ตอนที่ 769 ความคิดขององค์รัชทายาท (3) / ตอนที่ 770 การเสด็จมาขององค์รัชทายาท (1)
ตอนที่ 769 ความคิดขององค์รัชทายาท (3)
“น้องเสีย! เจ้ากลับมาแล้ว!” เฉียวฉู่ลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นจวินอู๋เสียพร้อมกับโบกไม้โบกมือให้นาง
จวินอู๋เสียเหลือบมองจวินอู๋เย่าแวบหนึ่งแล้วเดินไปหาคนอื่นๆ ขณะที่จวินอู๋เย่าพาเยี่ยเม่ยไปด้วย ทิ้งเยี่ยซาเอาไว้ให้คอยคุ้มครองนาง
“ทำไมพี่ใหญ่อู๋เย่าถึงเดินออกไปเล่า” เฉียวฉู่เห็นจวินอู๋เสียกลับมาพร้อมกับจวินอู๋เย่า แต่ก็เห็นจวินอู๋เย่าหมุนตัวเดินจากไป เขาจึงรู้สึกว่ามันแปลกๆ เล็กน้อย
“มีธุระนิดหน่อยน่ะ” จวินอู๋เสียตอบง่ายๆ
“อ๋อใช่! เราได้ข่าวดีมาแล้ว! เจ้าอยากฟังหรือไม่” เฉียวฉู่พูดอย่างตื่นเต้นพร้อมยิ้มยิงฟันและกะพริบตาปิ๊งๆ ใส่จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียมองเฉียวฉู่แล้วเข็มสีเงินพลันก็ปรากฏขึ้นในมือนาง ปลายแหลมของมันส่องประกายวาววับในแสงไฟ ทำให้เฉียวฉู่หดคอกลับไปทันทีด้วยความกลัว
“แค่กๆ…ไม่เห็นต้องทำอย่างนี้เลย…ข้าแค่จะเล่าให้ฟังเท่านั้นเอง…” ชิน้องเสียโหดร้ายขึ้นทุกวัน ข้าแค่ล้อเล่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง นางก็เอาเข็มออกมาทันทีแล้ว!
“ทหารของรัฐเหยียนมาแจ้งพวกเราว่ารัชทายาทจะเสด็จมาที่นี่คืนนี้”
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จุดประสงค์ที่พวกเขามาที่รัฐเหยียนก็เพื่อพบกับองค์รัชทายาทแห่งรัฐเหยียน และชิงแผนที่ส่วนที่สี่มาจากเขา นางไม่คาดคิดว่าไม่ถึงหนึ่งวัน แกะก็มาเคาะประตูบ้านให้เชือดด้วยตัวเองแบบนี้
“แปลก แหล่งข่าวของข้าบอกว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จไปเยี่ยมสำนักศึกษาพิชิตมังกรในคืนนี้นี่” เฟยเยียนพูดพร้อมกับยกมือขึ้นเท้าคาง ตอนที่เขากลับมา เขาไปได้ยินพวกทหารที่มาที่นี่เพื่อแจ้งข้อความให้พวกเขาพูด ซึ่งไม่เหมือนกับข้อมูลที่เขาได้รับมา
“มีใครได้ข่าวมาผิดหรือไม่” เฉียวฉู่ถามพลางเกาหัว องค์รัชทายาทของรัฐเหยียนนั้นมีระเบียบแบบแผนและเชื่อถือได้เสมอ การที่จะทำความผิดพลาดเช่นนี้ไม่น่าจะใช่ลักษณะนิสัยขององค์รัชทายาท
สถานการณ์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวไม่เหมือนเมื่อก่อน สำนักศึกษาพิชิตมังกรนั้นเคยยืนอยู่ในจุดที่เท่าเทียมกันกับสำนักศึกษาเฟิงหัวในตอนที่รุ่งโรจน์ที่สุด การที่สำนักศึกษาทั้งสองได้รับแจ้งเรื่องการเสด็จมาขององค์รัชทายาทในคืนนี้เหมือนกัน ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะไปที่ไหนก็ตาม ย่อมทำให้อีกฝ่ายที่ถูกทิ้งต้องอับอายขายหน้าอย่างแน่นอน และด้วยการที่สำนักศึกษาทั้งหมดมารวมตัวพักอยู่ใกล้เคียงกันขนาดนี้ ข่าวเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามจะแพร่กระจายไปในทันที ถ้าเรื่องนี้ถูกแจ้งไว้แล้วแต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปตามนั้น มันก็ไม่ต่างจากการถูกตบหน้ากลางที่สาธารณะ
“คนที่มาเป็นคนจากวังขององค์รัชทายาทจริงๆ และตอนที่พวกเขามาที่นี่เมื่อสักครู่ก็มีคนเห็นพวกเขาอยู่พอสมควร คนอื่นจะต้องได้ยินที่พวกเขาพูดแล้วแน่ แต่สิ่งที่พวกเขาพูดไม่ตรงกับข่าวที่เฟยเยียนได้มา ข้าเลยอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้”
