บทที่ 437 เหตุใดใต้เท้ากู้ปากดีเช่นนี้

ฝางเหมี่ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย กู้หวนเนี่ยนจึงเริ่มกินบ้าง ฝีมือของอาฉีเขาคุ้นเคยมาหลายสิบปีแล้ว แต่ครั้งนี้เขากลับพบว่ามันอร่อยขึ้นมาก

ฝางเหมี่ยวและกู้หวนเนี่ยนกินเสร็จในเวลาไล่เลี่ยกัน หญิงสาวเอามือแตะหน้าท้องที่เต็มอิ่มของตนเอง รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

อาฉีเข้ามาเห็นกู้หวนเนี่ยนกินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย เขาแทบอยากจะตบไหล่เจ้านายแล้วเอ่ยชม ใต้เท้ากู้มองเขาอย่างมึนตึง อาฉีจึงได้ยอมแพ้ รับชามเปล่าแล้วถอยออกไปทันที

กู้หวนเนี่ยนและฝางเหมี่ยวยังคงนั่งทำงานอยู่ในห้องต่อไป

ฝางเหมี่ยวพลิกดูบันทึกคดีแล้วพูดขึ้นว่า

“ใต้เท้า ข้าคิดว่าคดีนางตู้ที่แขวนคอตายดูน่าสงสัย” ฝางเหมี่ยวเอ่ยพูดขึ้นกับเขา

นางตู้เป็นหญิงสาวที่ฝางเหมี่ยวไปชันสูตรพลิกศพเมื่อวันก่อน กู้หวนเนี่ยนมองนางด้วยแววตาประหลาดใจชั่วครู่ก่อนที่จะหายไป

“ทำไมเจ้าถึงได้พูดเช่นนั้น?” เขาถาม

“จดหมายลาตายฉบับนี้เขียนเอาไว้ด้วยลายมือที่เป็นระเบียบและสงบนิ่งมาก ไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ที่สับสนของนางในตอนนั้นเลยแม้แต่น้อย” ฝางเหมี่ยวตั้งข้อสังเกต ลายมือนั้นคงที่อีกทั้งไม่สั่นไหวอีกด้วย จนดูราวกับว่าเขียนภายในชั่วลมหายใจเพียงอึดเดียว ไม่มีแม้แต่ความผันผวนทางอารมณ์เลย

จดหมายฉบับนี้ไม่ได้มีร่องรอยของความผิดหวังหดหู่ของนางตู้เลยแม้แต่นิดเดียว

ยามที่มองแวบแรกนางไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่มาวันนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ

หรือว่าจะมีความขมขื่นหรือคับข้องใจแอบซ่อนเอาไว้?

ดวงตาของกู้หวนเนี่ยนฉายแววชื่นชมออกมา คดีนี้มีปัญหาจริงๆ เขาไม่ได้คาดหวังว่าฝางเหมี่ยวจะรู้สึกถึงพิรุธของจดหมายฉบับบนี้

“ลายมือดูเหมือนของผู้ตายแต่ไม่ใช่ของผู้ตาย!” กู้หวนเนี่ยนเฉลย

ฝางเหมี่ยวแปลกใจ มีบางอย่างผิดปกติกับคดีนี้จริงๆ และใต้เท้ากู้ก็ค้นพบแล้ว?

ฝางเหมี่ยวมองเขา ผู้ชายคนนี้ให้ความรู้สึกที่มีอำนาจ เฉียบแหลม แก่ผู้ที่ได้พบเห็น ร่องรอยของพิรุธในคดีหลายคดีไม่อาจผ่านพ้นสายตาของเขาไปได้

ผู้ชายที่ดีเช่นนี้จะปกป้องไม่ให้โดนผู้อื่นล่อลวงไปได้อย่างไร ? น่าเสียดายที่โชคชะตาของนางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา

หากเขาชอบใครสักคน คนผู้นั้นน่าจะมีความสุข

ฝางเหมี่ยวอดอิจฉาหญิงสาวที่ใต้เท้ากู้จะรักใคร่ในอนาคตไม่ได้

“สามีของนางตู้น่าสงสัยมาก” กู้หวนเนี่ยนพูดขึ้นมา ฝางเหมี่ยวแปลกใจ

สามีของนางตู้?

