ตอนที่ 773 ต่างคนต่างความคิด (3) ตอนที่ 774 งานเลี้ยง (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 773 ต่างคนต่างความคิด (3) / ตอนที่ 774 งานเลี้ยง (1)
ตอนที่ 773 ต่างคนต่างความคิด (3)

ท่าทางของจวินอู๋เสียเกินความคาดหมายของเหลยเชินไปมาก เขาคิดว่าเมื่อเด็กนี่ออกปากตอบรับคำเชิญของเขาแล้ว ก็หมายความว่าเด็กหนุ่มคนนี้ก็สนใจที่จะทำความสนิทสนมกับเขาเช่นกัน แต่หลังจากพูดออกมาสองสามคำ เด็กนี่ก็ก้มหน้าหมกมุ่นอยู่กับแมวของเขาทันที!

รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลยเชินเจื่อนไปเล็กน้อย ฟ่านจิ่นจับความกระอักกระอ่วนของเหลยเชินได้อย่างรวดเร็ว เขาหันหน้าไปมองจวินอู๋เสียที่ทำตัวเย็นชาเหินห่างแล้วก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

ถึงแม้เขาจะรู้มาตลอดว่านิสัยของคุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะยอมรับได้ง่ายๆ แต่อย่างน้อยเหลยเชินก็เป็นองค์รัชทายาท การเมินคนที่อยู่ในสถานะและตำแหน่งเช่นเขาโดยสิ้นเชิงแบบนั้นไม่เป็นการทำให้เขาอับอายมากเกินไปหน่อยหรือ

“อะแฮ่ม…จวินเสียยังเด็กมากแล้วก็ค่อนข้างขี้อาย ขอองค์ชายโปรดประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ฟ่านจิ่นรู้ว่าจวินอู๋เสียจะต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงในการตอบรับคำเชิญของเหลยเชิน แต่…

คุณหนูใหญ่ของข้า คนผู้นี้คือองค์รัชทายาทเลยนะให้ตายเถอะ! ต่อให้เจ้าไม่ชินกับการทำตัวสุภาพอ่อนน้อม แต่อย่างน้อยก็ช่วยพูดอะไรสักสองสามคำบ้างได้หรือไม่ ปล่อยให้คำพูดของเหลยเชินค้างเติ่งอยู่กลางอากาศแบบนั้นมันไม่เกินไปหน่อยหรืออย่างไร

การประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายมาทำให้ฟ่านจิ่นต้องเติบโตขึ้นมากกว่าเดิมอีกเล็กน้อย

“อ๋อ…เป็นคนขี้อาย” เหลยเชินพูดพลางลูบคาง เขาหรี่ตาลงมองหน้าจวินอู๋เสีย ใบหน้าเล็กๆ ไม่ได้จัดว่าหล่อเหลาอะไรนัก แต่ก็ยังถือว่ามีเสน่ห์อยู่บ้าง หน้าตาแบบนั้นไม่สามารถเทียบกับความงดงามยั่วยวนของฟู่เซวียนหรือความน่ารักอ่อนหวานของชวีหลิงเย่ว์ได้แม้แต่น้อย แต่พอสายตาเย็นชาเหินห่างคู่นั้นกวาดมองผ่านเขาเมื่อครู่ เหลยเชินก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะขึ้นมา ราวกับการชำเลืองมองชั่วแวบหนึ่งนั้นได้คว้าเอาหัวใจเขาไว้ ทำให้สายตาของเขาเหลือบมองไปยังเอวบางและมือเล็กๆ บอบบางคู่นั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

ด้วยความที่อายุยังน้อยจึงยากที่จะแยกแยะความแตกต่างของโครงสร้างร่างกายได้ว่าเป็นสตรีหรือบุรุษ เอวเล็กๆ นั้นดูเหมือนจะไม่สามารถทนต่ออ้อมกอดอันแน่นหนาแข็งแรงของเขาได้

“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฟ่านจิ่นยืนยันพร้อมหัวเราะ

“ข้าอาจจะพูดมากไป หวังว่าข้าคงไม่ได้ทำให้น้องจวินตกใจกลัวหรอกนะ” เหลยเชินพูดพร้อมกับยิ้ม

จวินอู๋เสียไม่แม้แต่จะเหลือบตาขึ้นมามอง แต่เฉียวฉู่ที่อยู่ด้านข้างกลับหดคอลงอย่างขนลุกขนพอง

อะไรของเขาเนี่ย น้องจวินอะไร!

นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่องค์รัชทายาทได้เจอกับน้องเสียไม่ใช่หรือ แล้วคำเรียกที่สนิทสนมคุ้นเคยนี่มันอะไร!

เฉียวฉู่กล้าสาบานเลยว่า ถ้าตอนนี้จวินอู๋เย่าอยู่ด้วยละก็ องค์รัชทายาทที่เป็นมิตรเกินเหตุคนนี้คงได้หัวหลุดจากบ่าไปแล้วแน่!

เหลยเชินไม่คิดมากเรื่องท่าทีเมินเฉยเย็นชาของจวินอู๋เสีย เขาคุยกับฟ่านจิ่นต่ออีกเล็กน้อยก็ลุกขึ้นเตรียมจะกลับ แต่ก่อนที่เขาจะกลับออกไป เขาก็ตั้งใจจะบอกลาจวินอู๋เสียสักคำ

แต่ทว่า…

จวินอู๋เสียยังคงเมินเขาอยู่ดี

หลังจากที่ทุกคนจากตำหนักขององค์รัชทายาทจากไป ฟ่านจิ่นก็ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ เขาเพิ่งรับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่จึงยังขาดความสามารถในการจัดการกับสถานการณ์เช่นนั้น

“องค์รัชทายาทนี่มีบางอย่างแปลกๆ หรือไม่ เขาเอาแต่เรียกน้องเสียว่าน้องจวินทั้งคืนเลย ทำเอาข้าขนลุกไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย!” เฉียวฉู่พูดขึ้นพร้อมกับตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เขาลูบแขนแรงๆ ด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวขยะแขยง

จวินอู๋เสียก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ปกตินางก็ไม่ชอบพบปะกับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว จึงยิ่งรู้สึกแย่กับท่าทีที่เป็นมิตรมากเกินไปและการทำตัวสุภาพอ่อนโยนของเหลยเชิน

“เอ่อ…พวกเจ้าจะไปตำหนักรัชทายาทในวันพรุ่งนี้จริงๆ หรือ” ฟ่านจิ่นถามอย่างระมัดระวัง ดูจากท่าทีของพวกเขาแล้วก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการมาเยี่ยมของเหลยเชินในครั้งนี้นั้นไม่ได้ทำให้พวกเขาประทับใจใดๆ เลย ตรงกันข้ามกลับทำให้พวกเขาสะอิดสะเอียนแทนเสียนี่

“ใช่” จวินอู๋เสียพูดพร้อมพยักหน้า “ของนั่นอยู่กับเขา ถึงเราตั้งใจจะลงมือหลังศึกประลองภูติวิญญาณจบลง แต่เราก็ควรจะไปสอดแนมสถานที่ก่อน”

จวินอู๋เสียหรี่ตา รัฐเหยียนตอนนี้มีผู้คนมารวมตัวกันมากเกินไป นอกจากยอดฝีมือจากสำนักศึกษาต่างๆ แล้ว ก็ยังมีคนจากตระกูลและสำนักที่มีอำนาจมากมายทั่วแผ่นดิน ถ้าพวกเขาลงมือทำอะไรไปตอนนี้แล้วถูกจับได้ เหลยเชินก็แค่ใช้ตำแหน่งองค์รัชทายาทแห่งรัฐเหยียนของเขาเรียกระดมพลก็ได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากผู้คนมากมายที่มาจากกลุ่มที่มีอำนาจต่างๆ ในเมืองหลวง ถ้าไม่มั่นใจเต็มที่ว่าจะมีโอกาสชนะ จวินอู๋เสียก็ยังไม่พร้อมที่จะเผยไพ่ในมือตน

ตอนที่ 774 งานเลี้ยง (1)

