บทที่ 394 จิตใจอันเข้มแข็งของต้าหลาง
บทที่ 394 จิตใจอันเข้มแข็งของต้าหลาง
เซียงเวยพาพี่สะใภ้ใหญ่ของตนกลับบ้านโดยเร็ว เชิญหมอมาดูอาการของนางอีกครั้ง ท้ายที่สุดก็รู้ว่าครรภ์ของนางยังปกติดี เช่นนี้จึงโล่งใจขึ้นอย่างมาก
เวลานี้คนในบ้านทั้งหมดต่างก็รู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทุก ๆ คนล้วนระมัดระวัง ใส่ใจทั้งภายในและภายนอกของสะใภ้ใหญ่
แม้กระทั่งต้าหลาง เอ้อหลาง และอาซือ ทั้งสามคนต่างก็ล้วนเชื่อฟังคำพูดของผู้ใหญ่ที่กำชับให้ดูแลป้าสะใภ้ใหญ่ดี ๆ
พี่สะใภ้ใหญ่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก กล่าวกับต้าหลาง “พาน้อง ๆ ออกไปเล่นเถอะ แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ต้าหลางจ้องมองดวงตาของหญิงสาวผู้เป็นแม่และกล่าวอย่างตั้งใจ “ท่านหมอบอกว่าท่านแม่ควรพักผ่อน ข้า เอ้อหลาง และอาซือจะอยู่เป็นเพื่อนท่านท่านแม่ขอรับ”
เด็กทั้งสองคนต่างพยักหน้า
เอ้อหลางมีนิสัยขี้เล่นที่สุด แต่ตอนนี้ก็รู้ดีว่าป้าสะใภ้ใหญ่ของเขาร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ประกอบกับมารดาของเขามีคำสั่งว่าช่วงนี้ห้ามสร้างปัญหา ดังนั้นเขาจึงคอยอยู่เคียงข้างป้าใหญ่ของตน
เด็กชายกล่าวพลางวางมาดขรึม “ป้าสะใภ้ใหญ่ขอรับ พวกเราจะคอยอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องท่านและน้องชายในท้อง”
อาซือเอ่ยแก้ “พี่รอง ในท้องป้าใหญ่เป็นน้องสาว”
เหยาเอ้อหลางส่ายหัวและกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าดูแล้วต้องเป็นน้องชาย”
อาซือขมวดคิ้วและแบะปาก “พี่รองคุยโวอีกแล้ว ท่านไปเห็นมาจากไหน? จากฝันหรืออย่างไร?”
กล่าวถึงความฝัน เหยาเอ้อหลางก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้
เมื่อคืนวานเด็กชายฝันว่าตนทะเลาะกับต้าหลาง ต่อสู้กันเพื่อจะได้เป็นพี่แท้ ๆ ของน้องชาย และท้ายที่สุดเขาเองกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ความฝันครั้งนี้เหยาเอ้อหลางเองก็ไม่กล้าจะบอกใคร แต่คำพูดของอาซือ เด็กชายกลับเถียงหัวชนฝา “ข้าเห็นในความฝัน แล้วอย่างไร? เป็นน้องชาย!”
อาซือพูดไม่ออก เด็กหญิงได้แต่กลอกตา
เด็กหญิงรู้สึกว่าทารกในท้องของป้าสะใภ้ใหญ่อย่างไรก็ต้องเป็นน้องสาว
“ถึงในท้องของป้าใหญ่จะเป็นน้องชาย อย่างไรก็ไม่สามารถเล่นกับพี่รองได้ทั้งวันหรอก ท่านอาจารย์ก็บอกอยู่บ่อยครั้งไม่ใช่หรือว่าถึงแม้พี่รองจะไม่ชอบอ่านหนังสือตำรา แต่ก็ต้องเขียนอักษรให้ดีขึ้นกว่านี้”
เหยาเอ้อหลางกล่าวอย่างลำพองตัว “ช่วงนี้ข้ายุ่งอยู่แต่กับการฝึกเหยียบเสาไม้ จะมีเวลาไปร่ำเรียนได้อย่างไร”
อาซือไม่ยอมแพ้ “ถ้าในอนาคตท่านเป็นแม่ทัพไปออกรบ อย่างไรเสียก็ต้องอ่านหนังสือ พี่รองลองตรึกตรองดูสิ ถ้าวันหน้าท่านต้องแลกเปลี่ยนจดหมาย แล้วลายมือท่านเหมือนสุนัขเขียนหนังสือ ไม่พอยังเขียนด้วยมือเดียวอีก ท่านจะไม่ขายหน้าชาวบ้านเขาหรือ?”
