ตอนที่ 282 เห็นผิวเผินสีหมื่น แต่ความจริงแล้ว...(2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 282 เห็นผิวเผินสีหมื่น แต่ความจริงแล้ว…(2)

แน่นอนว่า ไม่ใช่เพราะเขารู้สึกเสียดายที่ต้องเสียตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ไปจำนวนมาก ทั้งยังใช้วัสดุอันล้ำค่ามากมายและทำงานหนักมานานหลายปีเพื่อหลอมโอสถพิษชนิดต่างๆ

เดิมทีกองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้ถูกเตรียมเอาไว้เพื่อร่วมมือกับกองทัพทหารสวรรค์ เมื่อกองทหารสวรรค์พบทางตัน พวกเขาก็จะนำและชี้แนะแนวทางให้ทหารกองทัพสวรรค์ฝ่าทะลวงออกไป

ในยามนี้ ศาลสวรรค์ยังขาดแม่ทัพใหญ่ และหากหลี่ฉางโซวปล่อยให้ทหารสวรรค์ล้มตายจนได้รับความเสียหายมากเกินไปที่นี่ เขาย่อมไม่อาจชี้แจงต่อองค์เง็กเซียนได้ และยังส่งผลต่อแม่ทัพตงมู่อีกด้วย

ขณะนั้น เป้าหมายส่วนใหญ่ที่เขาวางแผนไว้ในคราวนี้ ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแล้ว

จากนี้ไป เขาต้องคิดหาวิธีล่าถอยจากศัตรู และปล่อยให้ศาลสวรรค์สำแดงพลังเพื่อแก้ไขสถานการณ์ในครั้งนี้ให้จบลงสำเร็จราบรื่น

“ฉางโซ่ว?”

ทันใดนั้น เสียงของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ดังขึ้นข้างๆ หูของหลี่ฉางโซ่ว เขาสงบสติอารมณ์ลงทันทีแล้วลุกขึ้นยืนพลางกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ศิษย์อยู่นี่แล้วขอรับ”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูแย้มยิ้มและถามว่า “นี่คือ พลังเวทที่ข้ามอบให้เจ้าใช่หรือไม่?”

“ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “ศิษย์ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการใช้พลังเวทเล็กน้อยเพื่อปรับปรุงถั่วเหล่านั้นขอรับ”

ขณะกล่าว เขาก็ได้นำทหารถั่วดัดแปลงที่เขาได้คิดค้นขึ้นมาเป็นรุ่นล่าสุดจากการปรับปรุงพลังเวท ถั่วเซียนระดับสูงสุดและถั่วเซียนพิษออกมาและยื่นไปให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หยิบถั่วขึ้นมามองดูอย่างระมัดระวังก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์

“เจ้ามีความคิดซ่อนอยู่ในหัวมากเพียงใดกันนี่”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หัวเราะและดุว่า “เอานี่ออกไป ศาลสวรรค์จะใช้งานได้ในอนาคต หากวันนี้ ท่านอาจารย์อาของข้าไม่ให้รางวัลสำหรับความช่วยเหลือของเจ้า เจ้าก็ไปเรียกร้องขอความยุติธรรมกับเหล่าจื้อที่วังดุสิตได้”

หลี่ฉางโซ่วใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันที

นี่คือเทียบเชิญให้ไปวังดุสิตแบบอ้อมๆ หรือไม่?

เขารีบพยักหน้ารับทันที

ในการเดินทางมายังวังมังกรครั้งนี้ เขาได้รับผลตอบแทนมากมายแล้ว เขาได้รับโอสถวิญญาณที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มอบให้และยังได้รับคำเชิญที่มี ‘เงื่อนไขที่จำกัด’ อีกด้วย

นับแต่นี้ไป เขาเพียงต้องหาข้ออ้างไปวังดุสิตเพื่อพบเหล่าจื้อให้ได้เท่านั้น! สิบสองปีที่ผ่านมานี้ ไม่สูญเปล่าไปจริงๆ!

