใภ้ จึงไม่อยากจะยุ่งกับคนที่มีปัญหาอย่างเห็นได้ชัดเช่นนี้ จึงกล่าวกับผู้คนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าเหยาเฉา เสนาบดีแห่งศาลต้าหลี่ ผู้ใดที่ก่อความวุ่นวาย ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ศาลต้าหลี่ย่อมมีสิทธิเอาตัวเข้าห้องขังได้ ทุกคนจงยึดถือเอาเหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ แล้วรีบสลายตัวไปซะ!”

ครั้นผู้คนเห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นแต่เป็นปัญหา คนทั้งหมดก็ค่อย ๆ ถอยออกไป ในไม่ช้าบริเวณหน้าร้านขายผ้าเหยาจี้ก็ไร้ผู้คน

ใบหน้าของเด็กหนุ่มในร้านแดงขึ้น เขาสบตาเหยาเฉาด้วยท่าทางร้อนใจ

“ฮูหยินใหญ่อยู่ในร้านใช่หรือไม่?”

เด็กหนุ่มรีบตอบ “อยู่ขอรับ ท่านหมอก็อยู่ ทุกคนล้วนอยู่ด้านในขอรับ ”

เหยาเฉากับชับเด็กหนุ่มไม่กี่ประโยค ก็รีบเดินเข้าไปในร้าน

ไม่รู้ว่าความปลอดภัยของพี่สะใภ้ใหญ่จะเป็นเช่นไร

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ใครทำอะไรสะใภ้ใหญ่เหยากันนะ

คนพวกนี้มันไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำซะแล้ว อยากรู้นักว่าใครเป็นคนส่งตัวมาก่อกวน

ไหหม่า(海馬)