จำได้ว่าในวันนั้นสามีของผู้ตายร้องไห้จนแทบจะเสียสติ กู้หวนเนี่ยนเห็นความสงสัยของนางจึงเอ่ยขึ้นมาว่า

“มนุษย์นั้นล้วนมีความเชี่ยวชาญในการปลอมตัว บางคนดูเหมือนมนุษย์แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน”

ใช่แล้ว จิตมนุษย์ยากต่อการคาดเดา เห็นๆกันอยู่ยังไม่รู้เลยว่าเป็นคนหรือปีศาจ

“สามีของผู้ตายมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหญิงผู้หนึ่ง” กู้หวนเนี่ยนเล่าขึ้นมา

ฝางเหมี่ยวขมวดคิ้ว ท่าทางที่น่าสงสารน่าเวทนาของสามีผู้ตายนั้นล้วนเสแสร้งทั้งสิ้นหรือ?

เป็นไปได้หรือไม่ว่าสามีของนางตู้บังคับให้นางตู้แขวนคอตนเองแล้ว จากนั้นจึงได้แสร้งทำเป็นว่ารักใคร่นางเป็นอย่างมากเพื่อหลบหนีความผิด

เขาไม่สำนึกผิดเลยสักนิด หลังจากนี้ยังจะครองคู่กับผู้หญิงคนนั้นต่อไปได้ ชีวิตของเขาช่างราบรื่นเสียเหลือเกิน

แค่คิดก็น่าโมโหแล้ว! นางตู้ถูกเขาข่มเหงและทรมานถึงเพียงไหนจึงได้แขวนคอตายทิ้งลูกที่ยังเล็กเอาไว้

ผู้ตายช่างน่าสงสาร…

“ใต้เท้า ท่านต้องสืบสวนและคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตให้ได้!” ฝางเหมี่ยวพูดอย่างโมโห

“ในฐานะที่ข้าเป็นผู้พิพากษา ข้าต้องการตัดสินให้เขาจำคุก” กู้หวนเนี่ยนพูดขึ้น จากนั้นจึงเสริมขึ้นว่า

“ข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว จะได้หลักฐานในไม่ช้า ฆาตกรจะเผยโฉมออกมาเร็วๆ นี้”

ฝางเหมี่ยวถอนหายใจอย่างโล่งอก คิดสงสารแต่เด็กน้อยเท่านั้น

“เรื่องราวต่างๆ ในใต้หล้า ไม่อาจจะทำให้สมบูรณ์ได้ตามแต่ใจคิดฝัน แต่หน้าที่ความรับผิดชอบเป็นของพวกเรา นั่นคือหาคนที่ทำความผิดมาลงโทษ ปลดปล่อยผู้ที่ถูกคุมขังอย่างไม่ยุติธรรม” กู้หวนเนี่ยนพูดขึ้น ฝางเหมี่ยวพยักหน้า ไม่นานนักนางก็ก้มหน้าอ่านบันทึกต่อไป ในที่สุดข้างนอกก็มืดลง

“ใต้เท้า ข้าขอกลับก่อน” ฝางเหมี่ยวเอ่ย

“อืม” เขาตอบรับ

หญิงสาวลุกขึ้นยืน กู้หวนเนี่ยนเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน

ฝางเหมี่ยวมองเขา

“ข้าทำงานเสร็จแล้ว”

“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” หลังจากที่ฝางเหมี่ยวพูด นางก็หันหลังเดินไปเปิดประตูก้าวออกไป

กู้หวนเนี่ยนก็เดินออกไปเช่นกัน ทั้งสองคนเดินออกจากศาลต้าหลี่ ท้องฟ้ามิดมากแล้ว โชคดีที่มีพระจันทร์และดวงดาวส่องสว่างบนท้องฟ้า ทำให้ทางกลับบ้านสว่างไสวมากขึ้น ลมกลางคืนโชยพัดมาฝางเหมียวเดินไปข้างหน้า มีเสียงฝีเท้าเดินตามหลัง นางหันหน้ากลับมามองเห็นกู้หวนเนี่ยนเดินตามมาอย่างใกล้ชิด

ทำไมเขาไม่กลับบ้านด้วยรถม้า?

ทางกลับบ้านของนางเป็นคนล่ะทิศกับจวนสกุลกู้ไม่ใช่หรือ?

