บทที่ 300 หลุดปากข่าวใหม่

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

“อวิ๋นเอ๋อร์ เรากุเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นมันจะดูหลอกลวงเกินไป ตระกูลเฟิงต้องตรวจสอบได้แน่ ๆ ” เฉินเจี๋ยรีบพูดขึ้น

“พูดมาก ฉันรู้อยู่แล้ว!” หลีซืออวิ๋นลุกขึ้นยืน รูปร่างที่สง่างามภายใต้แสงสว่างจากไฟนีออน ช่างดึงดูดสายตาจริง ๆ

เฉินเจี๋ยเงยหน้ามองเธอ ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ และแสดงความคิดเห็นออกไป : “ผมแนะนำให้ใช้การสะกดจิต ถึงอย่างไรก็ต้องยืมมือคนอื่นทำอยู่แล้ว เราไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย”

เฉินเจี๋ยไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากล่วงเกินตระกูลเฟิงเข้าละก็ เขาต้องไม่ตายดีแน่ ๆ

“สะกดจิต? ฉันก็อยากจะยืมมือคนอื่นมาทำนะ แต่ไม่มีใครให้ฉันยืมมือทำเรื่องแบบนั้น!” หลีซืออวิ๋นโกรธจนต้องทุบหน้าต่าง

เรื่องการสะกดจิต ต้องให้อีกฝ่ายมีความคิดนั้นด้วยตัวเอง หรือไม่ก็ให้อีกฝ่ายประสบพบเจอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ ไม่อย่างนั้นต่อให้สะกดจิตยังไง ก็ไม่มีประโยชน์หรอก

ไม่อย่างนั้น พวกเขาคงจะหาคนสะกดจิตทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวนไปแล้ว เพียงแต่นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เฉินเจี๋ยกลับไม่ใส่ใจ แต่แอบยิ้มอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปแตะเรียวขาของหลีซืออวิ๋น และลวนลามเธออย่างอุกอาจ……

หลีซืออวิ๋นกำลังหงุดหงิดใจ ยกขาขึ้นมาเตรียมจะเตะเขา แต่เฉินเจี๋ยกอดขาของเธอไว้ และรีบพูดขึ้นว่า : “ผมมีแหล่งข่าวที่นี่ ไม่แน่อาจจะเป็นประโยชน์ก็ได้?”

หลีซืออวิ๋นเข้าใจความหมายของเฉินเจี๋ยทันที จึงปล่อยให้เขาทำต่อ

เธอหรี่ตาทั้งสองข้างลง พร้อมกับสะท้อนความเกลียดชังออกมาทางแววตาอย่างชัดเจน จากนั้นก็ถามขึ้นว่า : “ยังไม่รีบพูดอีก?”

“มีคนหลุดปากออกมาในกลุ่มสาวใช้ตระกูลเฟิง เป็นผู้หญิงที่ชื่อว่าหลิวหลี่ถง”

…..

เช้าตรู่ ในวันที่ท้องฟ้าสีขาวโพลน

การเคลื่อนไหวข้างกายทำให้เฉินฮวนฮวนสะดุ้งตื่น

“ทำคุณตื่นเหรอ?” เมื่อตระหนักได้ถึงการเคลื่อนไหวของผู้หญิงในอ้อมกอด เฟิงหานชวนจึงถามออกไปเบา ๆ

เขาเตรียมจะลุกจากที่นอน แต่พบว่าเฉินฮวนฮวนตื่นพอดี จึงรีบกลับมากอดเธอไว้

“คุณรีบไปบริษัทเถอะ ฉันไม่อยากถ่วงเวลาคุณ” เสียงของเฉินฮวนฮวนเหมือนยังไม่คงที่ จึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เมื่อพบว่าเฉินฮวนฮวนยังให้ความสำคัญกับตัวเอง ดวงตาทั้งสองข้างของเฟิงหานชวนฉายแววดีใจทันที จากนั้นก็โอบไหล่ของเฉินฮวนฮวนและออกแรงบีบเล็กน้อย

“โอ๊ย——”

เมื่อบาดแผลถูกกดทับ ถึงแม้จะตกสะเก็ดแล้วก็ตาม แต่ก็ยังปวดระบมอยู่

เฉินฮวนฮวนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

เฟิงหานชวนรีบปล่อยมือทันที ก่อนจะถามขึ้นด้วยความร้อนใจว่า : “ฮวนฮวน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“ไม่เป็นไรค่ะ” เฉินฮวนฮวนส่ายหน้า

