นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 281 น้ำท่วม 1

“ข้าก็ไม่มีเหมือนกัน อีกสองสามวันก็ต้องเข้าไปในตำบลเพื่อซื้อเสบียงอาหาร” โจวกุ้ยหลานปฏิเสธออกไป

โจวคายจือช่วยนางทำงาน คนอื่นนางก็ให้ค่าจ้าง แน่นอนว่านางก็ต้องให้โจวคายจือเช่นกัน ดังนั้นในทุกเดือนจึงมอบเงินให้นางสองตำลึง ให้นางเก็บไว้เพื่อเหล่าลูกของนาง แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ซุนโก่วต้านมาขอเงินอยู่เป็นประจำ วันนี้บอกว่าต้าหู่ไม่สบาย พรุ่งนี้บอกว่าต้าหู่ขาหัก แล้ววันมะรืนก็บอกว่าต้าหู่ไม่มีอะไรจะกิน

ตอนแรกมีต้าญาคอยปกป้องและแนะนำโจวคายจือ นางจึงมีความระมัดระวังอยู่บ้าง แต่หลังจากปีที่แล้ว ต้าญาแต่งงานและย้ายไปยังหมู่บ้านอื่น ซุนโก่วต้านก็หลอกเงินที่โจวคายจือมีไปจนหมด

โจวคายจือพูดด้วยความกลัว “กุ้ยหลาน ต้าหู่……ต้าหู่เป็นลูกชายของข้า ข้าไม่สามารถ……ข้าไม่สามารถทอดทิ้งเขาได้……”

“ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าทอดทิ้งเขา” โจวกุ้ยหลานพูดออกมาพร้อมหยิบอ่างไม้ เตรียมตัวไปซักผ้า

โจวคายจือร้อนรนแต่ก็ไม่กล้าทำให้โจวกุ้ยหลานโกรธ ดังนั้นจึงทำได้เพียงเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง

ซุนโก่วต้านรออยู่ด้านนอกอย่างใจจดใจจ่อ เดินเข้ามาจากลานบ้าน เห็นโจวคายจือยืนอยู่ในห้องด้วยความร้อนรน ยกขาขึ้นและกำลังจะเข้าไปในห้อง

“หากเจ้าก้าวเข้ามาอีกก้าวเดียว ข้าจะสั่งให้คนโยนเจ้าออกไป” โจวกุ้ยหลานพูดอย่างเยือกเย็น และยังคงทำในสิ่งที่ตนเองทำต่อไป

ที่แท้ก็เป็นซุนโก่วต้าน ไม่มีความสงสัยในคำพูดของโจวกุ้ยหลาน ดึงเท้ากลับไปทันที จ้องมองโจวคายจืออย่างใจจดใจจ่อ “เร็วเข้า ต้าหู่ยังนอนอยู่ที่บ้าน ! นี่พวกข้าไม่มีจะกินอยู่แล้ว เจ้ายังมัวชักช้าอยู่ที่นี่อีกงั้นหรือ ?”

โจวกุ้ยหลานทำเหมือนว่าตนเองไม่ได้ยิน ซักเสื้อผ้าของเด็กทั้งสองไปเรื่อย ๆ

ซุนโก่วต้านกลัวโจวกุ้ยหลาน ดังนั้นจึงทำได้เพียงยุยงโจวคายจืออยู่ด้านนอก

ด้วยบรรยากาศเช่นนี้ โจวกุ้ยหลานขยี้เสื้อผ้าจนเสร็จ ซักล้างด้วยน้ำสะอาด จากนั้นก็แขวนมันไว้ในห้อง แต่ในตอนที่สาดน้ำออกไปด้านนอก เกือบจะทำให้เสื้อผ้าของซุนโก่วต้านต้องเปียก แต่ซุนโก่วต้านก็ไม่กล้าพูดอะไร

ผ่านไปไม่นาน เอ้อร์ญาออกมาทำความสะอาดโต๊ะ ซุนโก่วต้านสาปแช่งเอ้อร์ญา กล่าวหาว่านางถีบหัวส่งผู้คอยให้ความช่วยเหลือเมื่อตนเองบรรลุเป้าหมาย

เอ้อร์ญาไม่สนใจเขา ทำงานของตนเองต่อไป

กินข้าวกลางวัน คนในครอบครัวมารวมตัวกัน ซุนโก่วต้านจ้องมองอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง รู้ดีว่าเขาคงไม่ได้กินมัน ช่วยไม่ได้ ทำได้เพียงลงไปจากเขา