สำนักศึกษาเฟิงหัวกับสำนักศึกษาพิชิตมังกรไม่ได้เท่าเทียมกันอีกแล้ว คนที่มีวิสัยทัศน์ย่อมรู้ว่าการไปพบกับสำนักศึกษาพิชิตมังกรย่อมเป็นประโยชน์แก่องค์รัชทายาทมากกว่า แต่องค์รัชทายาทกลับส่งข่าวไปที่สำนักศึกษาพิชิตมังกรก่อนแล้วค่อยไปแจ้งสำนักศึกษาเฟิงหัวหลังจากนั้น นี่ทำให้ผู้คนได้แต่เดากันไป
“ไม่จำเป็นจะต้องคิดมากเลย จะเกิดอะไรขึ้นค่อยว่ากันในตอนนั้น” หรงรั่วพูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“เสี่ยวรั่วพูดถูก ถ้าองค์รัชทายาทเสด็จมาที่นี่ เราก็จะได้มีโอกาสหาเบาะแสจากเขา เราไม่จำเป็นต้องสุภาพนอบน้อมกับเขามากนักก็ได้ตอนที่จะเอาแผนที่มาจากเขา” เฉียวฉู่พูดพร้อมกับยักไหล่อย่างจนปัญญา เขาไม่ฉลาดพอจะมองแผนการหรืออุบายต่างๆ ออกได้ และในเมื่อฮวาเหยากับคนอื่นๆ ยังมองเจตนาขององค์รัชทายาทไม่ออก เขาก็ไม่อยากปวดหัวโดยไม่ได้อะไร
“น้องเสียคิดอย่างไร” ฟ่านจัวเลื่อนสายตาขึ้นมามองจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียพูดว่า “รอดูกันไปก่อน” นางยังไม่แน่ใจว่าทำไมองค์รัชทายาทถึงตัดสินใจมาพบพวกเขาอย่างกะทันหัน และด้วยตำแหน่งของเหลยเชิน การสร้างความแตกแยกระหว่างสำนักศึกษาสองแห่งโดยเจตนาไม่น่าจะเป็นประโยชน์อะไรกับเขา
ยิ่งกว่านั้น องค์รัชทายาทแห่งรัฐเหยียนก็เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นคนที่ยุติธรรมและเป็นมิตร ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงในการตัดสินใจอย่างกะทันหันที่ดูจะไม่ใช่นิสัยของเขานี้ จึงสร้างความสับสนว่าเจตนาที่แท้จริงของเขาคืออะไรกันแน่
ตอนที่ 770 การเสด็จมาขององค์รัชทายาท (1)
คืนนั้นพวกเขาไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนั้นอีก จากมุมมองของพวกเขา ไม่สำคัญว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จมาหรือไม่ สิ่งที่พวกเขาสนใจนั้นแตกต่างจากคนอื่น ดังนั้นเป็นองค์รัชทายาทแล้วอย่างไรเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีแผนที่อยู่ พวกเขาก็คงไม่ใส่ใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย และไม่คิดจะเอาชนะใจเขาด้วย
เวลาอาหารเย็นมาถึง เถ้าแก่โรงเตี๊ยมตำหนักเซียนได้สั่งห้องครัวไว้ก่อนแล้วว่าให้เตรียมพร้อมให้ดี เนื่องจากคนของตำหนักรัชทายาทได้มาถึงก่อนแล้ว พวกเขาย่อมไม่กล้าถ่วงเวลาให้ล่าช้า ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จมาเมื่อไร พวกเขาก็ต้องพร้อมเต็มที่ จะได้ไม่ทำให้การต้อนรับขององค์รัชทายาทมัวหมอง
ตกกลางคืน โคมไฟถูกจุดขึ้นมา เมืองหลวงของรัฐเหยียนสว่างไสวด้วยแสงไฟที่ถูกแขวนห้อยไว้ทั่วเมือง โคมไฟมากมายส่องสว่างขับไล่ความมืดมิดยามราตรีออกไป ทำให้เห็นความงามอีกด้านของเมืองหลวง
รถม้าคันหนึ่งที่มีธงของตำหนักรัชทายาท ได้ขับไปท้องตามถนนจนมาหยุดอยู่หน้าประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยมตำหนักเซียน ศิษย์จากสำนักศึกษาอื่นๆ กำลังเดินทอดน่องอยู่แถวนั้นหลายคน และเมื่อพวกเขาเห็นรถม้าจากตำหนักรัชทายาทหยุดลง ทุกคนก็พากันมองอย่างอยากรู้อยากเห็น
