ตอนที่ 429 ข่าวดีของหนิวลี่ลี่

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 429 ข่าวดีของหนิวลี่ลี่

หลินม่ายพลอยได้รับอิทธิพลางอารมณ์จากหนิวลี่ลี่ไปด้วย มุมปากเธอกระตุกเล็กน้อย ถามว่า “ข่าวดีอะไรคะ?”

น้ำเสียงของหนิวลี่ลี่เต็มไปด้วยความสะใจระคนสมใจ “เมื่อเช้าหลังจากคุณคุยกับฉันได้ไม่นาน นักอ่านหลายคนก็โทรเข้ามาที่สำนักหนังสือพิมพ์ บางคนตั้งคำถามกับเราโดยใช้ชื่อจริง ว่าประชาชนเป็นนายของประเทศนี้มาตั้งนานแล้ว ทำไมห้างสรรพสินค้ารายใหญ่อย่างห้างเจียงเฉิงถึงได้ยอมคุกเข่าให้กับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ได้รับเงินทุนจากต่างประเทศ แล้วปราบปรามองค์กรเอกชนของท้องถิ่นเสียเอง? หลายคนสงสัยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะได้รับคำสั่งจากเบื้องบนหรือเป็นความคิดของทางห้างเองกันแน่? ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลแรก เป็นไปไม่ได้เลยที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ของรัฐจะดำเนินการปราบปรามกิจการของเอกชนโดยพร้อมเพรียงกัน มีบางคนโทรมารายงานพฤติกรรมของผู้อำนวยการหูแบบไม่ระบุชื่อ บอกว่าปรากฏการณ์นี้เกิดจากการที่เขารับสินบน แถมยังบอกด้วยว่าผู้อำนวยการหูได้รับผลประโยชน์จากกิจการที่ได้รับทุนสนับสนุนจากฮ่องกงอย่างโรงงานตัดเสื้อซีม่าน เพื่อเปิดทางให้ธุรกิจของพวกเขาพัฒนาขึ้น ก็เลยคิดมุ่งร้ายตัดช่องทางทำมาหากินของโรงงานคุณ”

หลินม่ายรีบถาม “บุคคลนิรนามที่โทรมาแจ้งเบาะแสมีหลักฐานหรือเปล่าคะ ถ้ามีหลักฐาน เราก็สามารถเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐจอมทุจริตคนนี้ได้”

“เขาไม่มีหลักฐาน แต่เขาเห็นทุกอย่างกับตาตัวเอง ฉันพยายามขอให้เขาช่วยเป็นพยาน แต่เขาปฏิเสธ อาจเป็นเพราะกลัวว่าตัวเองจะได้รับความเดือดร้อน” หนิวลี่ลี่พูดด้วยความเสียดาย

แต่หลินม่ายกลับเข้าใจดี “ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมรักตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง ใครบ้างอยากเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนอื่นกันล่ะ?”

หนิวลี่ลี่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “ยังไงก็เถอะ ไม่สำคัญว่าเขาจะยอมเป็นพยานให้ไหม ฉันบันทึกเสียงการสนทนาทั้งหมดและส่งเทปเสียงไปให้กับเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯ ประจำมณฑลแล้ว ฮ่าๆๆ!”

หลินม่ายคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรอบคอบขนาดนี้ ถามว่า “ท่านเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯประจำมณฑลฟังเทปบันทึกเสียงนั้นแล้วหรือยัง? หลังจากฟังแล้วมีปฏิกิริยายังไงบ้าง?”

“ฟังแล้วเรียบร้อย ฉันยังได้ยินบุคคลนิรนามแจ้งว่าผู้อำนวยการหูเป็นคนมีนิสัยเจ้าระเบียบและก้าวร้าวมาก หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวันนั้น เขาก็ไม่พอใจมาก ถึงกับสั่งให้ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่สวมรองเท้าคู่เล็ก(1)ให้คุณ โดยย้ายร้าน Unique ของคุณเข้าไปอยู่ตรงมุม มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ?”