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็โค้งคำนับแล้วเก็บพลังเวทและถั่วเซียนเข้าไปในคลังเวทจัดเก็บก่อนจะเอ่ยถามว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เกิดอันใดขึ้นกับผู้อาวุโสจ้าวขอรับ?”

“ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้อาวุโสจ้าวเป็นอย่างไร?”

เสวียนตูมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีแล้วชี้ไปที่กระจกผลึกแก้วพร้อมด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ข้าต้องยกย่องศิษย์น้องจ้าวผู้นี้จริงๆ”

ในขณะนั้น เขาเห็น…จ้าวกงหมิงกำลังนอนอยู่บนก้อนเมฆ และกระอักเลือด

นักพรตเต๋าชราทั้งหกที่อยู่ข้างหน้าเขา ล้วนมีสีหน้ามืดทะมึนอย่างยิ่ง พวกเขาแต่ละคนต่างกัดฟันและใกล้จะระเบิดโทสะออกมา ทว่าก็ระงับเอาไว้อย่างเข้มแข็ง

จ้าวกงหมิงกล่าวอย่างอ่อนแรงว่า “อ่า ช่างน่าอนาถใจนัก มันน่าเศร้าใจจริงๆ ศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยถูกเหล่าศิษย์ของสำนักบำเพ็ญประจิมรังแก ข้าเพียงคนเดียวต้องต่อสู้กับคนถึงหกคนจนถูกทำร้าย ได้รับบาดเจ็บมากถึงเพียงนี้… อา สหายเต๋า วันนี้พวกเจ้าต้องตามข้าไปที่วังปี้โหยว”

“ข้า!”

ทันทีที่นักพรตเต๋าชราคว้าไม้บรรทัดหยกได้แล้ว เขาก็กำลังจะเริ่มโจมตี

จ้าวกงหมิงเบิกตากว้างจับจ้องไปที่เขา แล้วจู่ๆ ก็มีพลังเพิ่มมากขึ้นทันที จากนั้น ‘ผลึกคู่แฝดบันทึกเหตุการณ์’ สี่เม็ดก็ปรากฏขึ้นรอบกายเขา

เขากำลังกล่าวพร้อมด้วยสีหน้าท่าทางที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า… “เข้ามาเลย มาสู้กับข้า ข้าจะบันทึกเหตุการณ์ทุกอย่างที่นี่เอาไว้ตลอดเวลา!”

นักพรตเต๋าชราที่ถือไม้บรรทัดหยกกระทืบเท้าแรงและก่นด่าออกมาว่า “ไร้ยางอาย! เจ้าช่างไร้ยางอายนัก!”

“พรืด…”

ลุงจ้าวกระอักเลือดออกมาอีกคำรบหนึ่งแล้วฝืนยิ้มอย่างน่าเวทนาพลางกล่าวว่า “ข้าได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนี้แล้ว แต่เจ้ายังใช้พลังลึกลับของเจ้าทำร้ายข้าอีกด้วย!”

“เหลวไหล! ข้ายังไม่ได้ใช้พลังเวทใด ๆ เลย!”

“สหายเต๋า” นักพรตเต๋าชราหลังค่อมยืนขึ้นแล้วก้าวออกไปข้างหน้าพลางประสานมือคารวะให้จ้าวกงหมิงแล้วกล่าวว่า “วันนี้ ไม่ใช่เวลาจะมาล้อเล่นกับสหายเต๋าจริงๆ หากสหายเต๋าต้องการ เราจะไปกับท่านในภายหลัง ในเวลานี้ วังมังกรกำลังอยู่ในสถานการณ์อันตรายและท่านอาจารย์ก็มีบัญชาให้เรามารอเพื่อช่วยเหลือพวกเขา ข้ายังต้องขอสหายเต๋า โปรดอย่าขัดขวางพวกเราเอาไว้ ”

จ้าวกงหมิงรู้สึกขบขัน

ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจสิ่งที่น้องชายเทพแห่งท้องทะเลกล่าวไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่า สำนักบำเพ็ญประจิมกำลังกระทำเช่นนั้นอยู่!

