เซียวหลานสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยว่า หัวหน้าจาง เจ้าจะทำอันใด ถึงกับกล้าเสียมารยาทกับข้า
จางจิ่นสยงเอ่ยอย่างเย็นชา เซียวหลาน เจ้าอย่าได้ใช้สถานะมากดข้า หากนับฐานะเจ้าเป็นนาย ข้าเป็นหัวหน้าองครักษ์ แต่ขณะเดียวกัน ข้าจางจิ่นสยงก็เป็นศิษย์ของเจ้าสำนักคงต้ง ส่วนเจ้าเซียวหลานเป็นศิษย์ของสำนักเฟิงอี้ แรกเริ่มสำนักเฟิงอี้ส่งทูตมาจับมือเป็นพันธมิตรกับคงต้ง ข้ารับคำสั่งจากอาจารย์เดินทางมาให้พวกเจ้าใช้งาน แต่ศิษย์น้องผู้นี้ของข้าขวางอันใดเจ้า พวกเจ้าจึงจะโบยเขาให้ตาย หรือว่าพวกเจ้าไม่เห็นหัวข้าจางจิ่นสยงคนนี้จริงๆ จึงคิดว่าข้าจะนั่งดูดายมองเขาถูกพวกเจ้าหยาบหยามสังหาร
เซียวหลานโกรธจัด ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด หลี่หันโยวก็เอ่ยอย่างเย็นชา จอมยุทธ์จาง ข้าขอพูดทวงความเป็นธรรมสักคำ ก่อนอื่นไม่ต้องพูดถึงว่าคนผู้นี้เป็นศิษย์ไม่เอาไหนจากสำนักคงต้งของพวกท่าน ยามนี้เขาอยู่ข้างกายองค์รัชทายาททำสิ่งใดลงไปบ้าง ท่านไม่ได้ยินข่าวสักนิดเลยหรือ พวกเราสังหารเขาเพื่อกำจัดภัยร้ายให้ปวงชน ท่านเป็นอนาคตเจ้าสำนักคงต้งสมควรครองตนให้ไร้มลทิน จะปกป้องคนชั่วได้อย่างไร
จางจิ่นสยงเอ่ยอย่างเย็นชา องค์หญิงจิ้งเจียง ท่านเห็นข้าเป็นคนโง่หรือ ต่อให้จินอี้มีความผิด โทษก็ไม่ถึงตาย พวกท่านมีความสามารถนักก็ไปห้ามปรามองค์ชายเสียดีกว่า ศิษย์น้องผู้นี้ของข้าแม้ไม่ได้เรื่อง แต่เขามิใช่คนเลวร้ายอันใด เขาเป็นเพียงผีนำทางเสือร้าย พวกท่านไม่ไปสังหารเสือแต่กลับมาสร้างความลำบากให้ศิษย์น้องข้า ช่างวางแผนมาดีจริง
เซียวหลานทนไม่ไหวอีกต่อไป พลิ้วกายโถมเข้าใส่ทันที ในมือนางไร้กระบี่ แต่แขนเสื้อยาวสะบัดควงดั่งมังกรอสรพิษ เมื่อร่างเคลื่อนมาถึงหน้าจางจิ่นสยง มังกรก็ราวกับทะยานอยู่เหนือห้วงมหาสมุทร กระแสลมแข็งแกร่งกวาดเข้าใส่จางจิ่นสยง
จางจิ่นสยงไม่กล้าชักช้า หนึ่งหมัดสวนเข้าปะทะ หนึ่งหมัดนี้จิตพุ่งนำหมัด คล้ายจริงคล้ายลวง นั่นคือหมัดเทวะซึ่งมีแต่ผู้สืบทอดสายตรงของสำนักคงต้งเท่านั้นที่ฝึกได้ หมัดกับแขนเสื้อปะทะกัน เซียวหลานถูกบีบให้ถอยหลังหนึ่งก้าว นางนึกหวาดหวั่น ยามปกตินางทะนงว่าเคล็ดวิชาของสำนักพิเศษ ทั้งพลังภายในของตนก็ไม่อ่อนแอ แต่คิดไม่ถึงว่าศิษย์เจ้าสำนักคงต้งผู้นี้จะพลังภายในล้ำลึกเช่นนี้ ในใจนางเกิดหวั่นเกรงจึงทะยานร่างถอยหลัง