พวกเขาต่างได้ยินมาว่าเดิมทีองค์รัชทายาทได้ส่งสารไปยังสำนักศึกษาพิชิตมังกรว่าจะเสด็จไปเยี่ยมพวกเขาอย่างเป็นทางการตามสัญญา แต่หลังจากนั้นองค์รัชทายาทก็ได้รับคำเชิญจากสำนักศึกษาเฟิงหัว คนอื่นๆ ต่างพบว่าช่างน่าขำสิ้นดี ตอนนี้สำนักศึกษาเฟิงหัวอยู่ในสภาพไหนกัน ตกต่ำถึงขนาดนี้ยังมีหน้าส่งคำเชิญให้องค์รัชทายาทไปเยี่ยมเยียนเนี่ยนะ และบังเอิญว่าเวลาที่พวกเขาเชิญนั้นดันตรงกับเวลาพบปะกันขององค์รัชทายาทกับสำนักศึกษาพิชิตมังกรอีกด้วย
แทบไม่มีใครคิดว่าองค์รัชทายาทจะยอมรับคำเชิญของสำนักศึกษาเฟิงหัว เนื่องจากสำนักศึกษาเฟิงหัวตกต่ำลงแล้ว พวกเขาถูกคาดว่าจะไม่มีศิษย์สักคนที่ได้สิบอันดับแรกในศึกประลองภูติวิญญาณปีนี้ หลังจบการประลองของปีนี้ สำนักศึกษาเฟิงหัวคงหลุดออกจากตำแหน่งสามสุดยอดสำนักศึกษา แล้วพวกเขายังหวังอีกหรือว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวจะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับสำนักศึกษาพิชิตมังกรที่กำลังทะยานสูงอยู่ได้
ดังนั้นเมื่อรถม้าจากตำหนักขององค์รัชทายาทหยุดตรงหน้าประตูโรงเตี๊ยมตำหนักเซียน ผู้เยาว์ทุกคนที่อยู่ข้างนอกจึงพากันอ้าปากค้าง!
องค์รัชทายาทเสด็จมาที่นี่จริงๆ ด้วย!
เหลือเชื่อสุดๆ!
ตอนนี้รถม้าจากตำหนักรัชทายาทมาอยู่ตรงหน้าประตูโรงเตี๊ยมตำหนักเซียนแล้ว เชื่อว่าทางสำนักศึกษาพิชิตมังกรจะได้รับข่าวในไม่ช้า นี่คือการตบหน้าคนของสำนักศึกษาพิชิตมังกรฉาดใหญ่เลยไม่ใช่หรือ!
ทุกคนไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมเหลยเชินจึงเลือกทิ้งและเมินสำนักศึกษาพิชิตมังกร แต่กลับตอบรับสำนักศึกษาเฟิงหัวที่อ่อนแอและกระจอกงอกง่อยแทน ทุกคนต่างชะเง้อคอยาวเพื่อดูว่าคนที่ออกจากรถม้าเป็นองค์รัชทายาทเหลยเชินเองเลยหรือไม่
ตอนที่จวินอู๋เสียได้รับข่าว นางกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการขนบนตัวของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ ขนชุดใหม่ที่งอกออกมาจากผิวหนังของมันละเอียดและหยิกแบบสุดๆ ซึ่งพันกันง่ายมาก ดังนั้นจวินอู๋เสียจึงมีงานประจำเพิ่งขึ้นอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ…หวีขนของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะทุกวัน!
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะนอนอยู่บนตักของจวินอู๋เสียอย่างสบาย มันหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข และบางครั้งก็ส่งเสียงครางออกมาเบาๆ
“น้องเสีย รถม้าจากตำหนักรัชทายาทมาถึงแล้ว” ฟ่านจัวพูดหลังจากเคาะประตูห้องของจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียหยุดมือทันที นางวางหวีลงบนโต๊ะ ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่กำลังเพลินเต็มที่และถูกวางลงบนพื้น พบว่าตัวเองถูกขัดความสุขอย่างหยาบคาย สายตาของมันเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“แบ๊ะ…” มันเงยหน้าขึ้นและยกกีบเท้าเล็กๆ เขี่ยชุดของจวินอู๋เสีย อ้อนวอนขอให้ทำต่อ
จวินอู๋เสียก้มตัวลง ลูบขนนุ่มนิ่มของมันแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ข้าจะหวีให้ต่อคืนนี้นะ”
“แบ๊ะ…” ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะยังคงเศร้าโศกอยู่
น่าเกลียดมาตั้งนาน ตอนนี้ขนที่งอกขึ้นมาใหม่ทำให้ได้รับการปฏิบัติแบบพิเศษ แล้วมาถูกขัดจังหวะเอาดื้อๆ แบบนี้! ‘แบ๊ะ’ โชคไม่ดีเลย!