เด็กหญิงเอ่ยอย่างฉะฉานและมีเหตุผล ไม่นานเหตุผลของเหยาเอ้อหลางก็ถูกหักล้าง ต้องอาศัยการโต้เถียงเท่านั้นจึงจะสามารถเอาชนะนางได้
สะใภ้ใหญ่เหยาอยู่บนเก้าอี้มองดูเล็กทั้งสองคนถกเถียงกัน ส่วนลูกชายของนางนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบ ๆ คอยรินน้ำ เติมของว่างให้กับแม่ของตน เวลานั้นเขาดูสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
ความกลัวแลความคับข้องใจที่ได้รับจากเหตุการณ์วันนี้ได้ถูกกำจัดให้หายไปด้วยเด็ก ๆ ไม่กี่คน
“ท่านแม่ ท่านง่วงหรือไม่ขอรับ?” เมื่อเห็นแม่ของตนพยายามต่อสู้กับความหนักของเปลือกตา เหยาต้าหลางจึงเอ่ยถามขึ้นแผ่วเบา
สะใภ้ใหญ่เหยาเปิดเปลือกตามองใบหน้าของลูกชายที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ซึ่งคล้ายกับท่าทางของเหยาเฟิงเป็นอย่างมาก ภายในใจของหญิงสาวก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่น “แม่ยังไหว”
ยาเสริมชงสงบครรภ์ที่หญิงสาวกินมีส่วนผสมที่ทำให้รู้สึกสงบลง หลังกินข้าวเสร็จแล้วก็ดื่มยาต่อทันที เวลานี้นางจึงรู้สึกเพลียมากจริง ๆ
เพียงแต่ว่าเสียงจอแจของเด็ก ๆ ที่รายล้อมนางอยู่นั้นฟังดูร่าเริงแต่ไม่ได้ดังมากนัก ทำให้นางชอบความรู้สึกอบอุ่นแบบนี้ขึ้นมา
เหยาต้าหลางห่มผ้าให้แม่ของตน ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านแม่นอนพักสักครู่เถอะขอรับ อีกสักครู่ข้าจะไปเขียนจดหมายถึงท่านพ่อ ถามดูว่าท่านพ่อจะกลับมาเมื่อไร”
สะใภ้ใหญ่สบตากับลูกชาย ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น หญิงสาวพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ดีมาก ข้าจะหลับสักครู่ อย่าบอกเรื่องวันนี้กับพ่อเจ้านะ”
รอกระทั่งผู้เป็นมารดาปิดเปลือกตาลง เหยาต้าหลางจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่งสัญญาณให้กับเอ้อหลางและอาซือ แล้วเด็กทั้งสามก็ออกมาจากห้อง
เอ้อหลางและอาซือยังคงไม่หยุดเถียงเรื่องเด็กในท้องของป้าสะใภ้ใหญ่ว่าท้ายที่สุดเป็นน้องสาวหรือน้องชาย ขณะที่เหยาต้าหลางขมวดคิ้วและดูเงียบงันเป็นพิเศษ
จนกระทั่งการถกเถียงของเอ้อหลางและอาซือสิ้นสุดลง เด็กชายก็ยังคงไม่ปริปากเอ่ยคำใด
อาซือเอ่ยถามขึ้น “พี่ใหญ่ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”
เหยาต้าหลางมองน้องสาวของตนแล้วส่ายหน้า
เหยาเอ้อหลางเอ่ยขึ้น “พี่ใหญ่ต้องคิดถึงเรื่องวันนี้แน่ ๆ”
อาซือมองการแสดงออกของเหยาต้าหลาง แล้วถามขึ้นเสียงแผ่ว “พี่ใหญ่ ท่านกำลังเป็นกังวลอยู่ใช่หรือไม่?”
