บทที่ 396 บนใบหน้าที่สง่างาม

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 396 บนใบหน้าที่สง่างาม

บทที่ 396 บนใบหน้าที่สง่างาม

ไป๋ลี่ติดตามลูกศิษย์สำนักเทพโลหิตแห่งความสุขที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้าบะหมี่ไป พวกเขาเลี้ยวซ้ายและขวาอยู่ในเมืองตู่โจว ในที่สุดก็มาถึงเรือลำเล็กที่จอดเทียบเท่าอยู่กลางแม่น้ำนอกเมือง

เมื่อมาถึง เขาถูกสองพี่น้องบอกกล่าวให้สวมหน้ากากที่มีสัญลักษณ์แปลกประหลาด ซึ่งมันถูกวาดขึ้นโดยทั้งสอง จากนั้นจึงเข้าไปด้านในห้องโดยสาร ก่อนได้พบกับสมาชิกของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขหลายสิบคนที่เข้าร่วมแผนการ… แน่นอนว่าทุกคนล้วนแต่สวมหน้ากาก

อย่างไรก็ตาม… วิธีการปกปิดใบหน้าเช่นนี้ไม่สามารถหลบซ่อนไป๋ลี่ได้ จิตสำนึกเซียนของเขาแผ่กระจายออกไปจนสามารถมองเห็นใบหน้าทุกคนในลัทธิคลั่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อกลุ่มลูกศิษย์ในลัทธิคลั่งนั่งลงเบียดเสียดกันในเรือ ทั้งหมดรับฟังผู้นำกล่าวอธิบายกุญแจสำคัญในการปฏิบัติการ ไป๋ลี่กระทำสองสิ่งพร้อมกัน ในขณะที่เขากำลังจดจำข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกบอกกล่าว เขายังจดจำคลื่นพลังและใบหน้าของทุกคนในสถานที่แห่งนี้ด้วย

หลังจากรับฟังจนจบแล้ว ผู้นำลัทธิก็คิดการแยกย้าย เขาบอกกล่าวให้ลูกศิษย์ทั้งหมดกระจายตัวออกไป และลอบออกจากเรืออย่างเงียบเชียบ ไม่นานก็หายลับไปในอีกฝั่งของแม่น้ำ

ท่าทางนี้คล้ายคลึงกับวิชาตัวเบาที่โม่เฉินเคยอธิบายให้ฟังในคราวแรก…

ไป๋ลี่ยืนมองดูผู้นำลัทธิและสมาชิกทั้งหมดค่อย ๆ หายไปอยู่ริมน้ำ ก่อนจะคิดคำนึงอยู่ในใจอย่างเงียบงัน

“พวกเราก็กลับกันเถอะ”

คนขายก๋วยเตี๋ยวทั้งสองหันมากล่าวกับไป๋ลี่

“น้องชาย ต่อไปเจ้าสามารถร่วมภารกิจกับพวกเราได้”

“ยอดเยี่ยม เช่นนั้นต้องฝากตัวกับพวกท่านแล้ว” ไป๋ลี่ยิ้มให้อีกฝ่ายเมื่อได้ยินคำชวน “ยังมีเวลาอีกมาก เหตุใดเราไม่พูดคุยกันสักหน่อยเมื่อกลับไป? ความจริงแล้ว ข้ามีคำสั่งสอนมากมายเกี่ยวกับเทพเจ้าของพวกเรา จึงอยากจะนั่งลงสนทนากันอย่างเป็นกิจลักษณะสักหน่อย”

ไม่นาน วันเวลาผ่านไปจนเข้าสู่กลางเดือนพฤษภาคม

ในช่วงเวลานี้ ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ พยายามอย่างหนักเพื่อเผยแพร่ความศรัทธาของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานในเจียงหู หลีจิ่นเหยาเลือกหนุ่มสาวที่รักกันมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามเนื่องจากรูปลักษณ์ ความตื่นเต้น หรือจิตใจกว้างขวาง จึงก่อเกิดคนเจ้าชู้มากขึ้น

ด้วยทักษะการสังเกตที่ยอดเยี่ยม และการลอบฟังอย่างเฉียบแหลม แม่นางตัวน้อยจึงพบใครบางคนที่นางจะเริ่มต้นพูดคุยด้วย เพียงสิบวัน นางไม่เพียงแค่พบลูกศิษย์สำหรับตนเองทั้งยี่สิบคนเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการหาลูกศิษย์ให้กับเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานมากมายจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังได้รับคำสรรเสริญมากมายจากผู้คนทั่วทุกมุมโลก