“มี”

หนิวลี่ลี่ถามอย่างไม่เข้าใจ “แล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ตอนที่ฉันไปสัมภาษณ์คุณล่ะ?”

หลินม่ายเกาคิ้วตัวเอง “ฉัน… ลืม…”

หนิวลี่ลี่ถึงกับพูดไม่ออก “คุณลืมเรื่องใหญ่แบบนี้เนี่ยนะ”

เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะหลงทางจากหัวข้อสนทนาเดิม หลินม่ายก็ดึงเธอกลับมา “ท่านเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯ มีปฏิกิริยายังไงบ้าง?”

“ต้องโกรธมากอยู่แล้วสิ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะส่งคนไปตรวจสอบการรับสินบนของผู้อำนวยการหูเรียบร้อยแล้ว ถ้าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ผู้อำนวยการหูอาจโดนปลดจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ”

ถึงแม้ผู้อำนวยการหูจะโดนปลด แต่นั่นก็เป็นความผิดของเขาเอง หลินม่ายไม่รู้สึกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย

เธอถามด้วยความกังวล “แล้วคนที่ยัดสินบนจะโดนลงโทษด้วยหรือเปล่า?”

เธออยากให้กวนหย่งหัวถูกลงโทษในข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างความประทับใจในทางที่ไม่ดีต่อผู้ใหญ่ในแวดวงราชการ ในอนาคตจะได้ไม่กล้าทำเรื่องสกปรกแบบนี้กับใครในเจียงเฉิงอีก

หนิวลี่ลี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉัน… ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เดี๋ยวจะลองถามใครสักคนให้นะ” หลังจากพูดจบก็วางสายไป

ก่อนจะโทรกลับอีกครั้งภายในไม่กี่นาทีต่อมา

หล่อนบอกหลินม่ายว่าผู้ที่ติดสินบนเจ้าหน้าที่ต้องได้รับการลงโทษแน่อยู่แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของสถานการณ์ด้วย

ถ้าผลกระทบค่อนข้างร้ายแรง บทลงโทษก็ยิ่งหนัก

แต่ถ้าเป็นแค่อาชญากรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ บทลงโทษก็มีแค่การตักเตือนและเรียกค่าปรับเท่านั้น

หล่อนลองปรึกษากับเพื่อนที่ทำงานในศาลดูแล้ว

เพื่อนที่ทำงานในศาลบอกว่าความผิดของกวนหย่งหัวไม่ใช่เรื่องร้ายแรง บทลงโทษมีแค่การอบรมตักเตือน และเรียกค่าปรับเป็นหลัก ไม่ถูกศาลตัดสินลงโทษโดยตรง

ถึงจะไม่ได้รับโทษทางกฎหมายที่ร้ายแรง อย่างน้อยทำให้กวนหย่งหัวควักเนื้อตัวเองบ้างก็ดี

และคงเป็นการดีกว่าถ้าจะเปิดโปงเรื่องเหล่านี้

หลินม่ายถามด้วยความลังเล “ถ้าผู้อำนวยการหูโดนไล่ออก ข่าวนี้จะถูกตีพิมพ์บนหน้าหนังสือพิมพ์หรือเปล่า?”

ที่กังวลก็เพราะกลัวว่าตำแหน่งของผู้อำนวยการหูอาจไม่ควรค่ากับการพูดถึง

ต่อให้เขาร่วงตกจากหลังม้า แต่จากประสบการณ์ในชาติที่แล้ว ตำแหน่งของเขาอยู่ต่ำเกินไป เป็นไปได้ว่าหนังสือพิมพ์อาจไม่คิดจะหยิบมาเล่นข่าว

ถ้าไม่มีการรายงานข่าวอื้อฉาวของผู้อำนวยการหู เรื่องที่กวนหย่งหัวเป็นคนติดสินบนก็จะไม่ถูกเปิดโปงบนหน้าหนังสือพิมพ์น่ะสิ