“ขอโทษนะ ผมไม่ทันระวัง ให้ผมดูแผลที่ตกสะเก็ดหน่อย” เฟิงหานชวนลุกขึ้นมา เปิดผ้าห่ม ก่อนจะเอื้อมมือออกไปเปิดชายเสื้อชุดนอนของฝ่ายหญิงขึ้น

ในขณะที่กำลังเปิด กลับถูกเฉินฮวนฮวนขวางไว้

“ไม่ต้องดูหรอกค่ะ คุณดูทั้งวันแล้วไม่ใช่เหรอคะ?” เฉินฮวนฮวนถามเขาด้วยท่าทางนิ่งเฉย

ช่วงนี้บาดแผลผ่าตัดจำเป็นต้องทายาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็เป็นฝีมือของเฟิงหานชวนทั้งสิ้น

“ฮวนฮวน คุณยังไม่……ให้อภัยผมเหรอ?” เฟิงหานชวนกุมมือเล็ก ๆ ของเธอไว้แน่น จากนั้นก็ถามออกไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเล็กน้อย : “เรากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ไหม?”

เฉินฮวนฮวนอึ้งงันไป แต่กลับไม่ตอบ

ทุกวันนี้เธอเฝ้าแต่ถามตัวเองว่าควรจะให้อภัยเฟิงหานชวนดีไหม ควรจะอยู่กับเขาต่อไปดีไหม?

ทุกครั้งที่เธอเห็นเฟิงหานชวนดูแลเอาใจใส่เธอ เกราะป้องกันของเธอจึงค่อย ๆ ลดลง แต่ในตอนที่เธออยากจะโผเข้าไปในอ้อมกอดเขานั้น ภาพใบหน้าที่ซีดเผือด อ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างของคุณยายก็แวบเข้ามาในสมองของเธออีกครั้ง

ใช่ ตอนที่คุณยายจากโลกนี้ไป ตาของเธอไม่หลับ

เธอรู้ว่าการจากไปของคุณยาย เป็นฝีมือของเฉินเหม่ยเจวียน แต่กลับเป็นเพราะเฟิงหานชวน เธอจึงเข้าไปขวางเฉินเหม่ยเจวียนไม่ได้ และไม่ได้เห็นช่วงเวลาสุดท้ายของคุณยาย

“คุณยังอยากรับผิดชอบฉันอีกไหม? ฉันอาจจะ……มีลูกไม่ได้ไปอีกตลอดชีวิต?” เฉินฮวนฮวนหันกลับมา ดวงตาไร้ความรู้สึกคู่นั้นมองไปยังผู้ชายที่อยู่ข้างกาย

เธอยิ้มอย่างราบเรียบและพูดว่า : “จริง ๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบฉันเพราะความเป็นสามีของคุณก็ได้ คุณช่วยฉันมาเยอะแล้ว ทดแทนในคืนนั้นไปหมดแล้ว”

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่น มือทั้งสองข้างกุมไหล่ที่อ่อนแอของเธอจากนั้นก็มองเข้าไปในดวงตาของเธออย่างจริงจัง ก่อนจะพูดเน้นย้ำทีละคำว่า : “ฮวนฮวน ผมยอมรับที่ตอนแรกผมแค่อยากรับผิดชอบคุณ แต่ตอนนี้ไม่ใช่…”

“ตอนนี้ ผมอยากให้เราอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ผมขาวไปด้วยกัน รักกันตลอดไป”

“ถึงจะไม่มีลูก ก็ไม่เป็นไร เราอยู่ในโลกของเราสองคนไปตราบนานเท่านาน”

“ถ้าคุณชอบเด็ก เรารับเลี้ยงเอาก็ได้ ผมไม่ได้หัวโบราณ ดังนั้นจึงไม่มีความคิดที่จะมีทายาทสืบสกุล”

“ฮวนฮวน ผมรักคุณนะ หลังจากนี้ผมจะดูแลคุณไปตลอดชีวิต ดีไหม?”

…….