ฝางเหมี่ยวหันมามองเขา เมื่อนางหยุด กู้หวนเนี่ยนก็แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ฝางเหมี่ยวจึงได้เดินต่อไปอีก นางหยุดเดินหันไปมองเขาอีกครั้ง กู้หวนเนี่ยนยังแหงนหน้ามองท้องฟ้าเช่นเดิม ทั้งสองคนเดินตามกันไปเช่นนี้จนในที่สุด ฝางเหมี่ยวก็อดรนทนไม่ไหวขึ้นมา

“นายท่าน ทางกลับจวนสกุลกู้ไม่ใช่ทางนี้” ฝางเหมี่ยวพูดกับเขา

การแสดงออกของกู้หวนเนี่ยนดูแปลกออกไป เพียงแต่มองได้อย่างไม่ชัดเจนในยามมืดเช่นนี้

“ข้าอิ่มมากเกินไป อยากเดินย่อยอาหารสักครู่”

ย่อยอาหารหรือ?

ก่อนหน้านั้นฝางเหมี่ยวต้องเดินอย่างเร่งรีบ แม้ว่านางจะเป็นอู่จั้วนางก็เป็นคนกลัวผี แต่บางครั้งคนก็น่ากลัวกว่าผี ดังนั้นตอนนี้เมื่อมีใครบางคนมาเดินอยู่ข้างหลัง ฝางเหมี่ยวจึงได้สบายใจขึ้นมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นใต้เท้ากู้ที่นางชื่นชอบอีกด้วย

ฝางเหมี่ยวเดินไปช้าๆ ได้แต่หวังว่าทางเดินกลับบ้านจะยาวไกลมากขึ้น และคงจะดีมากถ้าหากใต้เท้ากู้จะอยู่กับบางเช่นนี้ตลอดไป แต่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วในที่สุดก็ต้องถึงบ้านอยู่ดี

ฝางเหมี่ยวเดินไปที่ประตูบ้านแล้วหันหลังกลับไปก็เห็นใต้เท้ากู้ยืนอยู่ไม่ไกลนัก กู้หวนเนี่ยนตัวสูง เขาสวมชุดสีดำ มีแสงจันทร์สีนวลทอเป็นประกายอ่อนโยนปกคลุมอยู่ทั่วร่างทำให้เขาดูนุ่มนวล ประกอบกับสีหน้าที่อ่อนลงทำให้เขาช่างดูหล่อเหลา ฝางเหมี่ยวเงยหน้าขึ้นมองเขา เขามาส่งใครบางคนถึงประตูบ้านเช่นนี้ได้อย่างไรกันนะ? นางเอามือประสานกันไว้ที่ด้านหลัง ใช้เท้าเขี่ยพื้นเป็นวงกลม อย่างเขินอาย

“ใต้เท้าท่านช่วยพาข้ากลับบ้านหรือ?”

ใบหูของกู้หวนเนี่ยนแดงขึ้น

“อืม” เขาตอบ ฝางเหมี่ยวจ้องมองเขาด้วยแววตาที่สดใส ใต้เท้ากู้คงเป็นห่วงนาง หรือว่าเขาจะสนใจนาง? กู้หวนเนี่ยนถูกนางจ้องมอง ใบหูของเขาแดงลามไปจนถึงใบหน้า สมองยุ่งเหยิง ท่าทางผิดปกติ

“มันดึกมากแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้า ศาลต้าหลี่ต้องรับผิดชอบ”

แสงสว่างในดวงตาของฝางเหมี่ยวหายไป เขากลัวว่านางจะเป็นอะไรไปแล้วศาลต้าหลี่ต้องรับผิดชอบงั้นหรือ?

“ตอนนี้ข้าถึงบ้านโดยปลอดภัยแล้ว ศาลต้าหลี่ไม่ต้องรับผิดชอบข้าอีกต่อไปแล้ว ใต้เท้าได้โปรดกลับไปเถิด” ฝางเหมี่ยวว่าแล้วก็ผลักประตูบ้านเข้าไป โดยที่กู้หวนเนี่ยนยังคงยืนอยู่ที่ด้านนอก อาฉีที่นั่งยองๆ อยู่ไม่ไกล ถึงกับเกาหน้าเกาหูตนเองอย่างหงุดหงิด

นายท่านของเขาเป็นคนดีมากขนาดนี้แต่ทำไมถึงได้มีปากเช่นนี้นะ? เขาพูดเรื่องคดีต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล แต่ต่อหน้าหญิงสาวที่เขาชอบ เขากลับช่างโง่เขลายิ่งนัก

น่าโมโห!

………………………….