บทที่ 392 แดนต้องห้ามอันธการ มหาสงคราม

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 392 แดนต้องห้ามอันธการ มหาสงคราม

หานเจวี๋ยไม่ทราบการเคลื่อนไหวภายในของเผ่าเทพอีกาทองและนิกายเจี๋ย หลังจากเคลื่อนย้ายเกาะสำนักซ่อนเร้นแล้ว หานเจวี๋ยก็กลับมาฝึกบำเพ็ญต่อ

เพื่อไม่ให้ถูกพบอีก หานเจวี๋ยจึงจำต้องดูดซับแรงกรรมจากบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร

หลังจากที่ได้เรียนรู้จากตี้หล่านเทียนแล้ว หานเจวี๋ยก็รู้สึกได้ถึงความกดดดัน

แม้ว่าตี้หล่านเทียนจะมีตบะเป็นต้าหลัว อีกทั้งยังได้รับพลังจากบรรพชนมาร แต่การถูกเขาสั่นสะเทือนจนตาย หานเจวี๋ยก็ยังรู้สึกรับไม่ได้อยู่ดี

ดูอย่างหลี่เต้าคง ถึงแม้เจ้าตัวเพิ่งจะก้าวสู่ต้าหลัว แต่ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับเจ้าพ่อจากไหน ก็ไม่เคยบาดเจ็บสาหัสเลยสักครั้ง

‘ไม่ได้! ข้าต้องเก่งกว่าหลี่เต้าคง!’ หานเจวี๋ยตั้งเป้าหมายให้กับตนเอง พลังการต่อสู้จะต้องเหนือกว่าหลี่เต้าคง!

หลี่เต้าคงเป็นคนเดียวในหมู่สหายของหานเจวี๋ยที่ไม่เคยล้มลุกคลุกคลาน และยังเป็นชายที่สำมะเลเทเมาที่สุด

นี่หมายความว่าอะไรน่ะหรือ ก็หมายความว่าหลี่เต้าคงแข็งแกร่งที่สุดน่ะสิ! พรสวรรค์ของเขาแข็งแกร่งกว่าสหายของหานเจวี๋ยทุกคน!

ศิษย์เอกนิกายเหริน ความสำเร็จส่งต่อมาทางสายเลือดถึงสองคน สายตาของอริยะช่างร้ายกาจนัก!

เมื่อตั้งเป้าหมายแล้ว จิตวิญญาณในการฝึกบำเพ็ญของหานเจวี๋ยก็พลันตื่นตัวขึ้นมา

เจ็ดปีต่อมา จู่ๆ หานเจวี๋ยก็สังเกตว่ามีสิ่งมีชีวิตในแดนชำระบาปเก้าขุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หานเจวี๋ยอ่านจดหมาย ก็รับรู้ได้สิ่งความผิดปกติ

[จั้งกูซิงสหายของท่านเข้าสู่แดนชำระบาปเก้าขุม]

เป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งที่ชีวิตที่โผล่มาบ่อยๆ ในช่วงนี้คือผู้บำเพ็ญจากวังเทพ?

ยิ่งคิด หานเจวี๋ยก็ยิ่งเห็นถึงความเป็นไปได้

ตี้หล่านเทียนเห็นหลี่ว์ปู้เข้า ยังเข้าใจผิดว่าเป็นจู่ถู

วังเทพเป็นดั่งฝูงมังกรไร้หัวหน้า หลังจากถูกวังสวรรค์ทำลายจนย่อยยับ เหล่าผู้บำเพ็ญแห่งวังเทพก็ได้ยินข่าวว่าจู่ถูอยู่ที่แดนชำระบาปเก้าขุมแห่งนี้ มีเหตุผลอันใดที่จะไม่หนีมาล่ะ

ตี้หล่านเทียนไม่อยากครอบครองแดนชำระบาปเก้าขุมแล้วหรือ เหตุใดถึงปล่อยข่าวลือเช่นนี้ออกไป

หานเจวี๋ยรู้สึกใจคอไม่ดี ‘ถึงเวลาเผ่นแล้ว!’