“อื้ม” เด็กชายตอบกลับเบา ๆ
อาซือรับรู้ถึงความรู้สึกของพี่ชาย เด็กหญิงดึงชายเสื้อของพี่ใหญ่พลางเอ่ยปลอบใจ “ท่านหมอบอกว่าป้าสะใภ้ใหญ่เพียงแค่ต้องพักผ่อนสักพัก ไม่ได้มีอะไรร้ายแรง พี่อย่าได้เป็นกังวลไปเลย”
เหยาเอ้อหลางโตมากับต้าหลาง เด็กชายจึงรู้ใจพี่ชายของเขาเป็นอย่างดี เขากล่าวกับอาซือ “เขากำลังโกรธน่ะ”
อาซือชะงัก ดวงตาทั้งคู่หันไปมองเหยาต้าหลางเพื่อเป็นการยืนยัน
เด็กชายมองน้องสาวของตนแล้วตอบกลับ “เอ้อเป่า ถ้าหากว่ามารดาของเจ้าถูกคนทำร้าย เจ้าจะโกรธไหม?”
อาซือที่เชื่อฟังคำพูดของผู้ใหญ่มาตลอดเอ่ยขึ้น “นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่ควรไปยุ่ง”
เด็กหญิงพยักหน้าตอบ เหยาเอ้อหลางเห็นว่าป้าสะใภ้ใหญ่ยังสบายดี เด็กชายจึงไร้ซึ่งความกังวล
มีเพียงแค่เหยาต้าหลาง ตั้งแต่เด็กชายรู้ว่ามารดาของตนตั้งครรภ์ เขาก็ระมัดระวังเป็นพิเศษ และเด็กชายเองก็เฝ้ารอคอยให้น้องของเขาออกมา
เรื่องวุ่นวายวันนี้ทำให้เด็กชายทั้งโกรธและกลัวในเวลาเดียวกัน
ยามอยู่ต่อหน้าผู้เป็นมารดา เหยาต้าหลางได้อดกลั้นอารมณ์ไว้ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ แต่เวลาอยู่ต่อหน้าเหยาเอ้อหลางและอาซือก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาบ้าง
เด็กชายขมวดคิ้วมุ่น กำหมัดแน่น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “วันนี้โชคยังดีที่ท่านแม่ไม่ได้เป็นอะไร หากว่าท่านแม่เป็นอะไรขึ้นมา ข้าจะต้องลงมือฆ่าสตรีสกุลตู้นางนี้เป็นแน่”
โดยปกติเหยาต้าหลางไม่ค่อยมีเรื่องขัดแย้งกับใคร อีกทั้งเด็กชายก็มักจะอ่อนน้อมถ่อมตนเวลาอยู่กับน้อง ๆ และไม่เคยโต้เถียงกับพวกเขาเลย
แต่ไม่ว่าเด็กชายจะเจียมเนื้อเจียมตัวเพียงใดต่อหน้าญาติพี่น้อง จิตใจที่เข้มแข็งของเหยาต้าหลางก็ไม่เคยหายไป
เด็กชายนึกถึงอาจื้อที่ยืนถือมีดอยู่หน้าอาซือ คอยปกป้องน้องสาวจากการถูกรังแก เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะไปยืนอยู่ที่เดียวกับอาจื้อ สีหน้าของต้าหลางยามนี้เด็ดเดี่ยวเหมือนกับอาจื้อในตอนนั้น
อาซือไม่เคยเห็นสีหน้าที่ดูอันตรายของพี่ใหญ่เช่นนี้มาก่อน เด็กหญิงจึงตะลึงไปพักหนึ่ง
เหยาเอ้อหลางรับรู้ความคิดจิตใจของพี่ชายของตน จึงไม่ได้ตกใจเหมือนกับอาซือ เด็กชายก้มหน้าครุ่นคิดก่อนที่จะเอ่ยขึ้น “ข้ามีความคิด”
เหยาต้าหลางจ้องมองตาของเอ้อหลาง ดวงตาแฝงไปด้วยคำเตือน เอ้อหลางจึงหยุดพูดในทันที
อาซือคอยสังเกตการกระทำของพี่ชาย เด็กหญิงเอ่ยขึ้นอย่างหวาดระแวง “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกพี่กำลังคิดจะสร้างปัญหาอะไร?”