ตอนแรกจะให้คนมาลอบโจมตีก่อนอย่างลับๆ แล้วค่อยกระโดดออกมาปกป้องเผ่ามังกร นี่คือการสมคบคิดวางแผนร้ายเพื่อทำลายเผ่ามังกรโดยตรง และหลอกผู้อื่น?

“หากในด้านความไร้ยางอาย ข้า จ้าวกงหมิงก็ยังไม่กล้าเปรียบเทียบกับพวกเจ้า”

อาจารย์ลุงจ้าวกล่าวอย่างอ่อนแรง แล้วแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวว่า “มีคำกล่าวในโลกมนุษย์ว่า พบกันคราแรกแปลกหน้า พบกันอีกคราจึงคุ้นเคย [1]

มาเลย เลือกไปเลยว่า เจ้าอยากตามข้าไปที่วังปี้โหยว หรือว่าจะทำตามกฎเดิม?”

“สหายเต๋า! อย่ารังแกกันให้มากเกินไปนัก!”

“กฎเก่าหรือ? เจ้าไม่กลัวจริงๆ หรือว่า ปรมาจารย์จอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมจะทำลายเต๋าของเจ้าเมื่อเจ้าทำให้เขาต้องเสียหน้าเช่นนี้”

จ้าวกงหมิงไม่สนใจใดๆ เลย เขายังคงนอนอยู่ตรงนั้นและใช้ไข่มุกเทพทะเลเพื่อผนึกพื้นที่ว่างเปล่าโดยรอบ

ท่านอาจารย์ของเขาเข้าปิดด่านตลอดทั้งปี หากท่านรู้เรื่องนี้ ด้วยนิสัยของท่านอาจารย์แล้ว เกรงว่า คงจะ…

เขาจะพูดถึงความรุนแรงของการกระอักเลือดและท่าทางเมื่อเขานอนลง ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็จะลองชี้แนะให้เขาไปหาจอมปราชญ์อื่นๆ เพื่อลองทดสอบผล

ในขณะนั้น จ้าวกงหมิงก็สงบ เป็นกันเอง และมั่นใจว่าจะสามารถจัดการพวกเขาได้อย่างแน่นอน…

หากไร้ซึ่งประสบการณ์อันยาวนาน แน่นอนว่า เขาย่อมไม่อาจทำได้อย่างเป็นธรรมชาติถึงเพียงนี้!

หลี่ฉางโซ่หันศีรษะไปที่กระจกผลึกแก้วชั่วขณะหนึ่งแล้วถอนหายใจออกมาพลางกล่าวว่า “แม้ศิษย์จะคิดค้นกลวิธีการหลอกลวงนั้นขึ้นมาเอง แต่ศิษย์เช่นข้า ก็ยังอ่อนด้อยกว่าผู้อาวุโสกงหมิงมากนัก”

บัดนั้น เสวียนตูที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะพลางตบต้นขาแล้วกล่าวว่า “สุดยอดมาก” และ “เด็ดขาดมาก”

ในขณะที่ทั้งปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และปรมาจารย์เต๋าน้อยกำลังชมการแสดงอยู่ จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงมังกรคำราม ดังมาจากนอกวังมังกร

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่คลี่ยิ้มและกล่าวว่า “กำลังเสริมจากวังมังกรทะเลอุดรมาถึงแล้ว คนที่ซ่อนอยู่ในสำนักบำเพ็ญประจิมเริ่มล่าถอยแล้ว ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ดูเหมือนว่า วังมังกรทะเลทักษิณจะได้รับความช่วยเหลือจากวังมังกรทะเลประจิมมาช่วยป้องกัน”