หานเจวี๋ยควบคุมเกาะสำนักซ่อนเร้น ทำลายมิติของแดนชำระบาปเก้าขุม และบังคับให้กลับไปอยู่ในยมโลก

ทุกวันนี้มิติของแดนชำระบาปเก้าขุมนั้นอ่อนแอเกินไป แม้แต่พวกจักรพรรดิเซียนทั่วไปก็สามารถเข้าออกได้เป็นว่าเล่น

หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงไปหาหลิวเป้ย ให้หลิวเป้ยนำเกาะสำนักซ่อนเร้นย้ายไปยังสถานที่ที่เขาเรียกว่าแดนต้องห้ามอันธการ

หลิวเป้ยทำตามคำสั่งทันที สำนักซ่อนเร้นที่มีขนาดใหญ่เท่ากับก้อนหินก้อนหนึ่ง ถูกหลิวเป้ยกำไว้ในมือ ทั่วทั้งเกาะตกสู่ความมืดมิดในทันใด

เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นรู้สึกว่าเกาะสำนักซ่อนเร้นกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว

“เกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าพวกเรากำลังจะไปจากแดนชำระบาปเก้าขุมแล้ว!”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลเอ่ยถามด้วยความตื่นตะลึง

ไก่คุกรัตติกาลกลอกตาให้กับเขาหนึ่งที และเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “พี่ใหญ่ เจ้าสมองสุนัขไปแล้วหรือไร ตอนนี้คนมาหาเรื่องพวกเรานับวันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องหนีอยู่แล้วสิ! หลิวเป้ยออกไปแล้ว เขาต้องไปนำทางให้พวกเราอยู่แน่เลย!”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลมีสีหน้าซีดเซียว แม้ว่าที่ไก่คุกรัตติกาลพูดจะมีเหตุผล แต่นี่มันช่างไม่มีความเคารพเขาเลยสักนิด!

สุนัขสวรค์ฮุ่นตุ้นกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “อย่ามาดูถูกสุนัขนะ!”

ลี่เหยาถอนหายใจอย่างโล่งอก นางรู้สึกมานานแล้วว่าแดนชำระบาปเก้าขุมไม่ปลอดภัย โชคดีที่หานเจวี๋ยก็รับรู้ถึงเรื่องนี้เช่นกัน

เจียงอี้ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พวกเจ้าคิดว่าเราจะไปที่ไหนกันต่อหรือ”

ยังมีที่ที่เงียบสงบกว่าแดนชำระบาปเก้าขุมอีกหรือไม่

คนอื่นๆ ต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานา

หานเจวี๋ยได้ยินการสนทนาของพวกเขา แต่ก็ไม่เอ่ยปากแต่อย่างใด

จิตรับรู้ของเขามองออกไปข้างนอกตลอดเวลา เพราะกลัวว่าหลิวเป้ยจะเผชิญกับเหตุร้ายขึ้นมา

หลังจากเกาะสำนักซ่อนเร้นไปจากแดนชำระบาปเก้าขุมได้ไม่นาน ก็มีกลุ่มอิทธิพลกลุ่มหนึ่งมาถึงแดนชำระบาปเก้าขุม

แดนชำระบาปเก้าขุมสับสนอลม่านไปทุกหนแห่ง!

ห้าปีต่อมา

ในที่สุดหลิวเป้ยก็นำทางเกาะสำนักซ่อนเร้นมาจนถึงมิติลึกลับแห่งหนึ่ง หานเจวี๋ยจึงสั่งให้เขากลับเข้ามาในเกาะ

หลังกลับเข้าสู่เกาะแล้ว หลิวเป้ยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ห้าปีที่ผ่านมาเขารู้สึกตึงเครียดจนถึงขีดสุด เพราะกลัวว่าจะเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่ง

ทุกวันนี้ยมโลกนั้นช่างโกลาหลวุ่นวายอย่างยิ่ง นอกจากภูติผีแล้ว ยังมีสิ่งที่ชีวิตที่หลบหนีจากเคราะห์กรรมลงมาจากแดนเซียน พญายมเองก็ดูเหมือนจะควบคุมความสงบเรียบร้อยเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป หลิวเป้ยเองก็ได้พบเห็นการรรบราฆ่าฟันกันมากมาย

หานเจวี๋ยบังคับเกาะสำนักซ่อนเร้นให้มุ่งหน้าต่อไป ขณะเดียวกันก็เกิดคำถามขึ้นในใจ “อาณาเขตเต๋าในแดนต้องห้ามอันธการจะปลอดภัยจริงๆ หรือ”

