War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1774
ตอนที่ 1,774 : วังกับบึง

ณ ทางเข้าแดนลับเซียน ปรากฏร่างคน 3 คนถูกขับออกมา

ทันทีที่ทั้ง 3 ปรากฏตัวออกมา ย่อมดึงดูดความสนใจของเหล่าอาวุโสตำหนักฟ้าลี้ลับไม่น้อย ทั้งหมดทยอยกันลืมตาขึ้นมาดูว่าเป็นใครทันที

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า?”

หน้าจ้าวเติงเปลี่ยนไปทันใดเมื่อเห็นร่างทั้ง 3 …เพราะนั่นเป็นคนสกุลจ้าวของมัน!

ต้องทราบด้วยว่าคนของสกุลจ้าวมัน นับรวมบุตรชายอย่างจ้าวจี้แล้ว ก็มีเพียง 5 คนเท่านั้นที่เข้าไปในแดนลับเซียน!

ทว่าภายในเวลาแค่เดือนเดียวกลับมีถึง 4 คนที่ถูกกำจัดออกมา!

เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของจ้าวเติง ทั้ง 3 ที่พึ่งถูกขับออกจากแดนลับเซียนได้แต่ก้มหน้าลงอย่างขื่นขม หากแต่ในใจอดลอบสบถไปไม่ได้ ‘พวกเราถูกขับออกมาแล้วอย่างไรเล่า กระทั่งลูกเจ้ายังโดนเตะออกมาใน 3 วันมิใช่หรือไง? ทั้งหมดก็เพราะลูกเจ้าไปมีเรื่องหลิงเทียนทั้งสิ้น!!’

ไม่น่าแปลกใจที่พวกมันจะคิดแบบนี้

ถึงพวกมันจะเป็นคนของสกุลจ้าว แต่พวกมันก็เป็นศิษย์วังลี้ลับด้วย…ในอดีตพวกมันไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกับต้วนหลิงเทียนเลยด้วยซ้ำ

แต่ต้วนหลิงเทียนกลับฆ่าร่างอวตารของพวกมัน ขับไล่พวกมันออกจากแดนลับเซียนแบบนี้เพียงเพราะพวกมันมีฐานะเป็นคนของสกุลจ้าว…

“พวกเราทั้ง 3 ถูกหลิงเทียนฆ่าตาย…”

เผชิญกับจ้าวเติงที่สีหน้าบิดเบี้ยวถมึงทึง หนึ่งในศิษย์วังลี้ลับแซ่จ้าวพลันรวบรวมความกล้ากล่าวออก “มันร้ายกาจเกินไป พวกเรามิมีปัญญาจะสู้กับมันเลย…”

หลิงเทียน!

หลิงเทียนอีกแล้ว!

ได้ยินคำศิษย์วังลี้ลับแซ่จ้าวกล่าวออก สายตาของอาวุโสตำหนักฟ้าลี้ลับหันไปมองจ้าวเติงทันที ในแววตาเผยความเวทนาออกมาเล็กน้อย

“มันอีกแล้ว!”

จ้าวจี้แค่นคำออกมาเสียงเย็น จิตสังหารปะทุออกในแววตาแรงกล้า

“ท่านอาจารย์ เป็นพวกมันที่ฆ่าข้า”

ตอนนี้เองชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆจ้าววังปฐพีพลันกระซิบกล่าวออกมาเสียงเบา หากแต่ในแววตากลับเผยให้เห็นถึงความสะใจและสมน้ำหน้าไม่น้อยขณะมองไปยังร่างศิษย์วังลี้ลับแซ่จ้าวทั้ง 3

ศิษย์คนนี้ไม่ใช่ใครอื่น มันเป็นสหายกับเซียวตุน! และมรดกเวทย์พลังทั้ง 2 แห่ง ก็เป็นมันค้นพบด้วยวิชาเนตรอันน่าทึ่งของมัน!!

อนิจจาหลังจากที่ค้นพบมรดกเวทย์พลังทั้ง 2 แห่ง มันก็ไม่ทันได้รับสืบทอดมรดกอะไร กลับต้องมาตกตายขณะที่กำลังหาคนช่วยเสียอย่างนั้น…

ตอนนี้พอได้เห็นคนที่ฆ่ามันอย่างทั้ง 3 ถูกฆ่าออกมาเช่นกัน ใจมันก็รู้สึกยินดีทั้งสมใจนัก ความขุ่นเคืองอันใดก่อนหน้าสลายหายไปสิ้น

จ้าววังปฐพีพยักหน้า “ช่างน่าเสียดายมรดกเวทย์พลังทั้ง 2 นั่นของเจ้านัก แต่ก็ยังดีที่ศิษย์วังนภาได้ไป…จากที่ทั้ง 3 นั่นถูกขับออกมาหลังเจ้าได้ไม่นาน ข้าเชื่อว่าหลิงเทียนต้องบังเอิญผ่านมาและช่วยสหายเจ้าเอาไว้แน่”

