กองบัญชาการปัญจทิศรักษานครอยู่ภายใต้กรมทหาร มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องลาดตระเวน ตรวจจับโจรภาคพื้นดินในเมืองหลวงโดยเฉพาะ
เมื่อสตรีวัยสาวเห็นว่ากองบัญชาการปัญจทิศรักษานครมาถึง นางวิ่งเข้าไปร้องไห้ต่อหน้าผู้นำกองบัญชาการอย่างไม่สนใจใบหน้าที่น่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้และกล่าว “ข้าคือผู้เสียหายเจ้าค่ะ ข้าใช้เซียงลู่ของร้านนี้เสร็จ ใบหน้าดีๆ ของข้าก็กลายเป็นเช่นนี้ ข้าทนความโกรธไม่ไหวจึงพาคนมาขอความเป็นธรรม คิดไม่ถึงว่าคนร้านนี้จะเลี้ยงดูผู้หญิงมีวิชาเอาไว้ พวกเขาไม่เพียงแค่ไม่ยอมรับแต่ยังลงมือทำร้ายคนอีก…”
ผู้นำกองบัญชาการตกใจสะดุ้งกับใบหน้าของสตรีคนนี้มาก จึงรีบหันไปมองทางอื่น “เป็นเช่นนี้หรือ”
ผู้คนที่ล้อมรอบพยักหน้าอย่างลังเล
การทำตามคนอื่น เป็นสัญชาตญาณธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหลายคน
ผู้นำกองบัญชาการหันไปทางหลูฉูฉู่กับซิ่วเหนียงจื่อพลางขมวดคิ้วเอ่ยถาม “พวกเจ้าเป็นเจ้าของร้านนี้?”
ซิ่วเหนียงจื่ออดทนกับความเจ็บปวดและเอ่ยตอบ “ข้าน้อยเป็นผู้จัดการร้านของร้านนี้เจ้าค่ะ เรื่องราวไม่ได้เป็นเช่น…”
“นำตัวไป!” ผู้นำกองบัญชาการไม่รอให้ซิ่วเหนียงจื่อพูดจบประโยค เมื่อยืนยันสถานะของซิ่วเหนียงจื่อกับหลูฉูฉู่แล้วจึงยกมือขึ้นให้สัญญาณ
หลูฉูฉู่เดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าวและเอ่ยถามอย่างโมโห “ท่านยังไม่ทันถามให้เข้าใจ มีสิทธิ์อะไรมานำตัวพวกเราไปเจ้าคะ”
“มีสิทธิ์อะไรงั้นรึ พวกเจ้าเปิดร้านหลอกลวงผู้อื่น แถมยังทำร้ายผู้เสียหาย ถ้าไม่นำตัวไปแล้วจะให้ทำอะไร” ผู้นำกองบัญชาการหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา
หลูฉูฉู่ออกแรงผลักเจ้าหน้าที่ที่เดินเข้ามาจับตัว ภายในดวงตาพลางมีแสงแห่งความอาฆาตแล่นผ่าน
ซิ่วเหนียงจื่อกอดหลูฉูฉู่เอาไว้ “ฉูฉู่ พวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ อย่าทำอะไรผลีผลามเด็ดขาด”
หลูฉูฉู่พลันยื่นมืออกไปกระชากสตรีวัยสาวมาอยู่ตรงหน้า
สตรีวัยสาวตะโกนร้องเสียงสูง “ช่วยด้วย…”
ผู้นำกองบัญชาการโกรธจัด “นางโจรผู้เหิมเกริม กล้าจับตัวประกัน เพิ่มโทษอีกหนึ่ง!”
“ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้จับตัวประกัน ข้าเคยได้ยินว่าแม้มีการสอบสวนที่โถงศาล ก็ไม่มีเหตุผลใดที่มีเพียงจำเลยไม่มีโจทก์ ในเมื่อท่านจะจับก็ควรจับพวกเราทุกคน จะฟังความข้างเดียวจากนางผู้นี้ฝ่ายเดียวได้อย่างไร”
นังผู้หญิงสมควรตาย!