ตอนนี้เอง หลี่หันโยวก็ชักกระบี่ยาวออกมาส่งให้ เซียวหลานรับกระบี่แล้วถือชี้ขนานกับพื้น เพียงพริบตาเดียวสีหน้าพลันกลายเป็นเคร่งขรึม จิตเข้าสู่สภาวะผ่อนคลาย จางจิ่นสยงคิดในใจว่าศิษย์สำนักเฟิงอี้ช่างสมคำร่ำลือ กระบี่เล่มเดียวกลับใช้ได้ดุดันโหดเหี้ยม วิชาตัวเบาก็ยอดเยี่ยม เพียงพริบตาทั้งห้องก็เต็มไปด้วยประกายกระบี่ ทว่าสองหมัดของจางจิ่นสยงก็ไม่อ่อนข้อแม้แต่น้อย วรยุทธ์ของสำนักคงต้งเดิมก็แฝงหลักการของจักรวาล ทั้งสองคนจึงต่างโจมตีเข้าจุดสำคัญของศัตรู ใช้รุกเป็นรับ พริบตาเดียวประมือหลายสิบกระบวนท่า แม้เซียวหลานมีวิชากระบี่และวิชาตัวเบาโดดเด่น แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงสตรี ทั้งยังอยู่สุขสบายมานานปี ถึงวรยุทธ์จะเฉียบคม แต่ประสบการณ์ต่อสู้จะมากมายเท่าจางจิ่นสยงได้อย่างไร ดังนั้นนางจึงค่อยๆ ตกเป็นรอง
หลี่หันโยวที่อยู่ด้านข้างมุ่นคิ้ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น บางทีนางอาจไว้หน้าจางจิ่นสยง แต่เซี่ยจินอี้ผู้นี้อยู่เหนือการคาดการณ์ของนาง แม้เขาทำตัวประจบสอพลอเกาะผู้มีอำนาจ แต่กลับมีนิสัยไม่ยอมจำนน ไม่ยอมรับผิดยังไม่ว่า แม้แต่นึกเสียใจหรือหวาดกลัวสักน้อยก็ไม่มี หากวันนี้ปล่อยเขาไป เขาจะต้องคิดแค้นอยู่ในใจแน่ หนึ่งปีที่ผ่านมา รัชทายาทเฉยชากับเซียวหลานมากขึ้นอยู่แล้ว หากมีคนเช่นนี้คอยใส่ไฟอีก เกรงว่าคงส่งผลกับอิทธิพลของสำนักที่มีต่อรัชทายาท
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางจึงมีสีหน้าเย็นเยียบ แล้วเอ่ยเบาๆ จอมยุทธ์จาง หัวหน้าองครักษ์จาง ดูท่านหมายมาดจะปกป้องศิษย์ชั่วคนนี้ให้ได้ ย่อมได้ ให้หันโยวรับคำชี้แนะจากท่านสักหน่อยแล้วกัน พูดจบก็พลิ้วร่างมาด้านหน้า ตบฝ่ามือเข้าใส่กลางหลังของจางจิ่นสยง จางจิ่นสยงกำลังสู้ติดพันอยู่กับเซียวหลาน อีกทั้งวรยุทธ์ของหลี่หันโยวยังเหนือกว่าเขา ขณะที่กำลังจะถูกหลี่หันโยวเล่นงานจนบาดเจ็บนั่นเอง เซี่ยจินอี้พลันกระโจนเข้าใส่หลี่หันโยวดุจคลุ้มคลั่ง ดวงตาของหลี่หันโยวทอประกายเย็นเยียบ หนึ่งฝ่ามือฟันลงมา ร่างกายของเซี่ยจินอี้ร่วงลงประหนึ่งว่าวสายขาด หลี่หันโยวเห็นเซี่ยจินอี้มีเลือดไหลออกจากมุมปาก สีหน้าเจ็บปวด แต่สองตายังมีประกาย นางจึงก้มลงหมายลงมือซ้ำ เซี่ยจินอี้ยิ้มหยันแล้วยกแขนเสื้อขึ้น ประกายสีเงินสายหนึ่งพุ่งออกมา หลี่หันโยวใจหายวูบ นึกขึ้นได้ว่าศิษย์สำนักคงต้งล้วนมีอาวุธลับที่ถนัดหลายอย่างไว้ป้องกันตัว นางรีบบิดเอวเรียวบางดุจกิ่งหลิวหลบไปด้านข้าง แสงสีเงินสายนั้นจมหายเข้าไปในกำแพงแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลี่หันโยวยิ้มหยัน ดูท่าเจ้าจะมีสมบัติไว้ป้องกันตัวอยู่บ้าง พูดพลางก็บุกเข้ามาอีกครั้ง เซี่ยจินอี้ยกมือขึ้นสะบัด แต่ครานี้หลี่หันโยวยื่นหัตถ์งามออกมาแผ่วเบา ปลอกแขนสีเงินก็ปรากฏออกมาขวางประกายสีเงินจุดนั้นไว้ นางคว้าอาวุธลับที่ร่วงหล่นมาพินิจดู มันคือเข็มหัวสามเหลี่ยมสองคมยาวห้าชุ่นเล่มหนึ่งที่ทำมาจากเหล็กกล้าลับจนเป็นประกายวาววับ หากอาวุธลับชิ้นนี้เข้าเป้า เลือดจะต้องไหลไม่หยุดแน่นอน หลี่หันโยวเอ่ยอย่างเย็นชา