บทที่ 388 เป็นความสามารถที่แข็งแกร่งมาก

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 388 เป็นความสามารถที่แข็งแกร่งมาก

บทที่ 388 เป็นความสามารถที่แข็งแกร่งมาก

โชคดีที่เด็กสองคนตรงหน้ามีความโดดเด่น บนโลกอาจจะมีเด็กเก่ง ๆ เหมือนกัน แต่เขายังไม่เคยเห็นก็เท่านั้นเอง ขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น เสี่ยวเถียนก็ได้เริ่มต้นทำงานแปล

หัวหน้าหลี่แปลกใจมากตอนที่โส่วเวินเล่าว่าครอบครัวของตนมาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ ระดับการศึกษาที่นั่นมันสูงขนาดนั้นเลยหรือ?

เดี๋ยวก่อน ๆ ไม่ใช่สิ ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าคุณฉือเก๋อเคยไปที่นั่นมาด้วย

หรือว่า…

“คุณฉืออาศัยอยู่ที่นั่นกับพวกคุณมาหลายปีแล้วหรือ?”

โส่วเวินพยักหน้า “ใช่ครับ คุณปู่ฉืออยู่ชุมชนของเรา เพราะงั้นเสี่ยวเถียนถึงได้เข้าพิธีคารวะให้คุณปู่เป็นอาจารย์ครับ”

“ดีจังเลย ไม่คิดเลยนะเนี่ย! คุณฉือไปที่นั่นแล้วยังต่อสู้เพื่อการศึกษาอีก!”

ชายหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิด แต่มันไม่สำคัญหรอก

เขายิ้ม

“เสี่ยวซู เธอเคยคิดไหมว่าเรียนจบแล้วจะทำงานอะไรน่ะ?” หัวหน้าหลี่มองโส่วเวิน จากนั้นก็มองเสี่ยวเถียน

โส่วเวินไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น

“น่าจะกลับไปบ้านเกิดมั้งครับ? ผมเคยได้ยินมาว่าทุกคนต้องกลับไปทำงานที่บ้านเกิดกัน”

เขามาจากตะวันตกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ต้องกลับไปที่นั่นแน่นอน ดีหน่อยก็อยู่ตัวอำเภอ แย่หน่อยก็อยู่ตำบล ถ้าแย่สุด ๆ เลยก็ชนบท พอคิดถึงความเป็นไปได้ เขาพลันรู้สึกแย่เล็กน้อย

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะอยากกลับไปจะแย่ แต่ตอนนี้ความคิดได้เปลี่ยนไป

ทุก ๆ คนมาที่เมืองหลวงกันหมด ที่บ้านจึงเหลือไม่กี่คนเอง

หัวหน้าหลี่ยิ้มเล็กน้อยแล้วส่ายหัว “ถึงจะบอกว่าต้องกลับไปที่นั่น แต่ใครบ้างจะไม่อยากอยู่เมืองหลวงล่ะ?”

พอได้ยินคำว่าอยู่ในเมืองหลวง ดวงตาของโส่วเวินก็ลุกวาว การอยู่เมืองหลวงเป็นสิ่งที่เขาปรารถนาอยู่แล้ว

“หัวหน้าหลี่ ที่คุณหมายถึงคือมันยังมีหนทางหรือครับ?”

“ถ้าหาหน่วยงานที่รับเข้าทำงานได้ก่อนเรียนจบ ก็ต้องอยู่เมืองหลวงไปโดยปริยายอยู่แล้ว”

โส่วเวินไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย

แต่มันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?

ที่เมืองหลวงมีแต่คนหางานกันทั้งนั้น แถมจำนวนคนก็มากกว่างานที่มีเสียอีก แล้วเขาเป็นเด็กต่างถิ่น จะอยู่เมืองหลวงได้อย่างไร

แววตาอันเปล่งประกายหายไปในทันที!

“เสี่ยวซู เธอยินดีมาทำงานที่โรงงานเราไหม?”

ถึงจะไม่เก่งเท่าน้องสาว แต่ก็ยังเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงอยู่ดี เป็นเรื่องดีที่มีผู้มากความสามารถอยู่ในโรงงานนะ

ทว่าหัวหน้าหลี่จะตัดสินใจเองไม่ได้ จะต้องไปคุยกับทางเลขาและเจ้าของโรงงานก่อน

“ผมยินดีอยู่แล้วครับ ได้ยินมาว่าโรงงานของคุณเป็นโรงงานผลิตสินค้าไฮเทค คนทั่วไปไม่สามารถสมัครได้!” โส่วเวินพูดตามความเป็นจริง

เขาอยู่เมืองหลวงมานาน เลยได้ยินเรื่องราวมาหลายอย่าง

แถมยังเป็นนักศึกษากลุ่มแรกหลังจากที่กลับมามีการสอบอีกครั้งด้วย เลยต้องเผชิญและถกปัญหาเยอะมากเลย

“เรื่องนี้ฉันจะเอาไปรายงานกับทางหัวหน้าของโรงงานเอง และขอขอบคุณเธอมาก ๆ เป็นการส่วนตัวนะ!”

แต่โส่วเวินรู้ว่าคำขอบคุณมีให้เขาเท่าไร และให้เสี่ยวเถียนเท่าไร

อืม… เขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องพึ่งน้องสาวหรือ?