นางนึกว่าความซวยที่ปกคลุมได้ระเหยหายไปหมดแล้ว เพิ่งมีชีวิตที่เงียบสงบไม่กี่วัน ความซวยก็มาเยือนอีกครั้งอย่างคาดไม่ถึง
เซียงลู่ของร้านลู่เซิงเซียงไม่มีทางเกิดปัญหา จากสถานการณ์ตรงหน้า เห็นชัดว่าเป็นการรีดไถเอาเงิน
อยากหักคอสตรีนางนี้จริงๆ… หลูฉูฉู่คิดจริงจัง
“หยุดพล่ามซะ ปล่อยตัวประกันแล้วไปกับพวกข้าเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้น…” ผู้นำกองบัญชาการชักดาบยาวออกมา
ดาบยาวที่ถูกจัดสรรให้ ส่องประกายวิบวับท่ามกลางแสงแดด ผู้ชมที่ล้อมรอบมองดูถึงกับก้าวถอยหลัง
“ไม่เช่นนั้นแล้วจะอย่างไรหรือ” เสียงอันเย็นชาดังขึ้นดุจหิมะที่ละลายหลอมรวมเป็นบ่อน้ำเย็นยะเยือกถึงกระดูก
ผู้นำกองบัญชาการกำดาบแน่นแล้วหันมองตามเสียง พลางเห็นชายหนุ่มรูปงามมาดเข้มผู้มีอายุระหว่างหนุ่มน้อยกับชายหนุ่ม และมีหญิงสาวรูปหน้าโดดเด่นคนหนึ่งยืนประกบข้าง
เมื่อเห็นสองคนนั้น แววตาของหลูฉูฉู่สว่างขึ้นทันตา สิ่งที่อยากกล่าวเมื่อสักครู่ต้องเก็บเข้าไปเพราะเจียงซื่อส่งสายตามาให้
นางกลืนคำพูดลงไปทันที
ผู้นำกองบัญชาเห็นถึงความไม่ธรรมดาของสองคนนั้น จึงกล่าวช้าลง “ข้าขอเตือนว่าอย่าหาเรื่องใส่ตัว และขัดขืนการจับตัวคนชั่วของเจ้าหน้าที่ดีกว่านะขอรับคุณชาย”
“คนชั่ว?” ดวงตาดุจหงส์ของอวี้จิ่นกวาดมองไปยังป้ายร้านลู่เซิงเซียง เขายิ้มเย็นชาและกล่าว “ทั้งๆ ที่เป็นปัญหาระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย แล้วฝั่งไหนคือคนชั่วรึ”
ผู้นำกองบัญชาการชี้สตรีผู้ถูกหลูฉูฉู่จับตัวไว้ไม่ยอมปล่อย “คุณชายไม่เห็นหรือว่าสตรีท่านนั้นใช้เซียงลู่ของร้านนี้แล้วกลายเป็นเช่นนั้น ฝั่งไหนคือคนชั่ว ไม่มีสิ่งใดชัดเจนยิ่งกว่านี้อีกแล้ว”
เจียงซื่อหัวเราะเบาๆ และกล่าว “ข้าก็ใช้เซียงลู่ของร้านนี้ ไม่เคยมีปัญหาเช่นนี้มาก่อน สตรีท่านนี้กลายมาเป็นเช่นนี้ได้ เป็นเพราะใช้เซียงลู่ หรือกินยาบางอย่างเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ หรือมีรูปโฉมอัปลักษณ์เช่นนี้แต่เดิม ก็หามีใครรู้ไม่”
ผู้ชมหลุดเสียงหัวเราะออกมา
สตรีวัยสาวโกรธกระทืบเท้า “มีใครเกิดมาแล้วอัปลักษณ์เช่นนี้ นังสตรีปากร้ายทำไมถึงชั่วช้าได้ถึงเพียง…”
ยังไม่ทันสิ้นคำ ก็รู้สึกเจ็บที่ปาก พออ้าปากเท่านั้นเลือดพลันพุ่งกระฉูดพร้อมกับฟันหน้าสองซี่…