ในที่สุดหลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจโล่งอกและรีบกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่โปรดบอกผู้อาวุโสกงหมิงให้จากไปได้แล้วขอรับ บัดนี้ ไม่จำเป็นต้องหลอกลวงเขาต่อไป”

“ได้สิ”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูหลับตาลงและตั้งสมาธิ จากนั้นก็มีแผนภาพไทจี๋ค่อยๆ หมุนไปบนฝ่ามือของเขา และมีร่องรอยของอักขระเต๋าพุ่งเข้าในกระจกผลึกแก้ว

มีภาพในกระจก จ้าวกงหมิงกะพริบตาแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากพื้นช้าๆ ในขณะนั้น เหล่าปรมาจารย์ทั้งหกจากสำนักบำเพ็ญประจิมล้วนมีสีหน้าเปลี่ยนไปและมองจ้าวกงหมิงอย่างระมัดระวัง

ทว่าอาจารย์ลุงจ้าวกลับมีสีหน้าท่าทีเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้ เวลานี้ เขากลายเป็นคนที่ดูจริงจังและเคร่งขรึม เขาโค้งคำนับให้เหล่าปรมาจารย์ทั้งหกแล้วค่อยๆ ถอนหายใจออกมา

“สหายเต๋า ข้ายังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ข้ารู้สึกเสียใจนัก ช่างมันเถิด ข้าไม่สมควรล้อเล่นกับพวกเจ้าเช่นนี้ จู่ๆ ข้าเองก็ไม่อยากทำแล้ว เช่นนั้น ข้าขออำลา” กล่าวจบ จ้าวกงหมิงก็ยกมือขึ้น กวักเรียกไข่มุกเทพทะเล จากนั้น ไข่มุกเทพทะเลทั้งยี่สิบสี่เม็ดก็บินมาจากทั่วทุกทิศทางแล้วรายล้อมรอบตัวเขาเอาไว้

จ้าวกงหมิงมองดูพวกเขาทั้งหกอย่างระมัดระวังพลางถอยหลังไปสองก้าวในขณะที่ไข่มุกเทพทะเลทั้งยี่สิบสี่เม็ดสั่นเบา ๆ แล้วหายไป ทว่าทันใดนั้น นักพรตเต๋าชราก็ร้องตะโกนออกมาอย่างโกรธจัดแล้วกล่าวว่า “สหายเต๋า โปรดอยู่ก่อน!”

“ช่างมันเถิด ปล่อยเขาไป! พวกเรายังมีเรื่องสำคัญอื่นที่ต้องจัดการอีก!”

ในเวลานี้ เมื่อไข่มุกเทพทะเลหายไปแล้ว นักพรตเต๋าชราทั้งหกก็ออกค้นหาทะเลบูรพาอย่างเต็มกำลังในทันทีและได้เห็นสถานการณ์ในยามนี้ของวังมังกรทะเลบูรพา

ขณะที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิง และคนอื่นๆ ล่าถอยไป กองทัพวังมังกรก็ร่วมมือกับเหล่าทหารสวรรค์เพื่อบีบให้กองทัพกบฏเผ่าทะเลและทหารปีศาจใต้ทะเลลึกล่าถอยออกไป…

“จ้าวกงหมิง! กล้าดีอย่างไรถึงมาทำลายแผนการของสำนักข้า!?!”

นักพรตเต๋าชราทั้งหกกัดฟันและร้องตะโกนอย่างเดือดดาล ทันใดนั้น เขาก็ก้มศีรษะลงและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ชั่วขณะนั้น เขาโกรธมากจนกระทบขอบเขตเต๋าของเขาให้สั่นคลอนและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

………………………………………………………………

[1] หมายถึง คนเราหากพบกันมากขึ้น ก็จะคุ้นเคยกัน และถึงจะนับว่ารู้จักกันดี