หนิวลี่ลี่ตอบ “พฤติกรรมการทุจริตของผู้อำนวยการหูได้กระตุ้นความไม่พอใจของสาธารณชน ไม่รู้เหมือนกันว่าหนังสือพิมพ์อื่นจะตีพิมพ์ไหม แต่ของเราตีพิมพ์แน่นอน”

หลินม่ายเอ่ย “ฉันมีคำขอบางอย่าง”

“ว่ามาเลย”

“นอกเหนือจากข่าวผู้อำนวยการหูโดนปลดจากตำแหน่งเพราะทุจริตแล้ว คุณช่วยเปิดโปงเรื่องที่กวนหย่งหัวเป็นผู้ติดสินบนด้วยได้ไหม?”

หนิวลี่ลี่ตอบรับอย่างกล้าหาญ “ไม่มีปัญหา”

ต่อให้หลินม่ายไม่ออกปากร้องขอด้วยตัวเอง เธอก็คิดจะเปิดโปงการติดสินบนของกวนหย่งหัวอยู่แล้ว

หล่อนรักความยุติธรรมเป็นที่สุด สิ่งที่หล่อนเกลียดที่สุดคือการที่เขาจัดการกับคู่แข่งทางการค้าด้วยวิธีสกปรก

ถ้ากวนหย่งหัวพยายามเอาชนะหลินม่ายด้วยกลยุทธ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย หล่อนจะเคารพเขาในฐานะคนที่มีความสามารถ แต่นี่ไม่ใช่

ประเด็นก็คือ ขนาดกวนหย่งหัวโจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยวิธีที่ไม่ซื่อ เขาก็ยังพ่ายแพ้ให้กับความสามารถของหลินม่ายอยู่ดี นี่ยิ่งทำให้หล่อนดูถูกเขามากขึ้น

หนิวลี่ลี่มีความสามารถในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ค่อนข้างดี

บทความที่หล่อนขอสัมภาษณ์กวนหย่งหัวก็ได้ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ในวันรุ่งขึ้น

ถึงบทความนั้นจะไม่ยาวเท่ากับบทความที่หนิวลี่ลี่สัมภาษณ์หลินม่าย อีกทั้งตำแหน่งที่ปรากฏยังไม่เด่นชัดเท่า แต่ก็ยังอยู่ในจุดที่สังเกตได้ง่าย

หลินม่ายพอใจมากหลังจากได้อ่านบทความดังกล่าว

เธอวางหนังสือพิมพ์ลง คว้านมสดไปด้วย แล้วลงไปซื้อขนมจีบที่คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางชอบกิน รวมถึงเกี๊ยวนึ่งและเสี่ยวหลงเปา จากนั้นก็ขี่จักรยานไปที่คฤหาสน์

หลินม่ายไม่ค่อยแวะมากินอาหารมื้อเช้า คุณย่าฟางที่รู้สึกประหลาดใจจึงดีใจเป็นพิเศษที่เห็นว่าเธอแวะมาหาตั้งแต่เช้าตรู่

พอรับอาหารเช้ากับนมสดจากมือเธอแล้ว ก็ถามว่า “ทำไมวันนี้ถึงแวะมาที่นี่แต่เช้าเชียว?”

หลินม่ายหยิบรองเท้าแตะที่ฟางจั๋วหรานกับโต้วโต้วซึ่งรออยู่หน้าประตูยื่นให้ “ฉันอยากมากินมื้อเช้ากับคุณย่าค่ะ จะได้ถามไถ่เกี่ยวกับอาการของแม่ฟู่เฉียงด้วย”

ฟางจั๋วหรานตอบกลับ “อาการยังคงที่น่ะ”

หลินม่ายเปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น แต่ไม่เห็นฟู่เฉียงอยู่ที่นั่น แถมยังไม่อยู่ในห้องอาหาร

ขณะที่จัดเตรียมอาหารเช้ากับฟางจั๋วหราน เธอก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ฟู่เฉียงอยู่ไหนคะ อย่าบอกนะว่าเขาไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า?”