สตรีวัยสาวจ้องฟันหน้าสองซี่ตาค้าง จากนั้นก็ร้องไห้โฮเสียงดัง
“มีคนฆ่าคนกลางวันแสกๆ! ท่านเจ้าหน้าที่ ท่านจะปล่อยให้คนพวกนี้อยู่นอกเหนือกฎหมายไม่ได้นะเจ้าคะ…”
ตุ่มแดงเต็มใบหน้ารักษาให้หายได้ด้วยยา แต่ฟันหน้าที่หลุดจะรักษาอย่างไรเล่า
เพียงแค่นึกถึงเวลาอ้าปากแล้วฟันหลอสองซี่ ต่อไปนี้นางจะมัดใจชายได้อย่างไรอีก…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สตรีวัยสาวร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม
ส่วนสิ่งที่ผู้นำกองบัญชาการสังเกตเห็นคือทองก้อนที่ตกลงกับพื้น
เมื่อสักครู่นี้ คุณชายผ้าแพรท่านนี้ทำฟันหน้าของสตรีวัยสาวหลุดด้วยทองก้อนเม็ดนี้
ผู้นำกองบัญชาการถึงกับต้องระมัดระวัง สายตาพลางมองไปยังหยกแขวนตรงเอวของอวี้จิ่น แล้วหัวใจของเขาก็พลันตะลึงงัน
หากเขามองไม่ผิด หยกแขวนนั่นสลักด้วยลายหม่าง[1] สี่เล็บ…นี่คือลายตำแหน่งอ๋องถึงจะมีสิทธิ์ใช้!
“ท่าน อ๋อง…”
อวี้จิ่นเพิกเฉยต่อความอ้ำอึ้งของผู้นำกองบัญชาการ และกล่าวขึ้นอย่างองอาจ “ข้า (ในฐานะอ๋อง) เพิ่งเรียนรู้วิธีการตัดสินคดีความจากศาลาว่าการพระนคร วันนี้ข้าจะลองตัดสินเลยก็แล้วกัน”
ข้า (ในฐานะอ๋อง) ?
เมื่ออวี้จิ่นแทนตัวเองเช่นนี้ ชาวบ้านที่เป็นผู้ชมต่างตะลึงงันในทันใด
คนที่ตะลึงงันไปด้วยยังมีชุยหมิงเย่ว์ที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มฝูงชน
การปรากฏตัวของสองสามีภรรยาเยี่ยนอ๋องคือสิ่งที่คาดไม่ถึง นึกไม่ถึงเลยว่าเยี่ยนอ๋องจะกล้ายอมรับสถานะตนเองอย่างเปิดเผยเช่นนี้ และนี่ก็เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงอีกหนึ่งเรื่องเช่นกัน
เหตุใดสองสามีภรรยาคู่นี้ถึงมักทำในสิ่งที่เกิดความคาดหมาย
ชุยหมิงเย่ว์แอบรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“กระหม่อมขอคารวะท่านอ๋อง” ผู้นำกองบัญชาการน้อมคารวะต่ออวี้จิ่นด้วยใบหน้าซีดเผือด
เจ้าหน้าที่ทุกคนน้อมคารวะตาม
ในสถานที่เช่นนี้ จะไม่มีภาพค้อมตัวคุกเข่าคารวะ
อวี้จิ่นพยักหน้าเบาๆ แล้วมองไปยังสตรีวัยสาว “เจ้าบอกว่า ใบหน้าของเจ้าเป็นเช่นนี้เพราะใช้เซียงลู่ของร้านนี้ใช่หรือไม่”
“เพคะ…” สตรีเอ่ยตอบเสียงสั่น
โอ้สวรรค์ เหตุใดถึงมีท่านอ๋องอยู่ที่นี่
แถมยังเป็นท่านอ๋องที่ชอบยุ่งไม่เข้าเรื่องอีก!
