บทที่ 397 ตู้เหิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 397 ตู้เหิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

บทที่ 397 ตู้เหิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ช่วงนี้ตู้เหิงรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย

ราวกับว่าเรื่องราวทั้งหมดดูรีบร้อนไปหมด แต่ละเรื่องก็ไม่ราบรื่น จากความทรงจำในครั้งก่อน นางได้แอบถือทรัพยากรแร่เหล็กในเขตชานเมืองของเมืองหลวงไว้ในมือตนเองอย่างแน่นหนา และการขุดเจาะทั้งหมดก็ถูกส่งไปยังคนงานลับของเหมิงฉิง แต่ช่วงนี้ในราชสำนักไม่รู้ว่าได้ข่าวไปลึกเพียงใด จึงรู้สึกเคร่งเครียดเป็นพิเศษ

ตู้เหิงถูกปิดกั้นจากหมู่บ้านสามแห่งในชนบท ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเหมิงฉิงและตู้เหิง ทั้งสองไม่ได้ติดต่อกันมานานนับเดือน

ยังมีเรื่องเรือนที่รั่วซึมเพราะฝนตกในชั่วข้ามคืน และกิจการของนางที่มีปัญหาทุก ๆ ที่

วันนี้ตู้เหิงเพิ่งจะตื่นนอน ขณะหญิงสาวเตรียมตัวจะอาบน้ำ อาซู่ที่ได้ยินการเคลื่อนไหวก็รีบเดินเข้ามา “คุณหนู ตื่นนอนแล้วหรือเจ้าคะ?”

เมื่อคืนวานตู้เหิงนอนไม่ค่อยเต็มอิ่ม ตอนนี้เมื่อเห็นอาซู่เดินเข้ามา หญิงสาวจึงเพียงแค่ปรายตามองเท่านั้น

เมื่อเห็นอาซู่ไม่ได้กล่าวอะไร นางจึงขมวดคิ้ว “มีเรื่องอะไร? ก็แค่พูดออกมา”

อาซู่เดินเข้าไปหา เตรียมผ้าเช็ดตัวและน้ำอุ่นให้เจ้านาย เมื่อรอให้ตู้เหิงอาบน้ำเสร็จจึงเอ่ยขึ้นเบา ๆ “คุณหนู ร้านขายผ้าจิ่นชิ่วเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”

สีหน้าของตู้เหิงเปลี่ยนไปทันใด “เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก?”

ร้านขายผ้าจิ่นชิ่วเป็นสถานที่ที่หญิงสาวทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากที่สุด เดิมทีนางวางแผนจะใช้ประโยชน์จากกิจการขายผ้าลอบติดต่อกับพวกขุนนางในราชสำนัก

เพียงแต่ไม่กี่วันก่อน เถ้าแก่ของร้านขายผ้าพาคนไปก่อเรื่องที่ร้านเหยาจี้ จากนั้นคนเหล่านั้นก็โดนเหยาเฉาจับตัวไป หญิงสาวยังไม่ทันจะจัดการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จ ก็กลับเกิดเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก

อาซู่ที่เอาแต่ก้มหน้าอยู่ได้รายงานตามความเป็นจริง “หลายวันมานี้กิจการร้านขายผ้าไม่ดีเลยเจ้าค่ะ เถ้าแก่และคนในร้านออกไปถามไถ่ผู้คนดู ก็ได้รู้ว่าข้างนอกมีข่าวลือว่าผ้าในร้านของพวกเรามีสารพิษเจ้าค่ะ หญิงมีครรภ์ที่ใส่เสื้อผ้าไปได้แค่เจ็ดวันจะไม่สามารถรักษาครรภ์ไว้ได้…กล่าวคือหญิงที่สวมใส่เสื้อผ้าจากร้านเราในอนาคตจะมีบุตรยาก”

เมื่อตู้เหิงได้ยินเช่นนั้น นางก็โยนผ้าเช็ดตัวลงพื้น แล้วเดินไปด้านหน้าโต๊ะก่อนจะขว้างปาถ้วยชาสองถ้วยด้วยความโกรธ “ข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ นี้มันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อใด! เหตุใดถึงเพิ่งมาบอกข้าเอาป่านนี้?”