ดี ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสมันเอง พูดจบก็ดีดนิ้ว เข็มสองคมเล่มนั้นพุ่งเข้าใส่เซี่ยจินอี้ ความเร็วของมันเร็วไม่มีสิ่งใดเทียม เซี่ยจินอี้ผู้กำลังจะหลบไม่พ้นจ้องมองหลี่หันโยวด้วยแววตาเคียดแค้น ความแค้นที่สลักลึกจนถึงกระดูกเช่นนั้นทำเอาหลี่หันโยวพรั่นพรึงวูบหนึ่งอย่างห้ามไม่ได้ ขณะที่เข็มสองคมเล่มนั้นกำลังจะปักลงกลางอกของเซี่ยจินอี้ เสียงตวาดเกรี้ยวกราดพลันดังมาจากด้านนอก หยุดเดี๋ยวนี้
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ไม่เพียงหลี่หันโยวที่เปลี่ยนสีหน้า แม้แต่เซียวหลานกับจางจิ่นสยงก็หยุดต่อสู้พร้อมกันอย่างไม่ได้นัด เวลานี้ ประตูห้องโถงถูกเท้าข้างหนึ่งถีบเปิด หลี่อันโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเดินเข้ามา หลี่หันโยวกำลังนึกดีใจที่ตนสังหารเซี่ยจินอี้ไปแล้ว แต่กลับเห็นเซี่ยจินอี้ล้มลุกคลุกคลานถลาเข้าไปหาหลี่อันพลางคุกเข่าร่ำไห้เสียงดังต่อหน้าเขา องค์ชาย ช่วยชีวิตผู้น้อยด้วย ชายารองหลานกับองค์หญิงจะสังหารผู้น้อยแล้ว
หลี่หันโยวตกตะลึง เหตุใดคนผู้นี้ยังไม่ตาย รัชทายาทรีบถาม เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่ ข้าได้ข่าวก็รีบกลับมาทันที นับว่ามาทันเวลาอย่างยิ่ง
เซี่ยจินอี้แหวกเสื้อตัวนอกออกจนเห็นเกราะกระจกชิ้นหนึ่งที่สวมไว้ด้านใน ตอนนี้เกราะถูกเข็มสองคมโจมตีแตกร้าวไปแล้ว เซี่ยจินอี้ร่ำไห้ฟ้อง ผู้น้อยเกือบจะไม่ได้พบหน้าองค์ชายแล้ว
หลี่อันเดือดดาล หลี่หันโยว เรื่องในบ้านข้าต้องให้เจ้าสอดมือมายุ่งหรือ เจ้า เจ้าจงไปเสีย
หลี่หันโยวถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า องค์ชาย ในเมื่อท่านไม่ยอมรับคำเตือนจากใจจริง ข้าก็มิมีอันใดจะกล่าวอีก แต่คนผู้นี้เก็บไว้ไม่ได้จริงๆ ขอองค์ชายโปรดไตร่ตรอง หลี่อันไม่หวั่นไหวกับคำพูดของนาง เขาเอ่ยอย่างเย็นชา ข้ารู้แล้ว เจ้าไปเสียเถิด
หลี่หันโยวยอบกายเป็นการคำนับแล้วถอนหายใจก่อนจะออกจากประตูไป เซียวหลานสีหน้ากังวลเล็กน้อย นางก้าวเข้ามาเอ่ยอึกอัก องค์ชาย หม่อมฉันเพียง…
ยังไม่ทันพูดจบ ขันทีคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากด้านนอก พอเข้าประตูมาก็เอ่ยว่า ชายารองหลาน พระชายาฝากถ้อยคำมา… ขันทียังไม่ทันพูดจบ พอเห็นรัชทายาทหน้าเขียวอยู่ เขาก็ตกใจลงไปคุกเข่า หลี่อันเอ่ยอย่างเย็นชา พระชายาให้เจ้าพูดอันใด
ขันทีผู้นั้นเอ่ยเสียงสั่น พระชายาบอกว่า ‘ในเมื่อชายารองหลานใจกล้าเหิมเกริม ลงโทษองครักษ์คนโปรดของรัชทายาทลับหลังรัชทายาท แล้วยังมัดตัวหญิงรับใช้ของข้ากลับมาส่ง ข้าจะถวายหนังสือถึงฮองเฮา ให้ยกตำแหน่งพระชายาให้เจ้าเสียเดี๋ยวนี้’