“เปล่าหรอก!” คุณย่าฟางตอบ “เขาคงเป็นห่วงแม่น่ะ เลยนั่งเฝ้าอยู่นอกห้องไอซียูตลอดทั้งคืน พอกลับมาก็ทำบะหมี่เนื้อฉีกสองชามแล้วรีบออกไป ฉันกับคุณปู่ช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้เขานอนรอข่าวดีอยู่ที่บ้าน แต่เขาไม่ยอมท่าเดียว ยังวิ่งกลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อเอาอาหารไปให้พ่อของเขา”

หลินม่ายส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ “ฟู่เฉียงแบกรับภาระหนักเกินไปแล้ว!”

ฟางจั๋วหรานตอบ “เขาคงแบกรับภาระหนักแบบนี้ไปอีกแค่ครึ่งเดือน หลังจากครึ่งเดือนผ่านไป อาการของแม่ฟู่เฉียงก็จะฟื้นตัวขึ้นถึงเจ็ดสิบหรือแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ถึงตอนนั้นฟู่เฉียงก็ไม่เหนื่อยมากแล้ว”

หลินม่ายพยักหน้า

อาหารเช้าพร้อมแล้ว ทุกคนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า ยกเว้นก็แต่ฟางจั๋วเยวี่ย

คุณย่าฟางเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับถือไม้พายติดมือไปด้วย บ่นเสียงดังด้วยความไม่พอใจ “เจ้าหลานไม่รู้จักโตคนนี้ ตอนกลางคืนไม่ยอมนอน มานอนเอาตอนตะวันโด่ง ไม่โดนตีก็คงไม่ตื่น!”

หลินม่ายและคนอื่น ๆ นั่งรออย่างเงียบ ๆ อยู่ที่โต๊ะอาหาร เพื่อรอให้คุณย่าฟางกับฟางจั๋วเยวี่ยลงมา

มีแค่โต้วโต้วที่แอบยื่นมือน้อย ๆ ออกมา หยิบเกี๊ยวชิ้นหนึ่งแล้วยัดเข้าปากตัวเอง

ภายในเวลาไม่ถึงสองนาที เสียงร้องโหยหวนของฟางจั๋วเยวี่ยก็ดังก้องมาจากชั้นบน

นอกเหนือจากหลินม่าย ฟางจั๋วหรานและคนอื่น ๆ ต่างก็มีท่าทางสงบนิ่ง

หลินม่ายหันขวับมองไปทางบันได พูดอย่างกระวนกระวาย “เราขึ้นไปดูเขาหน่อยดีไหมคะ?”

คุณปู่ฟางพูดอย่างไม่จริงจัง “ต้องดูอะไรล่ะ? จั๋วเยวี่ยหนังหนาจะตายไป ย่าของเขาทำอะไรเขาไม่ได้หรอก”

ไม่กี่นาทีต่อมา คุณย่าฟางก็เดินลงมาชั้นล่าง

เดินเข้าไปในครัวเพื่อวางไม้พาย จากนั้นก็ออกมาที่ห้องอาหาร นั่งลงที่โต๊ะ แล้วพูดกับทุกคนว่า “กินข้าวกันเถอะ”

หลินม่ายอดเหลือบมองไปทางบันไดอีกรอบไม่ได้ จากนั้นก็กินอาหารเช้าพร้อมกับทุกคน

ระหว่างนั้นฟางจั๋วหรานก็แอบยกแก้วนมของหลินม่ายขึ้นจิบ ก่อนจะวางคืนให้เธอตามเดิม

คุณปู่ฟางเห็นแบบนั้นก็หันไปดุเขาทันที “เธออยากดื่มนมก็เอานมของฉันไปดื่มสิ จะไปแย่งม่ายจื่อเขากินทำไม?”