ถังรั่วเวยหาเหล่าผู้ฝึกตนที่ดูคล้ายจะผิดปกติ ผู้ที่ไร้ซึ่งความภาคภูมิใจในตนเอง และที่สำคัญที่สุด คนเหล่านั้นจะต้องมีหน้าอกที่… สามารถใช้เป็นเขียงวางพืชผักได้ดังเดิม

ไป๋ชิวหรานยิ่งหยิ่งผยอง เขาเลือกที่จะเข้าหาผู้ที่พ่ายแพ้ในการประลองตัวต่อตัว และเขาก็ทำสำเร็จ ทั้งยังสอนวิธีโต้กลับคนเหล่านั้นด้วย ผ่านไปสิบวัน นอกจากเหล่าสุนัขขี้แพ้ นอกจากจะไม่เสียขวัญยามถูกเขาล่อลวงแล้ว ทว่ายังมีสติไม่คิดกลับไปแก้แค้นอย่างรวดเร็วด้วย

วันที่ต้องลงทะเบียนงานสมาพันธ์กระบี่ จำนวนผู้ที่ลงทะเบียนคงจะมากเกินกว่าที่ผู้จัดงานคาดคิดเอาไว้

นอกจากทั้งสามคนนี้แล้ว ยังมีหลี่เสียนจิ้น… เทพกระบี่ผู้สัตย์ซื่อ ชายคนนี้ออกไปด้านนอกก็ไม่ได้หลอกลวงผู้ใด แต่กลับถูกพ่อค้าน่าสงสัยในตู่โจวหลอกให้ซื้อของไปเสียมากมายซะอย่างนั้น จนไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ต้องห้ามเขาไม่ให้ออกไปข้างนอกคนเดียว ให้อยู่แต่ในโรงเตี๊ยมเพื่อเตรียมสภาพจิตใจและฝึกฝนปราณกระบี่ให้เข้มแข็ง

สำหรับสหายไป๋ลี่ที่บุกเข้าสู่รังของศัตรู พวกเขาไม่ได้พบกันในวันนี้ มีเพียงเวลากลางคืนเท่านั้นที่ไป๋ลี่และไป๋ชิวหรานจะสื่อสารกันด้วยสัมผัสเทวะ ระหว่างการสื่อสาร ไป๋ชิวหรานได้ทราบว่าแผนการยุยงและสร้างความแตกแยกของไป๋ลี่เป็นไปอย่างราบรื่น

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสบาย ๆ และในที่สุดก็มาถึงวันจัดงานสมาพันธ์กระบี่

จักรพรรดิต้าเซียกำหนดสถานที่จัดงานสมาพันธ์กระบี่ไว้บนบนภูเขาหยวนชิง ณ เขตชานเมืองตู่โจว ภายใต้อำนาจของราชสำนัก ภูเขาร้างที่เคยแห้งแล้งนี้ถูกยกระดับขึ้นมหาศาล มันงดงาม และเต็มไปด้วยลานกีฬามากมาย เหนือกว่าลานใดคือ ลานประลองที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการต่อสู้บนยอดเขาสูงสุดโดยเฉพาะ

วันงาน ผู้คนแห่งเจียงหูนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าสู่ภูเขาหยวนชิง ถนนบนภูเขาทุกสายเต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีพ่อค้า แม่ค้า และโรงรับจำนำนับไม่ถ้วน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของอาณาจักรต้าเซียในเวลานี้

ขณะนี้ กลุ่มคนแปลกหน้าเดินมาหยุดอยู่ที่ตีนเขา และเข้าสู่จุดลงทะเบียนของสมาพันธ์กระบี่

พฤติกรรมของพวกเขาแปลกประหลาด ทั้งหมดใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ ใบหน้าหยิ่งผยอง แต่สุดท้ายทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะมองความเจริญรุ่งเรืองบนภูเขาหยวนชิงด้วยสายตาประหลาดใจ ความเย่อหยิ่งที่มีคล้ายกับความเสแสร้ง พวกเขาดูเข้าถึงยาก และพูดภาษาอื่นที่คนอาณาจักรต้าเซียไม่เข้าใจ

นี่คือชาวชางลี่… พวกเขาเป็นนักรบของอาณาจักรชางลี่ที่เข้าร่วมการแข่งขัน!