ทุกปีก่อนที่ศึกประลองภูติวิญญาณจะเริ่มต้นขึ้น รัฐเหยียนจะจัดงานเลี้ยงใหญ่เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ศิษย์ที่เข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณจากสำนักศึกษาต่างๆ แต่งานเลี้ยงในปีนี้แตกต่างออกไปเล็กน้อย เนื่องจากผู้ที่ดูแลจัดการศึกประลองภูติวิญญาณทั้งหมดก็คือองค์รัชทายาทเหลยเชิน กระทั่งงานเลี้ยงเขาก็เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นและจัดงานกันในตำหนักรัชทายาทซึ่งรองรับแขกที่เป็นศิษย์จากสำนักศึกษาต่างๆ ที่เข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณได้มากกว่าพันคน

ตกกลางคืน เหล่าผู้เยาว์จากสำนักศึกษาต่างๆ ที่อยู่ในเมืองหลวงได้จับกลุ่มกันเดินทางไปที่ตำหนักรัชทายาท พวกเขาคิดกันอย่างรอบคอบว่าจะนำเสนอด้านที่ดีที่สุดของพวกเขาออกมาอย่างไรต่อหน้าองค์รัชทายาทเพื่อเพิ่มโอกาสที่จะถูกค้นพบและได้รับใช้องค์รัชทายาท บรรดาผู้เยาว์ต่างแต่งเครื่องแบบสำนักศึกษาของตน ทุกคนพากันตื่นเต้นและมีแรงกระตุ้นสูงมาก พวกเขาก้าวเดินไปตามทางที่ส่องสว่างด้วยแสงจันทร์เพื่อไปยังตำหนักรัชทายาท

ทหารรักษาการณ์ของตำหนักรัชทายาทตั้งแถวสองข้างประตูใหญ่ หอกยาวกำแน่นอยู่ในมือ ใบหน้าล่ำสันเคร่งขรึม ดูน่าประทับใจและน่าเกรงขาม

ตำหนักรัชทายาทมีอาณาบริเวณกว้างขวางใหญ่โต ใหญ่พอที่จะสามารถรองรับผู้คนจำนวนมากได้ อาคารด้านในตกแต่งอย่างมีรสนิยมทำให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น และเนื่องจากเป็นครั้งแรกที่บรรดาลูกศิษย์ได้ย่างเท้าเข้ามาในตำหนักรัชทายาท พวกเขาจึงมองโน่นมองนี่ตาโต สถานที่หรูหราประดับประดาด้วยดอกไม้งามและแสงจากโคมไฟอันสว่างไสวยิ่งสะกดสายตาของพวกผู้เยาว์ที่อ่อนประสบการณ์ให้เป็นประกายด้วยความปรารถนาและความคาดหวัง

ข้ารับใช้นำพวกลูกศิษย์จากสำนักศึกษาต่างๆ ไปยังที่นั่งที่จัดไว้ในลานกว้างขนาดใหญ่มากที่เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง พวกผู้เยาว์ถูกจัดแบ่งเป็นสี่ด้านเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่โดยมีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง องค์รัชทายาทนั่งตรงที่นั่งเจ้าภาพที่ยกสูงขึ้น เขายิ้มและพยักหน้ารับให้แก่กลุ่มผู้เยาว์ที่เข้ามาในพื้นที่จัดงานเลี้ยง

“ข้าเห็นความฟุ่มเฟือยสิ้นเปลืองแต่ก็ไม่ได้มากขนาดนั้น พวกเขาใช้เงินไปกับตำหนักรัชทายาทนี้เท่าไรกันเนี่ย แค่ขนาดของตำหนักอย่างเดียวก็ใหญ่เกือบเท่าสำนักศึกษาหงส์อมตะทั้งสำนักแล้ว!” เฉียวฉู่พูด ดวงตามองไปรอบๆ ตำหนักรัชทายาทที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เครื่องเรือนที่ทำจากไม้เนื้อแดงชั้นเยี่ยม เครื่องประดับตกแต่งทั่วตำหนักที่ทำจากหยกเนื้อดีเงางามและฝังอัญมณีมีค่าต่างๆ ไว้ภายใน แม้แต่เฉียวฉู่ที่ไม่รู้เรื่องของพวกนี้ก็ยังเห็นว่ากระทั่งถ้วยชามที่พวกเขาใช้ซึ่งทางตำหนักรัชทายาทจัดมาให้ใช้ในงานเลี้ยงก็ยังแพงอย่างไม่น่าเชื่อ!