ไม่ได้การ แบบนี้ไม่ได้แล้ว เขาต้องตั้งใจเรียนและพยายามให้มากเป็นสองเท่าเสียแล้วจึงจะประสบความสำเร็จ

ถ้าทำแบบนี้ เขาก็จะปกป้องน้องได้ ไม่ต้องรอพึ่งพาเธอในการใช้ชีวิตแล้ว

“ขอบคุณมากครับหัวหน้าหลี่ ผมเหลืออีกสองปีถึงจะเรียนจบครับ คุยกันตอนนี้ยังเร็วเกินไป ยังไม่ต้องรีบก็ได้ครับ”

ถ้าชอบแล้วจะพูดอะไรก็ถูกหมดแหละ

เหมือนกับหัวหน้าหลี่ตอนนี้ไงล่ะ ไม่ว่าโส่วเวินจะพูดอะไรก็ถูกไปหมด

“เธอพูดถูก แต่เธอเป็นเด็กที่เชื่อถือได้นะ อีกสองปีอาจจะเปลี่ยนไปเยอะก็ได้”

หัวหน้าหลี่ยิ้ม “เสี่ยวซู เรื่องนี้มีเวลาให้คุยกันยาว ๆ เลย!”

ถึงจะบอกแบบนั้น แต่ก็คิดไว้ในใจแล้ว

บางทีอาจจะแนะนำให้ผู้จัดการโรงงานได้นะ ให้เขามาเป็นลูกจ้างชั่วคราวก่อน เรียนจบเมื่อไรก็รับเข้าทำงานก็ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองวางแผนได้ดีมาก ๆ

ส่วนทางเสี่ยวเถียนที่กำลังแปลงานอย่างบ้าคลั่งนั้น ในที่สุดก็วางปากกาลงแล้วเอาเอกสารมาตรวจทานต่อ

ในไม่ช้าก็มั่นใจแล้วว่าตนแปลได้ดีและไม่มีข้อผิดพลาดแล้ว

“หัวหน้าหลี่ หนูแปลเสร็จแล้วค่ะ ดูไหมคะ?” เสี่ยวเถียนเอ่ยเสียงดังฟังชัด

ในขณะที่หัวหน้าหลี่กำลังคิดอยู่ว่าจะรับโส่วเวินเข้าทำงานอย่างไรดี ก็ได้ยินเสียงเสี่ยวเถียน

เขาตกใจ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

ทำไมเด็กคนนี้แปลเร็วจัง?

เขาไปถามผู้เชี่ยวชาญมา นั่นยังต้องใช้เวลาสองชั่วโมงถึงจะแปลเสร็จด้วยซ้ำ

แต่นี่เพิ่งจะผ่านไปแค่ชั่วโมงเศษ ๆ เอง ทำเวลาได้ดีมากเลยนะ!

“สาวน้อย เธอแปลเสร็จแล้วจริง ๆ หรือ?” เขาถามด้วยความไม่เชื่อ

“แปลเสร็จแล้วค่ะ!” เธอพยักหน้าแล้วส่งเอกสารสองฉบับให้หัวหน้าหลี่

เธอสงสัยจริง ๆ หัวหน้าหลี่จะอ่านภาษาฝรั่งเศสออกจริงหรือ?

ทว่าก็เชื่อเหมือนกันว่าเจ้าตัวอาจจะไม่รู้ แค่บอกได้ว่าตรงไหนแปลผิดบ้างเท่านั้น อย่างที่คิด เธอเห็นเขาเปิดตู้ข้าง ๆ แล้วหยิบเอกสารออกมา

เสี่ยวเถียนหยิบชาเย็นมาดื่ม

ส่วนหัวหน้าหลี่กำลังเทียบเอกสารอยู่อย่างรวดเร็ว

ในที่สุดก็ยืนยันได้แล้วว่าตั้งแต่ต้นจนจบ เอกสารชุดนี้แปลได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์

มันแปลดีที่สุดที่เขาเคยเห็นมาเลย

หัวหน้าหลี่มองเด็กสาว หรือต้องพูดว่าชอบคุณฉือเก๋ออีกแล้ว

ครูดังสร้างศิษย์เอก คำพูดนี้จริงอย่างที่ว่า!

“หัวหน้าหลี่ คุณไว้ใจให้หนูแปลเอกสารในมือคุณไหมคะ? หนูคิดว่าหนูน่าจะมีความสามารถในการแปลนะ”

เสี่ยเถียนพูดด้วยความมั่นใจ

เธอไม่คิดจะพูดต่อว่าตนมีอะไรไม่มีอะไร วันนี้ที่มาก็เพื่อมาหาโอกาสในการทำงาน

หัวหน้าหลี่อ่านคำแปลอยู่หลายรอบ แต่ก็ยังไม่เชื่อสายตาตัวเอง

เด็กคนนี้เก่งขนาดนี้เลยหรือ?

ไม่มีข้อผิดพลาดเลยสักนิด

แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าที่เสี่ยวเถียนแปลดีขนาดนี้เพราะมีสกิลจากระบบช่วยไว้

ช่วงนี้เธออ่านหนังสือภาษาต่างประเทศหลายเล่มเลย และข้างในมีคำศัพท์ทางเทคนิคเต็มไปหมด

เพราะมีสกิลพวกนี้ เธอเลยจำมันได้หมดเลย

เรียกได้ว่าเข้าใจงานแปลระดับมืออาชีพ

แต่เธอมีเวลาเรียนน้อยไปหน่อย ศัพท์บางคำเลยยังสับสนอยู่บ้าง

ตอนแรกก็กลัวว่าจะแปลผิด แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากทบทวนอยู่หลายครั้ง เนื้อหากลับสมบูรณ์แบบ