“ข้าไม่คิดว่าจะได้เห็นสถานการณ์รื่นเริงเช่นนี้ในอาณาจักรต้าเซียอีกหลังจากผ่านพ้นช่วงความโกลาหล”

ดูเหมือนว่าชายวัยกลางคนจะเป็นผู้นำกลุ่ม เขาพูดคุยกับพวกพ้องที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“แต่น่าเสียดาย แม้ว่าจะมั่งคั่งนัก แต่มันไม่อาจเทียบเท่าอาณาจักรชางลี่! พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร?”

“ถูกต้องแล้ว! แม้อาณาจักรต้าเซียจะกว้างใหญ่ แต่มันก็ไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับอาณาจักรชางลี่ของพวกเรา อย่างไรเสียพวกเราคืออาณาจักรที่ถือครองอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก!”

“ในแง่ของผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ และผู้ฝึกตนที่โดดเด่น พวกเราชาวชางลี่นั้นยอดเยี่ยมกว่าอาณาจักรอื่น!”

เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่รอบ ๆ ชายวัยกลางคนรีบเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว

หลังจากหยุดไปชั่วขณะ พวกพ้องที่ขี้ประจบก็เริ่มกล่าวเยินยออีกครั้ง

“และคราวนี้ เทพกระบี่คนเก่าสละตำแหน่งแล้ว พวกเราคิดว่าเทพกระบี่คนต่อไปจะต้องเป็นฝ่าบาทแน่นอน ในอาณาจักรต้าเซียที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ จะหานักกระบี่ใดเทียบเทียมท่านได้อีกเล่า?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นสิ!”

หากเจ้าชายผู้นี้มาจากอาณาจักรต้าเซีย ต่อให้ถูกลูกน้องเยินยออย่างหนักก็รู้ว่าเมื่อใดควรจะถ่อมตัว แต่น่าเสียดายที่คนผู้นี้เย่อหยิ่ง และไม่รู้วิธีถ่อมตนแม้แต่น้อย

เขาหัวเราะออกมาและกล่าวกับพวกพ้องที่ติดตามด้วยภาษาชางลี่

“ถูกต้องแล้ว คราวนี้ไม่มีหลี่เสียนจิ้ง ข้าคิดว่าจะสามารถต่อสู้ได้อย่างอิสระมากขึ้น ไปเล่นกันเถอะ คราวนี้พวกเราจะยึดครองอันดับหนึ่งแห่งสมาพันธ์กระบี่นี้!”

เสียงหัวเราะของเขาสร้างความไม่พอใจให้กับใครบางคน… กลุ่มนักรบจากอาณาจักรยามากุจิเพิ่งเดินผ่านพวกเขาไป

“เสียงดัง…”

เด็กหญิงตัวน้อยขมวดคิ้ว กล่าวเสียงต่ำด้วยภาษาของอาณาจักรยามากุจิในกลุ่มนักรบ

ทว่า ‘เจ้าชายโหยว’ ผู้ได้รับการแต่งตั้งใหม่ของอาณาจักรชางลี่ เกิดมาในราชวงศ์จึงเข้าใจถ่อยคำเหล่านั้นโดยธรรมชาติ เมื่อได้ยินจึงหันศีรษะไปตามต้นเสียง พร้อมกล่าวดุด่านักรบจากอาณาจักรยามากุจิด้วยภาษาต้าเซียอย่างคล่องแคล่ว

“มองอะไร? ไอ้พวกโจรญี่ปุ่น!”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

กลุ่มนักรบนั้นรู้สึกหงุดหงิดในทันที พวกเขาชักกระบี่ข้างกายออก แม้จะกล่าวภาษาของอาณาจักรต้าเซียไม่คล่องแคล่วนัก แต่ก็พยายามสาปแช่งอีกฝ่าย

“ฆ่า… ฆ่ามัน!”

“ไอ้โง่! นี่ไม่ใช่คนจากต้าเซีย!”

อย่างไรก็ตาม นักรบที่เป็นผู้นำนั้นมากด้วยประสบการณ์ เขาหยุดผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองพร้อมกล่าวเย้ยหยันเจ้าชายโหยวและคนอื่น ๆ ด้วยภาษาชางลี่

“เจ้าหมูชางลี่ไร้ยางอายที่ไม่กล้าแม้แต่จะใช้ภาษาแม่ของตัวเอง ไอ้พวกขี้ขลาด!”

นักรบผู้นั้นใช้นิ้วโป้งเชือดลำคอตนเอง นี่คือท่าทียั่วยุอีกฝ่าย

“เจ้าพล่ามอะไรนะ?!”