หลังจากที่ผู้ชายพูดจบ เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เฉินฮวนฮวนยังตกอยู่ในอาการเหม่อลอย

เฟิงหานชวนไม่ได้เร่งเร้าเธอ เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนกำลังคิด เขาจึงให้เวลาเธอได้คิดไตร่ตรอง

เธอใช้เวลาคิดนานมาก พิสูจน์ได้ว่าในใจของเธอนั้นยังแคร์เขา ไม่อย่างนั้น เธอคงจะปฏิเสธเขากลับไปโดยไม่ลังเลแล้ว

“คุณรีบไปทำงานที่บริษัทเถอะค่ะ ฉันค่อยให้คำตอบคุณตอนค่ำ” เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนอยู่ในใจ สับสนจนไม่สามารถตอบคำถามของเฟิงหานชวนตอนนี้ได้

“ได้ ผมจะรอคุณ” เฟิงหานชวนเข้าใจชัดเจน

ถึงแม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะยังให้คำตอบที่แน่นอนแก่เขาไม่ได้ แต่เขาก็มองออก เฉินฮวนฮวนถูกเขาล่วงเกิน จึงเกิดความลังเลเล็กน้อย

เชื่อว่าตอนค่ำจะมีคำตอบที่ดี

ช่วงเวลาแบบนี้ บริษัทมีโครงการที่ยังไม่สะสางมากมาย จึงต้องให้เขามารับผิดชอบโครงการสำคัญ ดังนั้นเขาจึงต้องไปจัดการที่บริษัทก่อน

ก่อนจะจากไปนั้น เฟิงหานชวนอดใจไม่ไหว พรมจูบไปบนหน้าผากของเฉินฮวนฮวนอย่างอ่อนโยนไปหนึ่งครั้ง ก่อนจะไปบริษัทอย่างอารมณ์ดีในที่สุด

เมื่อเห็นแผ่นหลังของผู้ชายจากไป แววตาของเฉินฮวนฮวนก็หม่นหมองลง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมา กดเบอร์ใครคนหนึ่ง

หลังจากที่ได้รับการตอบกลับ เฉินฮวนฮวนก็ไปหาแม่บ้านหลี่ บอกว่าจะไปสุสาน แม่บ้านหลี่รู้ว่าเป็นเรื่องของเธอและเฟิงหานชวน จึงรับทราบ ไม่ได้ขวางอะไร

แม่บ้านหลี่ถามแค่ว่า : “ฮวนฮวน ตอนเที่ยงจะกลับมาทานอาหารไหมคะ?”

“อื้อ กลับค่ะ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า

แม่บ้านหลี่วางใจ ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ตอนที่เฉินฮวนฮวนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น แม่บ้านหลี่ก็รีบโทรศัพท์หาเฟิงหานชวนทันที

เฟิงหานชวนรู้สึกเป็นกังวล เฉินฮวนฮวนไปสุสาน ต้องไปหาคุณยายของเธอแน่ ๆ บางที….เธอกำลังเลือกที่จะให้อภัยเขาอู่ก็ได้?

……..

ตอนเที่ยง เฉินฮวนฮวนกลับมาตามสัญญา

แม่บ้านหลี่เตรียมอาหารเที่ยงไว้พร้อมแล้ว เฉินฮวนฮวนกินไปเยอะมาก ดูท่าทางจะถูกปากไม่ใช่น้อย

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนขึ้นไปพักผ่อนข้างบนแล้ว แม่บ้านหลี่ก็โทรรายงานเฟิงหานชวนอีกครั้ง

หลังจากที่เฟิงหานชวนได้ฟัง สภาพจิตใจของเขาก็ดีขึ้นมาทันที เพราะช่วงนี้เฉินฮวนฮวนทานข้าวน้อยมาก เจริญอาหารแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะให้อภัยเขาแน่ ๆ

เขาแทบอยากจะบินไปหาเธอตอนนี้เลย

แต่เขาไม่กล้ากลับไป เพราะเฉินฮวนฮวนพูดไว้ว่าจะให้คำตอบเขาตอนค่ำ เรื่องที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือตั้งใจทำงาน

แม่บ้านหลี่โทรศัพท์หาเฟิงหานชวนเสร็จ ก็มองไปทางตะเกียบที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาทันที

“หลี่ถง มีใครอยู่ไหม? ทำไมไม่มีคนมาเก็บจานชามเลย?” แม่บ้านหลี่ตะโกนเรียกเสียงดัง

เสี่ยวลี่กำลังรดน้ำอยู่ข้างนอกก็รีบวิ่งเข้ามา และพูดว่า : “แม่บ้านหลี่ เดี๋ยวฉันเก็บเองค่ะ หลี่ถงได้รับโทรศัพท์ และก็ออกไปเลยค่ะ….”

“โทรศัพท์จากใคร? ทำตัวลับ ๆ ล่อ อย่าให้รู้นะว่าแอบอู้งาน แม่จะเพิ่มงานให้หนักเลย!” ปกติแม่บ้านหลี่จะใจดีและเมตตา แต่ถ้าโกรธขึ้นมา ยิ่งกว่าพายุเสียอีก