“รัฐเหยียนเป็นรัฐที่ก่อตั้งขึ้นเป็นแห่งแรก และตอนนี้ก็เป็นรัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทั้งรัฐและประชาชนต่างร่ำรวย แม้แต่คนธรรมดาที่นี่ก็ยังรวยกว่ารัฐข้างเคียงของพวกเขา ไม่ต้องพูดถึงพวกราชวงศ์เลย” เฟยเยียนพูดพร้อมยักไหล่ เขารู้ทั้งหมดนี้อยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่หาข่าวของที่นี่

รัฐเหยียนร่ำรวยมั่งคั่งมากและกองทัพก็แข็งแกร่ง ถึงแม้จะไม่มีกองกำลังที่สุดยอดอย่างกองทัพรุ่ยหลิน แต่แค่จำนวนคนอย่างเดียวก็น่ากลัวมากแล้ว และไม่มีรัฐใดที่จะเทียบเคียงได้

จวินอู๋เสียมองดูทุกสิ่งทุกอย่างในตำหนักรัชทายาทด้วยสีหน้าเฉยเมย เมื่อเทียบกับตำหนักของเหลยเชินแล้ว ตำหนักรัชทายาทที่มั่วเฉี่ยนยวนเคยอยู่นั้นคงพูดได้แค่ว่าเสื่อมสภาพแล้ว แม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ในตำแหน่งรัชทายาทเช่นเดียวกัน แต่สภาวะแวดล้อมแตกต่างกันคนละโลก ไม่มีทางที่รัฐชีเล็กๆ จะเทียบเคียงกับรัฐเหยียนที่ใหญ่โตได้

“แขกผู้มีเกียรติจากสำนักศึกษาเฟิงหัวใช่หรือไม่ขอรับ” ข้ารับใช้คนหนึ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย

ข้ารับใช้ผู้นั้นจึงพูดต่อว่า “พวกท่านจะเข้าไปในงานเลี้ยงเลยหรือไม่ขอรับ อีกเดี๋ยวงานก็จะเริ่มแล้ว ให้ข้าน้อยนำทางพวกท่านไปที่นั่นนะขอรับ”

จวินอู๋เสียกับคนอื่นๆ เดินตามข้ารับใช้คนนั้นเข้าไปในงานเลี้ยง พวกเขาไม่ได้มาถึงงานเร็วนัก งานจึงใกล้จะเริ่มแล้ว งานเลี้ยงสำหรับคนหนึ่งพันคนกินพื้นที่กว้างมาก พวกเขาเห็นว่าผู้เยาว์มากมายได้นั่งที่แล้ว แถวที่นั่งที่อยู่ด้านเดียวกับที่นั่งของเหลยเชินมีคนนั่งอยู่ค่อนข้างมากแล้ว ท่ามกลางคนพวกนั้น มีผู้เยาว์จำนวนหนึ่งที่แต่งเครื่องแบบของสำนักศึกษาพิชิตมังกรและสำนักศึกษาธงศึก

“ดูเหมือนว่ากระทั่งการจัดที่นั่งก็มีเหตุผลซ่อนอยู่ด้วยเหมือนกัน” ฟ่านจัวพูดด้วยรอยยิ้มหลังจากมองไปทั่วโถงจัดงานเลี้ยง ยิ่งสำนักศึกษามีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพนับถือมากเท่าไร ที่นั่งสำหรับพวกลูกศิษย์ก็จะยิ่งถูกจัดเอาไว้ใกล้กับเหลยเชินมากเท่านั้น ขณะที่สำนักศึกษาที่ไม่เป็นที่รู้จัก ที่นั่งของพวกเขาจะถูกจัดอยู่แถวหลังห่างไกลจากเขา