ในตอนบ่าย ฝนเริ่มตกหนัก ฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วขนาดใหญ่ตกลงมากระทบพื้นทำให้เกิดเสียงเปาะแปะ เปาะแปะ

ทอดฟ้าเริ่มมืดลง ทำให้หัวใจของคนเต็มไปด้วยความอึดอัด

ในใจของโจวกุ้ยหลานเองก็รู้สึกตึงเครียด จ้องมองน้ำฝนบนพื้น รู้สึกว่าความเร็วในการไหลของน้ำฝนบนพื้นนั้นสู้ความเร็วของฝนที่ตกลงมาไม่ได้

จนถึงตอนพลบค่ำ ไม่มีวี่แววว่าฝนจะเบาลงเลย โจวกุ้ยหลานจึงบอกให้หลิวเกาและหลิวอ้ายอยู่ที่นี่ไปก่อน ตอนนี้ไม่เหมาะแกการลงเขา ไม่อย่างนั้นอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

สองพ่อลูกจ้องมองไปยังท้องฟ้า ใบหน้าของพวกเขาเองก็มืดมน แต่หลิวเกานึกขึ้นได้ว่าในห้องมีแต่ผู้หญิง การที่ตนเองอยู่ที่นี่คงไม่ใช่เรื่องเหมาะสม ดังนั้นเขาจึงยืนกรานที่จะลงจากภูเขา โจวคายจือพยายามเกลี้ยกล่อมเขาสองสามคำ แต่เขาก็ไม่ยอมฟัง

เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ โจวกุ้ยหลานก็ไม่บังคับเขา หาเสื้อกันฝนให้เขา ปล่อยให้เขาลงไปบนภูเขาคนเดียว และให้หลิวอ้ายอยู่บนเขาต่อไป

หลายคนสลบไสลและผล็อยหลับไป ฟ้าแลบ ฟ้าร้องอยู่ด้านนอก และฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ

โจวกุ้ยหลานนอนไม่หลับอีกต่อไป ความไม่สบายใจของนางมากขึ้นเรื่อย ๆ

กลางดึกได้ยินเสียงแผ่ว ๆ จ้อกแจ้กจอแจ

นางลุกขึ้น สวมเสื้อกันฝนและเดินออกไป เมื่อเดินออกไปถึงลานบ้านก็เห็นโจวคายจือเปิดประตู

“กุ้ยหลาน เกิดเรื่องอะไรผิดปกติงั้นเหรอ ?” ใบหน้าของโจวคายจือเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

หัวใจของโจวกุ้ยหลานเองก็หนักอึ้งเช่นกัน “เจ้าเข้าไปดูแลเด็กในบ้านก่อน อย่าให้พวกเขาออกมา ข้าจะออกไปดู”

ขณะที่พูดนางแตะกุญแจที่ถืออยู่ในอ้อมแขนของตน ไม่สนใจเสียงเรียกของโจวคายจือ เดินออกไปจากลานบ้าน

หลังจากเดินออกไปแล้ว นางก็ล็อคประตูของลานบ้าน ด้านนอกมีน้ำฝนไหลในทุกพื้นที่ โจวกุ้ยหลานเดินตามถนนบนภูเขาไปอย่างช้า ๆ ยิ่งเดินลงไปเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น มันเป็นเสียงร้องเรียก เสียงร้องไห้รวมกับเสียงฝน ทำให้หัวใจของคนตื่นตัว

น้ำป่าไหลแรงลงมาจากบนภูเขา โจวกุ้ยหลานจับต้นไม้ที่อยู่ด้านข้างเอาไว้ ค่อย ๆ เดินลงไปทีละน้อย ได้ยินแค่เสียงร้องไห้คร่ำครวญ หัวใจของนางจมดิ่งลง

นี่มัน……น้ำท่วมหมู่บ้านต้าสือ ?

เมื่อคิดถึงจุดนี้ก็มีเสียงฟ้าร้องในหู และเสียงกรีดร้องก็ปะปนกับเสียงคร่ำครวญรอบตัวของนาง

โจวกุ้ยหลานหันหลังกลับ ใช้มือและเท้าในการคืบคลานขึ้นไป เมื่อนางกลับมาถึงหน้าประตูอีกครั้ง นางเปิดประตูลานบ้านด้วยความสั่นเทาและรีบเข้าไปในห้อง

“กุ้ยหลาน เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ ?” โจวคายจือได้ยินเสียงจึงรีบออกมาจากในห้องและถามนางด้วยความร้อนใจ