ในคฤหาสน์เหลือนมสดอยู่สี่ชุด

หลังจากแบ่งให้พ่อฟู่เฉียงไปแล้ว ก็เหลืออยู่แค่สามชุด

สามชุดสำหรับสมาชิกห้าคน หมายความว่าไม่มีของฟางจั๋วหรานและน้องชายของเขา

นั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณปู่ฟางถึงคิดว่าฟางจั๋วหรานแย่งนมของคนอื่น

มีแค่หลินม่ายที่รู้ดีแก่ใจว่าฟางจั๋วหรานไม่ได้คิดจะแย่งนมเธอดื่ม แต่เพราะเขาต้องการยืนยันว่าเธอดื่มนมสดจริงอย่างที่บอกก่อนหน้านี้หรือเปล่า

เช้าวันนี้เธอถึงได้คว้าเอานมสดของตัวเองมาจากบ้านเพื่อเป็นการยืนยัน

ฟางจั๋วหรานส่ายหน้าให้คุณปู่ฟาง “ผมไม่ได้อยากดื่มนมครับ แค่อยากชิมว่าเครื่องดื่มที่อยู่ในแก้วม่ายจื่อเป็นนมสดจริงหรือเปล่า”

คุณย่าฟางรีบถาม “แล้วใช่นมสดไหม?”

ฟางจั๋วหรานพยักหน้า “เป็นนมสดจริง ๆ ครับ”

ขณะนั้นเอง เสียงของฟางจั๋วเยวี่ยก็ดังมาจากทิศทางของบันได “เฮ้ พี่สะใภ้ คุณมาเช้าจริง ๆ เลย!”

หลินม่ายเห็นว่าเส้นผมบนหัวของอีกฝ่ายชี้โด่ชี้เด่ไปมา ถึงแม้เขาจะสวมเสื้อผ้าแบบพร้อมออกนอกบ้าน แต่เธอก็รู้ทันทีว่าเขาเพิ่งตื่นนอนได้ไม่นาน

เธอแซวว่า “ฉันไม่ได้มาเช้า นายตื่นสายต่างหาก”

เมื่อกี้นี้เขาเพิ่งโดนคุณย่าฟางหวดด้วยไม้พาย ตอนนี้ยังมาถูกหลินม่ายแซวอีก ฟางจั๋วเยวี่ยจึงนั่งลงตรงโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารเช้าด้วยความอึดอัด

แต่อาหารเช้าแสนอร่อยก็ทำให้เขากลับมารู้สึกดีได้ในไม่ช้า เขาหันไปคุยเรื่องตลกกับโต้วโต้วในระหว่างรับประทานอาหาร ทำให้เด็กหญิงตัวน้อยหัวเราะคิกคัก

ฟางจั๋วหรานเห็นแบบนั้นก็เตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อย่าชวนโต้วโต้วคุยระหว่างกินข้าวจนหล่อนหัวเราะสิ ถ้าอาหารหลุดเข้าไปในหลอดลมจะทำยังไง?”

คุณย่าฟางได้ยินแบบนั้นก็หันไปตบท้ายทอยฟางจั๋วเยวี่ยสองครั้ง

หลังจากถูกทุบตี ฟางจั๋วเยวี่ยก็สงบเสงี่ยมลงทันตาเห็น ก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าเงียบ ๆ

………………………………………………………………………………………………………………

สวมรองเท้าคู่เล็ก หมายถึง ใช้อำนาจที่มีเบียดเบียนผู้อื่น

สารจากผู้แปล

ฝันที่จะไปฮ่องกงของนังหรงจะเป็นหมันแล้วหรือเปล่าน้า

เหมือนมีเด็กเพิ่มมาอีกคนนึงเลยค่ะ เข้ากับโต้วโต้วดีทีเดียวเลย

ไหหม่า(海馬)