เหยาเอ้อหลางหัวเราะออกมา “มีที่ไหน เจ้าคิดมากไปแล้ว ที่บ้านเพิ่งบอกกับพวกเราว่าอย่างไร?”
อาซือขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น “ข้ารู้ว่าพวกท่านมีแผนการ พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าไม่ได้จะพยายามที่จะหยุดพวกท่าน…”
ทันใดนั้นเหยาต้าหลางก็จ้องมองตาน้องสาว และไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
เหยาเอ้อหลางยืนนิ่ง เงยหน้ามองท้องฟ้า ก้มหน้ามามองเท้าบ้าง และไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมา
อาซือเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เด็กหญิงรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกกีดกันจากพี่ ๆ ของตน ดวงตากลมโตคู่นั้นเริ่มแดงขึ้นอย่างช้า ๆ
เมื่อเหยาเอ้อหลางเห็นสีหน้าของน้องสาว จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ “นี่ เอ้อเป่า ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย เจ้าอย่าร้องไห้สิ!”
เมื่ออาซือถูกตะโกนใส่ เดิมทีที่ไม่อยากจะร้องไห้ เด็กหญิงก็ไม่สามารถห้ามน้ำตาของตนได้อีกต่อไป
เด็กหญิงโมโหเล็กน้อย และก็รู้สึกอายจึงได้กล่าวปฏิเสธออกไป “ข้าร้องเสียที่ไหน!”
เมื่อลองย้อนคิดดูแล้ว เห็น ๆ อยู่ว่าตนเองก็อยู่กับพี่ ๆ ตลอดทุกวี่วัน แต่พวกเขาก็ยังปิดบังอะไรบางอย่างไว้ เรื่องนี้ทำให้อาซืออดทนไม่ไหว เด็กหญิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับดวงตาแดงก่ำ “มีเรื่องอะไรที่ปิดบังข้าอยู่ ครั้งไหนที่ออกไปเล่นซน ตอนกลับมาก็โดนด่า ข้าไม่ได้รับผิดพร้อมกับพวกท่านหรือ ครั้งนี้ก็ยังจะมาปิดบังกันอีก…”
เหยาเอ้อหลางไม่ชอบปัญหาของเด็กผู้หญิง เขาเองก็รู้สึกว่าตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้อาซือร้องไห้ แต่สิ่งที่พวกเขาจะทำต่อไปนี้ไม่ใช่สิ่งที่เด็กซุกซนธรรมดาจะทำกัน จะปล่อยให้อาซือรู้ได้อย่างไร?
เด็กชายรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และเริ่มปวดหัวขึ้นมา
และในท้ายที่สุดเหยาต้าหลางก็ได้เอ่ยขึ้นขึ้นเบา ๆ “เอาละ เอ้อเป่า เจ้าอย่าเสียงดัง พวกเราสามคนมาปรึกษากันเถอะ…”
………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
แง อยากกอดปลอบต้าหลางมากเลย หนูกดดันสินะที่เห็นท่านแม่เป็นแบบนี้แล้วทำอะไรไม่ได้เพราะยังเป็นเด็ก
เอาละ สามพี่น้องนี้จะปรึกษาวางแผนอะไรกัน
ไหหม่า(海馬)