โจวกุ้ยหลานเช็ดน้ำฝนออกจากร่างกายของนาง เข้าไปในห้องและทำการค้นหาไปทั่ว นำอ่างไม้ขนาดใหญ่ที่สุดออกมา ถือมันไว้และวิ่งไปด้านนอก

“พวกแม่จะต้องติดอยู่แน่นอน ข้าจะไปช่วยพวกเขากลับมา” โจวกุ้ยหลานพูดพร้อมกับแบกอ่างไม้ใบนั้นขึ้น

“ไม่ได้ ไม่ได้ นี่มันอันตรายเกินไป” โจวคายจือรั้งโจวกุ้ยหลานไว้ ไม่กล้าปล่อยให้นางไปเผชิญกับอันตรายครั้งนี้

ตอนนี้มันมืดมากแล้ว น้ำท่วมกระจายไปทุกพื้นที่ หากนางออกไปตอนนี้เกรงว่าคงไม่สามารถกลับมาได้

โจวกุ้ยหลานตบมือของนาง “เจ้าดูแลบ้านให้ดี อีกเดี๋ยวข้าจะกลับมา”

พูดจบก็เดินออกไปคนเดียว เอื้อมมือไปปิดประตูอีกครั้ง

อ่างไม้นั้นค่อนข้างหนัก โจวกุ้ยหลานหยุดพักอยู่หลายครั้งกว่าจะนำมันลงไปจากภูเขาได้

เมื่อถึงตีนเขา นางก็รู้ทันทีว่าน้ำท่วมครั้งนี้ไม่ธรรมดา นางวางอ่างไม้ลงในน้ำอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ลองเหยียบมันดู พบว่าอ่างไม้ไม่จมลงไปในน้ำ นางดีใจมาก จากนั้นก็ลงไปนั่งทั้งตัว ใช้มือทั้งสองข้างกวักน้ำ ไปตามหาเหล่าไท่ไท่ในทิศทางที่นางจำได้

เมื่อผ่านบ้านหลังแรกที่ด้านล่างของภูเขา ได้ยินเสียงเด็กและผู้หญิงกำลังร้องไห้คร่ำครวญ หัวใจของโจวกุ้ยหลานอ่อนลง แต่เมื่อนึกถึงเหล่าไท่ไท่ นางกัดฟันและแสร้ง แต่หลังจากพายออกไปได้ไม่นานทำเป็นไม่ได้ยิน นางสูดลมหายใจเขา ๆ จากนั้นหันทิศทางของอ่างไม้กลับมา ตะโกนถามหาเสียงร้องนั้น “พวกเจ้าอยู่ที่ไหน ?”

ได้ยินเสียงคนเรียกหา ครอบครัวนั้นเหมือนกับได้คว้าเส้นด้ายแห่งชีวิตไว้ ชายคนหนึ่งตะโกนออกมาว่า “สิบสามคน !”

โจวกุ้ยหลานกวักมือของนางอย่างต่อเนื่อง เคลื่อนตัวไปพร้อมกับอ่างไม้ เพียงเห็นว่าบ้านถูกน้ำท่วมไปกว่าครึ่ง เหลือเพียงหลังคาด้านบน

ตอนนี้ฝนยังตกอยู่ หากรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าเกรงว่าบ้านหลังนี้คงถูกน้ำท่วมถึงหลังคา เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าทุกคนคงถูกน้ำพัดไปจนหมด

ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดสนิท โจวกุ้ยหลานตะโกนออกมาเสียงดังว่า “อ่างไม้ของข้าสามารถพาออกไปได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น”

“ลูกชายของข้า ! ช่วยลูกชายของข้าไปด้วย !” ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับมาทันทีเมื่อเสียงของโจวกุ้ยหลานเงียบลง

ถึงจะต้องตาย ขอแค่ลูกชายยังมีชีวิตรอดต่อไปก็เพียงพอ……

ขณะที่กำลังคิดเช่นนี้อยู่ก็ได้ยินเสียงการปฏิเสธจากโจวกุ้ยหลาน “ข้าจะช่วยผู้ชายที่มีแรงมากที่สุดก่อน พวกเจ้าใครมีแรงมากสุด ให้ขึ้นมาบนอ้างไม้ของข้า”

“เพราะอะไร ? ลูกชายของข้ายังเล็ก !” ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับมาอย่างร้อนใจ

ผู้คนถูกรายล้อมไปด้วยความมืด ฝนที่ตกลงมาทำให้แม้แต่ดวงตาก็ลืมไม่ขึ้น ผู้หญิงคนนั้นเองก็มองไม่เห็นผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า หัวใจของนางร้อนรนมากขึ้น