ช่วงนี้สภาพอารมณ์ของคุณหนูนับวันยิ่งย่ำแย่ลง เอะอะก็ปาข้าวของ แต่อาซู่เคยชินกับการกระทำนี้แล้ว หญิงสาวยืนเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง หลังจากรอตู้เหิงระบายอารมณ์เสร็จ สาวใช้จึงกล่าวขึ้นเบา ๆ “คาดว่าน่าจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เถ้าแก่พาคนไปก่อเรื่องที่ร้านเหยาจี้ ตอนนี้เถ้าแก่ให้คนไปตรวจสอบที่มาอยู่เจ้าค่ะ…”

ตู้เหิงที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ สองรอบเพื่อให้ตนเองสงบลง

แผ่นหลังของหญิงสาวตั้งตรงและไม่ได้กล่าวอะไร ใบหน้ารูปไข่งดงามเผยให้เห็นสีหน้าเกลียดชัง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกัดฟันพูด “ต้องเป็นเหยาซูแน่ ๆ!”

ภายในจิตใต้สำนึกอาซู่เองก็รู้ดีว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเหยา

อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องที่เถ้าแก่ของร้านจิ่นชิ่วพาคนไปก่อเรื่องเลย ในร้านมีเพียงภรรยามีครรภ์ของเจ้าของร้านขายผ้าเหยาจี้เท่านั้น เช่นนี้พวกเขาก็ต้องเป็นฝ่ายผิด

เหตุใดคุณหนูจึงต่อว่าคนอื่นอย่างมั่นใจเช่นนี้?

ตู้เหิงเอ่ยขึ้นอย่างเกลียดชัง “อย่าคิดว่าหลบอยู่ทางใต้แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเหยาซูวางแผนอย่างลับ ๆ หมู่บ้านข้าที่อยู่ในเขตชานเมืองจะถูกยึดไปได้มากมายเยี่ยงนั้นหรือ? แล้วข่าวลือเกี่ยวกับร้านจิ่วชิ่วในตอนนี้อีก ต้องเป็นการลงมืออย่างลับ ๆ ของนางแน่นอน”

อาซู่เงยหน้าขึ้นมองตู้เหิงที่มีอาการกระฟัดกระเฟียดอย่างเห็นได้ชัด นางกำลังจะเอ่ยอะไรสักอย่าง แต่ในที่สุดก็ก้มหน้าไปอย่างเงียบ ๆ

ครั้นตู้เหิงทราบเรื่องราวของร้านขายผ้าจิ่วชิ่ว นางก็ไม่สามารถนั่งอยู่นิ่ง ๆ ได้ จึงต้องไปสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง

เถ้าแก่ก็คือผู้อาวุโสที่มารดาของตู้เหิงทิ้งไว้ให้ เดิมทีเขาภักดีต่อหญิงสาวมาก ตอนนี้ได้เป็นเถ้าแก่ของร้านขายผ้า ในกำมือของเขามีอำนาจที่ได้รับจากตู้เหิง ดังนั้นอะไรที่ตนรับรู้ย่อมถึงหูของหญิงสาว

เถ้าแก่รายงานในสิ่งที่ตนรู้ให้กับตู้เหิง “ตอนนี้คนสามคนของร้านเราถูกขังอยู่ในศาลต้าหลี่ สองคนในนั้นคือคนที่ไปก่อเรื่องที่ร้านเหยาจี้ในวันนั้น และอีกคนคือคนที่อยู่ข้างนอกร้าน…”

เถ้าแก่ยังรายงานไม่เสร็จ ก็ถูกตู้เหิงขัดขึ้นอย่างเย็นชา “สามคนนั้นไม่ต้องไปสนใจหรอก พูดเกี่ยวกับเรื่องข่าวลือของวันนี้ ข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ เช่นนี้มันมาจากไหน?”