“สมควรเป็นเช่นนั้น”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ในแววตามันเผยให้เห็นถึงความอิจฉาเล็กน้อย แต่ไร้ซึ่งความริษยาแต่อย่างไร

เพราะมันกับศิษย์วังนภาอย่างเซียวตุนนั้นเป็นสหายอันดีกันมานาน ทั้งคู่สนิทกันตั้งแต่ยังไม่เข้าร่วมตำหนักฟ้าลี้ลับเป็นสิบๆปี พอพบว่าเซียวตุนสมควรแคล้วคลาดปลอดภัย มันก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

‘บัดซบ! มรดกเวทย์พลังไม่พ้นตกเป็นของหลิงเทียนอีกแน่!’

จ้าวเติงรู้สึกโมโหจนแทบบ้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ตรงนี้มันคงได้ลงมือด้วยความโมโหเป็นแน่

“อนิจจา…ดูเหมือนบางคนถูกลิขิตมาให้พลาดมรดกเวทย์พลังที่ข้าพบทั้ง 2 แห่งนั่น…”

ในขณะที่จ้าวเติงกับบุตรชายอย่างจ้าวจี้กำลังโมโหแทบบ้า ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆจ้าววังปฐพีพลันมองศิษย์วังลี้ลับแซจ้าวทั้ง 3 พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงคล้ายเสียดาย หากแต่สีหน้าแววตากลับสนุกสนานนัก

“เจ้าว่าอะไร?”

“มรดกเวทย์พลัง 2 แห่ง!?”

“เจ้า…เจ้าพบมรดกเวทย์พลังถึง 2 แห่ง?”

ทันใดนั้นศิษย์วังลี้ลับแซ่จ้าว 2 คนอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาเสียงดัง พวกมันคือ 2 ใน 3 ของคนที่พึ่งถูกหลิงเทียนฆ่าออกมา และเป็นคนที่ลงมือฆ่าศิษย์วังปฐพีคนนี้

“ข้าถูกพวกเจ้าฆ่าตายออกมาแล้วข้ายังจะต้องโกหกพวกเจ้าไปทำอะไร? ข้าเชื่อว่าตอนนี้ศิษย์พี่หลิงเทียนกับสหายของข้าอย่างเซียวตุนคงแบ่งปันกัน และกำลังเดินทางไปรับมรดกเวทย์พลัง 1 ใน 2 นั้นแล้วล่ะ…”

ศิษย์วังปฐพีกล่าวออกอีกครั้ง ในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความยินดี

“นี่…”

ศิษย์วังลี้ลับแซ่จ้าวทั้ง 3 ถึงกับตะลึงไปทันใด นี่พวกมันพึ่งพลาดมรดกเวทย์พลังไปถึง 2 แห่งงั้นเหรอ?

“สองมรดกเวทย์พลัง!”

หลายคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจ้าวเติงที่กำลังโมโหแทบบ้า หลังได้ยินคำกล่าวของศิษย์วังปฐพี เพราะต่างรู้ดีว่าตอนนี้ใครที่กำลังเสียดายมากที่สุด และคับแค้นมากที่สุด…

“เป็นไปได้อย่างไรกัน! หลิงเทียนมันทำอันใดมากันแน่ ไฉนถึงมีโชคเช่นนี้ได้!!”

ลูกตาจ้าวจี้แดงฉานไปดวยเส้นโลหิตฝอยแลดูโมโหคับแค้นนัก แววตาเผยความไม่ยินยอมถึงขีดสุด!

“ฮัยยา…โชคของสหายน้อยหลิงเทียนนับว่ายอดเยี่ยมจริงๆ”

จ้าววังเหลือง เฉียนผิงเชิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“จริงแท้”

หลายคนเห็นด้วย

“ฮ่าๆๆ…น้องหลิงเทียนนับว่าเหนือความคาดหมายยิ่ง!”

กู่ลี่ยิ้มร่า

‘หลิงเทียนผู้นั้นกลับมีโชคขนาดนี้…ข้าสงสัยนักว่าเขาจักใช่จ้าวตำหนักน้อยของพวกเราหรือไม่?’

กู่มี่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศอย่างเงียบงัน หากแต่ในใจหาได้เงียบงันดังท่าทางไม่

ในเวลาเดียวกันด้านในแดนลับเซียน ต้วนหลิงเทียนก็มองถามเซียวตุน “ตอนที่พวกเจ้าลองเข้าไปในเขตพื้นที่มรดกเวทย์พลัง และพบว่ามีศัตรูที่พลังฝึกปรือไล่เลี่ยกัน..นั่นหมายความว่าพื้นที่มรดกเวทย์พลังทั้ง 2 ที่พวกเจ้าพบสมควรมีระดับเดียวกัน…เช่นนั้นเจ้าเลือกก่อนเถอะว่าอยากได้อันใด”

เนื่องจากในเมื่อพวกมันมีระดับเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็คร้านจะสนใจอะไรมากมาย

“ท่านให้ข้าเลือกก่อนหรือศิษย์พี่หลิงเทียน…เช่นนั้นหากข้าเลือกอันที่อยู่ในวังเล่า?”

เซียวตุนมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความระมัดระวัง ในแววตาเผยความกล้าๆกลัวๆ หากแต่ลึกลงไปก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง

เห็นแววตามองมาทั้งกล้ากลัวๆทั้งคาดหวังของเซียวตุน ต้วนหลิงเทียนในที่สุดก็พยักหน้ารับ “เอาสิ”

โบราณสถานอันเป็นที่ตั้งมรดกเวทย์พลังที่เซียวตุนกับสหายค้นพบแม้จะมีระดับพอๆกัน หากแต่พวกมันก็อยู่ห่างกันแถมตั้งอยู่คนละทิศละทาง…ที่สำคัญพวกมันยังแลดูแตกต่างกันมาก

หนึ่งเป็นปราสาทใหญ่โตเหมือนพระราชวังอันวิจิตรหรูหรา และเซียวตุนกับสหายก็ถูกสัตว์ร้ายปรากฏกายออกมาขัดขวางตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าไปในวัง!

ส่วนอีกแห่งนั้นเป้นพื้นที่บึงที่แลดูลี้ลับ บรรยากาศแลดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ…ด้านนอกก็มีสัตว์ร้ายโผล่มาขวางไว้เช่นกัน

ถึงแม้ว่าความยากลำบาก ทั้งพลังฝีมือของสัตว์ร้ายที่โผล่ออกมาขัดขวางจะพอๆกัน แต่ตราบใดที่เป็นคนปกติย่อมเลือกที่เป็นวังเอาไว้ก่อน เพราะมันแลดูหรูหรามีระดับมากกว่า…เช่นนั้นมรดกเวทย์พลังก็น่าจะมีระดับสูงกว่า แต่แน่นอนว่าบททดสอบสมควรไม่ง่ายเลย!

หากให้ต้วนหลิงเทียนเลือกก่อน เขาก็ต้องเลือกอันที่อยู่ในพระราชวังหรูหรานั่นเช่นกัน

อย่างไรก็ตามในเมื่อเซียวตุนเลือกอันนี้แล้วเขาก็ไม่ได้อะไรมากมาย เพราะสุดท้ายแล้วพวกมันก็เป็นเบาะแสที่เซียวตุนกับสหายหาพบ

หากไม่มีเซียวตุนเขาก็คงต้องงมหาไปอีกพักใหญ่กว่าจะพบมรดกเวทย์พลังอีกสักที่…

“ถ้างั้นพวกเราก็ไปพื้นที่มรดกเวทย์พลังที่เจ้าเลือกก่อนแล้วกัน…หลังจากที่ได้รับสืบทอดมรดกเวทย์พลังนั่นแล้วเจ้าค่อยนำทางข้าไปยังพื้นที่มรดกเวทย์พลังอีกแห่ง พอไปถึวแบ้สเจ้าก็ออกเดินทางหามรดกเวทย์พลังชิ้นอื่นต่อได้เลย ไม่ต้องรอข้าให้เสียเวลา”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกเซียวตุน

“ศิษย์พี่หลิงเทียน ท่านไฉนไว้ใจข้าขนาดนี้เล่า?”

เซียวตุนประหลาดใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะตัดสินใจแบบนี้ มันคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรไปที่บึงเพื่อรับสืบทอดมรดกเวทย์พลังก่อนค่อยย้อนกลับมาที่วังของมันด้วยซ้ำ

“เจ้าก็เป็นศิษย์วังนภาไม่ใช่รึไง ทำไมข้าจะไว้ใจไม่ได้?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงท่าทางสบายๆ แต่พอเข้าหูเซียวตุน ก็ทำให้เซียวตุนรู้สึกตื้นตันทั้งมั่นใจขึ้นมาไม่น้อย ทว่ายังทำให้มันบังเกิดความละอายใจด้วยเช่นกัน ถึงขั้นอยากจะมุดดินหนีไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด…เพราะมันดันเลือกวังที่แลดูดีกว่าแทนที่จะเป็นบึง

“ศิษย์พี่หลิงเทียน ไฉนพวกเราไม่เปลี่ยนกันเล่า…ถึงทั้ง 2 ที่อาจะมีระดับเท่าๆกัน แต่ข้าว่าในวังน่าจะดีกว่า เช่นนั้นท่านไม่สู้รับมรดกเวทย์พลังในวังไปเถอะ…”

สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกใหญ่ เวียวตุนตัดสินใจกล่าวออก

“เจ้าสามารถกล่าวออกมาแบบนี้ได้ ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเจ้าเองนับว่ามีความจริงใจไม่น้อย แต่ในเมื่อพวกเราตกลงกันแล้วก็เอาตามนั้นเถอะอย่าได้คิดมากให้วุ่นวาย มรดกเวทย์พลังในวังนั่นเป็นของเจ้า”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกปัไปอย่างไม่ยี่หระ

“นำทางไปสิ…”

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ให้เซียวตุนนำทางไปรับมรดกเวทย์พลังในวัง

หนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนผ่านไป เซียวตุนพาต้วนหลิงเทียนเดินทางผ่านทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ก่อนที่สุดท้ายจะไปหยุดหน้าทะเลสาบขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

“เห? ทางเข้าอยู่ในทะเลสาบงันเหรอ?”

ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ

“ใช่แล้วศิษย์พี่”

เซียวตุนพยักหน้ารับ ก่อนที่จะโดดลงน้ำและพุ่งดำลงไปอย่างเชี่ยวชาญปานมนุษย์มัจฉา

ต้วนหลิงเทียนก็พุ่งตามลงไปติดๆ

เมื่อด่านพลังฝึกปรือมาถึงระดับนี้แล้ว คิดกางกั้นม่านพลังเพื่อไม่ให้น้ำกร้ำกรายเปียกตัวก็นับเป็นอะไรที่ง่ายดายนัก หากแต่บางคนก็เลือกที่จะเปียกน้ำเพราะความชอบส่วนตัว…

เมื่อเข้าใกล้ใต้ทะเลสาบต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังอาคม

และพอมองไปเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าเซียวตุนกลับหายไปต่อหน้าต่อตา พอเขาพุ่งตามเข้าไปก็พบว่าทัศนวิสัยพลันกลับกลายเป็นมืดดำทันที

แต่ไม่ทันไรก็ปรากฏแสงสว่างไสว ดึงสติเขาให้กลับมาจดจ่ออยู่กับเรื่องราวเบื้องหน้า…ตอนนี้เขามาโผล่ในสถานที่แปลกตาแล้ว!

เป็นสถานที่อันวิจิตรงดงามนัก โดยรอบเต็มไปด้วยแก้วผลึกสวยงาม กลางพื้นที่ปรากฏพระราชวังหนึ่งตั้งตระหง่าน ด้านหน้าประตูเข้าพระราชวังโอ่อ่าวิจิตรงดงาม หากแต่น่าเกรงขามเสมือนอสูรบรรพกาลที่กำลังหมอบอยู่…

ทุกอย่างที่นี่เหมือนดั่งที่เซียวตุนอธิบายไว้ก่อนหน้าไม่มีผิด

“ศิษย์พี่หลิงเทียน มีสัตว์ร้ายประเภทวิหกอยู่ทั้งสิ้น 5 ตัว…พวกมันเป็นดั่งผู้พิทักษ์คอยปกป้องประตูพระราชวังหลังนี้เอาไว้ พลังฝึกปรือของมันอยู่ในขอบเขตเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด”

ตอนนี้เองเสียงเซียวตุนพลันดังขึ้นให้ต้วนหลิงเทียนได้ยิน “สัตว์ร้ายทั้ง 5 นั้นมันต่างสายพันธ์กัน รูปแบบการลงมือก็แตกต่าง ก่อนหน้านี้ข้ากับสหายแทบเอาตัวมิรอด…จากการประเมินของเราอย่างน้อยๆต้องใช้เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดรับมือพวกมัน 3 คนถึงจะเอาอยู่…”

“อย่างไรก็ตามหากเป็นผู้ที่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นต้นขึ้นไป ก็สมควรจัดการพวกมันได้ไม่ยาก…”

เซียวตุนกล่าวอธิบายถึงจุดนี้แววตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมา เพราะต้วนหลิงเทียนไม่ใช่แค่เซียนขัดเกลาขั้นต้นขึ้นไปธรรมดาๆ!

ต้วนหลิงเทียนเป็นเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!

ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดทั่วๆไป!!

“อืม”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ก่อนที่จะลงมือทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา ถีบเท้าคราหนึ่งส่งร่างพุ่งทะยานออกไปทางประตูเข้าพระราชวังปานอัสนี

ตอนนี้ประตูพระราชวังยังคงปิดอยู่

เมื่อร่างต้วนหลิงเทียนพุ่งไปได้ครึ่งทางก็มีเสียงร้องหลายสำเนียงดังขึ้นแต่ไกล

จากนั้นราวกับจะผุดโผล่ออกมาจากอากาศว่างเปล่า สัตว์ร้ายประเภทวิหกตัวเขื่อง 5 ตัวปรากฏขึ้นเหนือน่านฟ้าพระราชวัง!!