ฝูงชนเข้ามาล้อมรอบ ทั้งหมดตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายกำลังจะปะทะกัน กองกำลังของต้าเซียหลายคนเข้ามาหยุดยั้งและคำรามเสียงดัง

“พวกเจ้าคิดทำสิ่งใด?”

นักรบจากอาณาจักรยามากุจิและนักรบจากอาณาจักรชางลี่จึงสงบลง

“ข้าขอเตือน การต่อสู้เช่นนี้เป็นสิ่งต้องห้ามในช่วงการลงทะเบียน ผู้ฝ่าฝืนจะถูกตัดสิทธิ์การแข่งขัน”

ทหารต้าเซียกล่าวอย่างเข้มงวด

“ฮึ่ม… ข้าจะรอให้เจ้าลงทะเบียน แล้วขึ้นสู่สังเวียนเพื่อต่อสู้กัน!”

“เหอะ!”

หลังจากทหารต้าเซียกลับออกไป เหล่านักรบจากอาณาจักรยามากุจิจึงกำเริบรุนแรง

“แล้วเจอกันบนเวที ชาวชางลี่ ข้าจะตัดศีรษะเจ้า และประจานความหยาบคายของพวกเจ้า!”

ท้ายที่สุด พวกเขาออกจากสถานที่แห่งนี้แล้วเดินสู่อีกฝั่งเพื่อลงทะเบียน

“เหอะ เหอะ” หลังจากเห็นว่าแผ่นหลังของนักรบยามากุจิหายลับไปแล้ว เจ้าชายโหยวหลงก็เผยน้ำเสียงเย้ยหยันออกมา “ไอ้โง่ ก่อนที่เจ้าจะได้ขึ้นสังเวียน คนของข้าคงจะไป ‘เอ็นดู’ เจ้าก่อนแล้ว!”

เขาโบกมือ ทำให้พวกพ้องตามหลังเข้าใจทันที สองคนในนั้นพลันแยกตัวออกไปใช้กลอุบายจัดการกับอีกฝ่าย

“ไปกันได้แล้ว”

เจ้าชายอารมณ์ดีหลังจากคิดว่านักรบยามากุจิคงถูกจัดการเรียบร้อย จึงพาพวกพ้องที่เหลือเดินไปยังจุดลงทะเบียนของสมาพันธ์กระบี่

เมื่อชาวชางลี่มาถึงสถานที่แห่งนี้ แถวลงทะเบียนก็ตั้งขึ้นแล้ว ผู้คนมืดฟ้ามัวดินจนมองไม่เห็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด

“อาณาจักรต้าเซียจะมีคนลงทะเบียนเยอะเกินไปไหม?”

เจ้าชายขมวดคิ้วพร้อมกล่าว

“น่าเบื่อจริง ๆ”

“ฝ่าบาท ต้องการให้ข้าไปแทรกแถวให้หรือไม่?”

มีคนเสนอตัวอย่างประจบสอพลอ

“เหอะ มีความคิดหรือไม่? องค์ชายผู้นี้คือหน้าตาของชาวชางลี่” เจ้าชายกล่าวตำหนิ “หากต้องการจะแทรกคิว นั่นก็เป็นเรื่องของเจ้า! และชื่อคนที่ลงสมัครก็ต้องเป็นชื่อเจ้าด้วยเช่นกัน!”

ลูกน้องของเขาเข้าใจคำพูดนั้น จึงวิ่งออกไปทันทีเพื่อเข้าแถวรอลงทะเบียน

เจ้าชายโหยวไพล่มือไว้ด้านหลัง เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างผ่อนคลาย ขณะสายตากวาดไปรอบ ๆ และคิดว่าตนเองมากล้นไปด้วยรัศมีแห่ง ‘องค์ชาย’ เขาใช้สายตาเย้ยหยันเหล่านักรบของอาณาจักรต้าเซียที่กำลังยืนต่อแถวลงทะเบียน ทันใดนั้น เขาก็เห็นบุคคลคุ้นเคยยืนอยู่ในฝูงชน จนต้องเผยสีหน้าเผยความตื่นตระหนกออกมา

เส้นผมขาวโพลนไปครึ่งศีรษะ มีกระบี่ที่เรียบง่ายแต่ดูทรงพลังพาดยาวอยู่บนแผ่นหลัง นั่นมันเทพกระบี่หลี่เสียนจิ้ง!