ตู้เหิงไม่สนใจคนที่ถูกเหยาเฉาจับตัวไป สำหรับนางแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือกิจการของตน

เถ้าแก่ตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืด กลับตอบในสิ่งที่นางถาม “คนของพวกเราไปสอบถามมาแล้วขอรับ ไม่กี่วันก่อนที่ถนนตรงทางแยกหน้าร้านของเรา มีเด็กสามคนร้องไห้ร้องเรียนกับผู้คนที่เดินผ่านไปมาว่าผ้าของร้านเรามีสารพิษทำให้ผื่นขึ้น…”

ตู้เหิงขมวดคิ้วเรียว “ผื่นขึ้นหรือ? ถ้าหากว่าผื่นขึ้นจริง ๆ เหตุใดไม่มาหาเรื่องกับร้านเรา? แล้วพวกเจ้าเคยพบเด็กทั้งสามคนนั้นหรือไม่?”

เถ้าแก่เอ่ยขึ้นด้วยความขมขื่น “เรื่องนี้ค่อนข้างแปลกขอรับ…เด็กในร้านของพวกเราไม่มีใครเคยได้ยินเรื่องนี้เกิดขึ้นกับลูกค้ามาก่อน”

หลังจากที่หญิงสาวได้ยินเรื่องนี้ก็เข้าใจเหตุการณ์ทันที ร้านขายผ้าของพวกเขาถูกใครบางคนใส่ร้ายเข้าแล้ว

เมื่อทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สีหน้าของตู้เหิงก็เย็นชาสุดขีด นางกล่าวกับเถ้าแก่ด้วยน้ำเสียงที่มีแต่โทสะ “ไม่ได้บอกว่าแค่ผื่นขึ้นหรอกหรือ? เหตุใดข่าวลือจึงบอกว่าถึงขั้นทำให้สตรีไม่สามารถตั้งครรภ์ได้?”

เถ้าแก่จนปัญญาเป็นอย่างมาก ชายชราไม่สามารถอธิบายอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เลย

การแพร่กระจายของข่าวลือเช่นนี้มีข้อดีอยู่หนึ่งอย่าง ตรงที่ข่าวลือนั้นแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และบ่อยครั้งที่ผู้คนจำเนื้อความต้นทางไม่ค่อยได้

เหตุผลของอาซือเดิมทีต้องการจะให้เป็นแค่ผื่น แต่หลังจากที่ข่าวลือแพร่กระจายไปแล้ว ควบคู่ไปกับอารมณ์และจินตนาการที่ปะปนกันไปของแต่ละคนที่เล่าต่อกันมาอย่างไม่มีการควบคุม ชื่อเสียงของร้านขายผ้าจิ่นชิ่วก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์

ผนวกกับตู้เหิงที่ไม่ได้ควบคุมข่าวลือในเวลานั้น ดังนั้นในเวลาต่อมาคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองหลวงจึงรับรู้ว่าผ้าของร้านจิ่นชิ่วมีปัญหา

โดยปกติตู้เหิงมักจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการร้านขายผ้า แต่ตอนนี้นางไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกแล้ว หญิงสาวกล่าวกับเถ้าแก่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”

เถ้าแก่เช็ดเหงื่อเม็ดเย็น ๆ บนหน้าผาก แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“เรื่องนี้ เรื่องนี้…ลูกค้าในเมืองหลวงที่เคยมาซื้อก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าต่างก็รับรู้กันหมดแล้วขอรับ”

ตู้เหิงพ่นลมหายใจด้วยความโกรธ นางขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ยถามขึ้น “ต้องรอให้ลูกค้ามาถึงร้านถึงจะรู้เรื่อง ท่านเป็นเถ้าแก่ประสาอะไรกัน? มีข่าวลือแล้วเหตุใดไม่ส่งคนไปชี้แจงเล่า? ตอนนี้ร้านขายผ้าไม่สามารถขายสินค้าได้แล้ว ข้าให้เวลาท่านสิบวัน ถ้าผ่านไปสิบวันแล้วเหตุการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ท่านนั่นแหละที่จะเป็นคนจากไป!”