ถ้านางผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ นางจะขอเงินเพิ่ม
“เซียงลู่อยู่ไหน”
สตรีลังเลครู่หนึ่ง แล้วจึงหยิบเซียงลู่ขวดแก้วอันสวยงามออกมาจากอ้อมอก
อวี้จิ่นรับไว้แล้วจับขวดแก้วเซียงลู่ในมือเล่นไปมา
ขวดแก้วกึ่งโปร่งใสส่องแสงวิบวับท่ามกลางแสงแดด พอให้เห็นถึงน้ำใสสีชมพูอ่อนที่อยู่ข้างใน
เซียงลู่ขวดนี้ ดูแล้วราคาไม่ถูก
“เซียงลู่ที่ใส่ในขวดแก้วเช่นนี้ ราคาคงไม่ถูกใช่หรือไม่” อวี้จิ่นเอ่ยถามซิ่วเหนียงจื่อ
ซิ่วเหนียงจื่อกล่าวตอบทันที “เรียนท่านอ๋อง เซียงลู่ที่ใส่ขวดแก้วคือน้ำค้างดอกกุหลาบชั้นเลิศ เป็นเซียงลู่ที่มีราคาแพงที่สุดของร้านเพคะ”
“ราคาขายอยู่ที่เท่าไหร่หรือ”
“ขวดละยี่สิบตำลึงเพคะ”
ผู้ชมถึงกับสูดหายใจลึก
โอ้โห เซียงลู่ขวดเท่านี้ต้องใช้ยี่สิบตำลึงเชียวรึ
ยี่สิบตำลึงเป็นอย่างไร
หากดูตามราคาสินค้าของต้าโจวในเวลานี้ หนึ่งจั้งสามารถซื้อแป้งทอดแผ่นใหญ่ได้หนึ่งแผ่น หมูหนึ่งจินมีราคาไม่ถึงสองสามจั้ง ส่วนหนึ่งตำลึงนั้นมีค่ามากถึงหนึ่งพันจั้งหรืออาจจะมากกว่านั้น
ดั่งเช่น ชาวบ้านที่มาดูเรื่องสนุกเหล่านี้ เงินเลี้ยงชีพในแต่ละเดือนก็หาได้เพียงหนึ่งถึงสองตำลึงเท่านั้น
ใช้เงินยี่สิบตำลึงซื้อเซียงลู่หนึ่งขวด เป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
อวี้จิ่นยิ้มและเหมือนไม่ยิ้มมองดูสตรีวัยสาว “มองไม่ออกเลยว่า ไท่ไท่ท่านนี้จะใจกว้างถึงเพียงนี้”
สตรีวัยสาวเริ่มร้อนใจ นางกล่าวขึ้นอย่างฝืน “ขวดละยี่สิบตำลึงแล้วอย่างไรเล่า ผู้ชายของข้ารักข้า สองร้อยตำลึงก็ยอมเสียเพื่อข้าได้!”
“เจ้าบอกว่า เจ้าใช้ก่อนเข้านอนเมื่อคืน วันนี้ก็กลายมาเป็นเช่นนี้?”
สตรีวัยสาวพยักหน้า
“ไม่ทราบว่าเจ้าใช้กับบริเวณไหน แล้วนั่นใช้เป็นครั้งที่เท่าไหร่”
สตรีเริ่มรู้สึกไม่สบายใจแต่ก็ไม่กล้าที่จะไม่ตอบ “ใช้เป็นครั้งแรก และใช้กับใบหน้าเพคะ”
อวี้จิ่นเหลือบมองขวดแก้วหนึ่งทีแล้วหลุดขำ “ใบหน้าของไท่ไท่ท่านนี้ช่างใหญ่เสียจริง ใช้ไปไม่น้อยเลยนะ”
—————————————————–
[1]หม่าง 蟒 หมายถึง งูขนาดใหญ่