ฟังถึงตรงนี้ หลี่อันก็หมดความอดทน ชุดน้ำชาบนโต๊ะถูกเขากวาดลงบนพื้นระเนระนาด หลี่อันเอ่ยอย่างเดือดดาล เซียวหลาน เจ้าช่างกล้า ลงโทษคนสนิทของข้าตามใจยังไม่พอ ยังจะบีบบังคับให้พระชายายกตำแหน่งให้อีก วันพรุ่งนี้ข้าจะถวายหนังสือกราบทูลเสด็จพ่อขอหย่ากับเจ้า ข้าคงไม่คู่ควรกับศิษย์ชั้นสูงของสำนักเฟิงอี้อย่างเจ้า
เซียวหลานตกตะลึง รีบร้อนก้าวเข้ามายอบกายคำนับ องค์ชายโปรดระงับโทสะ หม่อมฉันผิดเอง ขอองค์ชายเห็นแก่ที่หม่อมฉันขบคิดเพื่อพระองค์ อภัยให้หม่อมฉันเถิด
แม้หลี่อันโกรธเคืองอย่างยิ่ง แต่เมื่อนึกถึงความสำคัญที่สำนักเฟิงอี้มีต่อตน หากขับไล่เซียวหลานไป เกรงว่าตำแหน่งรัชทายาทนี้ก็คงจะหลุดลอยไปเสียเดี๋ยวนี้ เขาลังเลขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนี้เอง เซี่ยจินอี้จึงเอ่ยว่า องค์ชาย ผู้น้อยไม่ดีล่วงเกินชายารองหลานเข้า พระชายาเองก็โกรธชายารองด้วยเหตุนี้ หากองค์ชายอนุญาต ขอให้กระหม่อมขอขมาชายารองหลาน ชายารองจะต้องอภัยให้ผู้น้อยแน่
หลี่อันมองเซียวหลาน เซียวหลานย่อมรู้ว่านี่เป็นทางลงของนาง จึงรีบร้อนเอ่ยว่า ข้าไม่ตำหนิเจ้าแล้ว หลังจากวันนี้ไปเจ้าจงระวังคำพูดกับการกระทำให้ดี
เซี่ยจินอี้รีบขานรับ หลี่อันเอ่ยอย่างพึงพอใจ เช่นนี้ก็ดี หลานเฟย เจ้าจงไปขอขมาพระชายา หากทำให้นางโกรธ เสด็จพ่อกับเสด็จแม่คงจะไม่พอพระทัย เซียวหลานนึกเสียใจยิ่งนัก นางไม่น่าพลาดมีจุดอ่อนให้คนเล่นงานเลย นางรีบร้อนเอ่ยว่า หม่อมฉันจะไปทันที ขอองค์ชายโปรดวางใจ
หลี่อันพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วตอบว่า ดีแล้ว เซี่ยจินอี้ ยังไม่กลับไปกับข้าอีก
เซี่ยจินอี้รีบตามรัชทายาทออกไป ก่อนไปเขาส่งสายตาขอบคุณให้ศิษย์พี่ในชั่วพริบตา เมื่อเขาจากไปไกลแล้ว จางจิ่นสยงจึงเอ่ยขึ้นพร้อมกับสีหน้าเย็นชา ผู้น้อยขอตัว
เซียวหลานรีบเอ่ยว่า หัวหน้าองครักษ์จาง เป็นความผิดของข้าเอง ขอท่านอย่าเก็บมาใส่ใจจนทำร้ายมิตรภาพระหว่างพวกเราสองสำนัก
จางจิ่นสยงเอ่ยอย่างเฉยเมย ท่านเป็นนาย จิ่นสยงเป็นบ่าว จะกล้าเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจได้เช่นไร ศิษย์น้องผู้นี้ของข้าชีวิตน่าเวทนา เขาอาจทำตัวไม่เหมาะสมไปบ้าง แต่สันดานดั้งเดิมของเขาดีงาม ขอชายารองละเว้นด้วย
เซียวหลานยิ้มอย่างฝืดฝืน ท่านไม่รู้จริงหรือว่าเขาทำอะไรไปบ้าง
จางจิ่นสยงเอ่ยอย่างเย็นชา นี่ก็เป็นสิ่งที่จิ่นสยงอยากถามชายารอง นายเช่นนี้ สำนักเฟิงอี้คิดว่าควรค่าช่วยเหลือจริงหรือ จิ่นสยงจะนำเรื่องนี้ไปรายงานสำนัก ขอชายารองถามใจตนเองดู เรื่องเหล่านั้นโทษจินอี้ได้จริงหรือ
เซียวหลันสีหน้าเคร่งขรึมไม่ตอบคำ นางมองแผ่นหลังของจางจิ่นสยงจากไปไกล ก่อนจะพึมพำแผ่วเบา ครั้งนี้ผิดแผนจริงๆ ข้าต้องหาทางแก้ให้ดี มิเช่นนั้นหากอาจารย์ตำหนิ ข้าจะทำเช่นไรเล่า
ตอนต่อไป