หญิงสาวเอ่ยตำหนิอย่างรุนแรง เพื่อระบายเพลิงโทสะในใจของตน ทำให้เถ้าแก่ในยามนี้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

เขาไม่ได้ชี้แจงอย่างไร? ในตอนที่ข่าวลือเกิดขึ้นครั้งแรก เถ้าแก่เป็นคนแรกที่ออกมาเยี่ยมเยียนแต่ละบ้าน เช่นนี้จึงทำให้รู้ที่มาของข่าวลือ

หากเขาควบคุมสถานการณ์ไม่ได้จริง ๆ แล้วเขาจะส่งคนไปส่งข่าวให้ตู้เหิงได้อย่างไร นางเข้ามาแล้วก็ต่อว่าตน ซ้ำร้ายตนยังต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเองอีก

หลังจากที่ตู้เหิงระบายโทสะจนทำให้บรรยากาศในร้านเต็มไปด้วยความน่ารังเกียจแล้ว นางก็ได้ผละจากไป คนงานในร้านจึงค่อยมาประจำที่

ชายหนุ่มลังเลที่จะพูด สุดท้ายเมื่อเห็นใบหน้าที่มืดมนของเถ้าแก่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “เถ้าแก่ เหตุใดนายหญิงจึงเป็นเช่นนี้ไปได้”

เถ้าแก่โกรธมาก เขาข่มโทสะแรงกล้าในใจและเอ่ยประชดประชัน “ก่อนหน้านี้ยังมีคำชื่นชมมากมายว่านายหญิงนั้นเป็นดั่งนางฟ้านางสวรรค์ ผู้คนต่างทุ่มเททำงานเพื่อนาง นี่มันอะไรกัน? เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้วหรืออย่างไร?”

เมื่อยามที่ทุกอย่างสงบสุขมั่นคง เขายอมมอบหัวใจให้กับนายหญิงผู้สะคราญโฉมและมีพื้นเพมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงผู้นี้ทั้งใจ และเขาก็เต็มใจที่จะทำงานให้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เมื่อทั้งสองเรื่องราวมาบรรจบกัน คนงานในร้านถึงรู้ว่านายหญิงโฉมงามผู้นี้ไม่อาจบริหารกิจการให้ดีได้

ถ้าไม่มีร้านขายผ้าจิ่นชิ่วแล้ว เขาจะไปที่ไหนได้อีก ?

คนงานในร้านขมวดคิ้ว ชายหนุ่มแก้ต่างให้กับตัวเอง “เรื่องนี้ข้าเป็นต้นเหตุหรือ? พวกเราอุตส่าห์จัดการเรื่องราวแทนนาง ตอนนี้กลับมีพี่น้องสามคนถูกคุมขังในศาลต้าหลี่… นายหญิงไม่คิดหาทางพาพวกเขาออกมาไม่พอ กระทั่งวาจาที่แสดงถึงความเป็นห่วงสักประโยคก็ไม่มี! เห็นนางเป็นอย่างนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่านางไม่สนใจที่จะฟังด้วยซ้ำ”

“หุบปาก! เจ้าพูดเรื่องพวกนี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? มีใครสามารถพาพวกเขาออกมาได้หรือไม่? ไม่ได้ยินในสิ่งที่พูดเมื่อครู่หรือ? ถ้าข่าวลือยังแพร่กระจายต่อไป อย่าพูดว่าข้าจะไม่มีข้าวกิน ทุกคนก็จะต้องออกไปจากร้านขายผ้านี้ด้วย!” เถ้าแก่ดุเสียงดัง

คนงานในร้านถูกไล่ให้ออกไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

เถ้าแก่นั่งอยู่คนเดียวในห้องโถง เขาแอบคิดในใจว่าเมื่อนายหญิงไม่คิดที่จะทำสิ่งใด ด้วยอำนาจของเขาเพียงผู้เดียวแล้ว จะยังมีหนทางกู้สถานการณ์ร้านขายผ้าได้อีกหรือ?

…………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เห็นแววร้านเจ๊งมาแต่ไกล นังตู้ไม่ควรนั่งตำแหน่งหัวหน้ากิจการใด ๆ เลยค่ะ พระคุณไม่มี ใช้แต่พระเดชอย่างเดียว ไปเป็นนางคณิกาในหอโคมเขียวน่าจะเหมาะกับบุคลิกและนิสัยของหล่อนมากกว่านะเราว่า

ไหหม่า(海馬)