มีปัญหาทั้งหมดสองข้อ

อย่างแรกมันคือแดนต้องห้ามอันธการหรือไม่

อย่างที่สองมันปลอดภัยหรือไม่

[ปลอดภัยในเบื้องต้น]

ครั้งนี้ระบบไม่ได้หักอายุขัย ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นต้องวิวัฒนาการ

หานเจวี๋ยถอนหายใจอย่างโล่งอก

ในที่สุดก็สามารถซ่อนตัวได้สักที!

เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาตามทางเข้าที่หลิวเป้ยค้นพบ หานเจวี๋ยบังคับเกาะสำนักซ่อนเร้นให้เลี้ยวไปทางซ้ายทีขวาทีในแดนต้องห้ามอันธการ ขณะเดียวกันก็ตรวจจับศัตรูที่อยู่โดยรอบไปด้วย

ไม่มีศัตรูที่แข็งแกร่ง!

ไม่มีสิ่งมีชีวิตแม้แต่อย่างเดียว ดูเหมือนว่าแดนต้องห้ามอันธการจะไม่มีคนอยู่จริงๆ

หานเจวี๋ยรู้สึกสงสัยมากว่าเหตุใดจึงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่เลย จึงใช้จิตรับรู้ออกไปสำรวจ

เขาพบว่าทันทีที่จิตรับรู้ออกไปนอกเกาะ มันก็สลายไปทันที ประสาทสัมผัสของเขาไม่สามารถสำรวจภายในแดนต้องห้ามอันธการได้เลย

ช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือจะเปรียบ

หานเจวี๋ยจำใจต้องหยุดแต่เพียงเท่านี้ เขากลัวว่าตนเองจะสับสน จนหาทางออกไม่ได้

ไม่สิ เขายังมีความสามารถวิวัฒนาการอยู่ ถ้าจะออกไปข้างนอกก็ไม่ยาก

หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงไปสู่ชาวสำนักซ่อนเร้น “พวกเรามาถึงแดนต้องห้ามอันธการแล้ว ฝึกบำเพ็ญต่อเถิด”

ศิษย์ส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินคำว่าแดนต้องห้ามอันธการมาก่อน จึงอดที่จะสงสัยไม่ได้

มู่หรงฉี่กล่าวอย่างทอดถอนใจ “หลบหนีเคราะห์กรรมมาจนถึงแดนต้องห้ามอันธการ อาจารย์ปู่ช่างกล้าหาญจริงๆ!”

หลี่ว์ฮว่าซวีผู้เป็นมหาจักรพรรดิจื่อเวยกลับชาติมาเกิดถามด้วยความสงสัย “แดนต้องห้ามอันธการอันตรายมากหรือ”

“ไม่อันตราย ตรงกันข้ามที่นี่ไม่มีอะไรเลย อันที่จริงมันก็ไม่ได้มืดสนิท เพียงแค่ไม่อาจสำรวจได้ ไม่ต่างกับการเผชิญหน้ากับความมืดมิด ดังนั้นจึงได้ชื่อว่าแดนต้องห้ามอันธการ ที่นี่ไม่มีแม้แต่ไอเซียน ไม่เหมาะแก่การฝึกบำเพ็ญ แต่ว่าเกาะของพวกเรานั้นผลิตไอเซียนได้เองอยู่แล้วจึงไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนี้” มู่หรงฉี่ส่ายหน้าพลางกล่าว

จินกังนู่เอ่ย “ข้าเคยได้ยินเรื่องของแดนต้องห้ามอันธการ ที่นี่อยู่นอกเหนือจากมรรคาสวรรค์ ว่ากันว่าหากอยู่ที่นี่นานวัน จะกลับคืนสู่มรรคาสวรรค์ไม่ได้และถูกขับไล่จากมรรคาสวรรค์”

เมื่อหานเจวี๋ยได้ยินดังนั้น ก็เอ่ยคำถามในใจ “ถ้าหากว่าข้าอยู่ที่แดนต้องห้ามอันธการเป็นเวลานาน จะถูกขับไล่จากมรรคาสวรรค์หรือไม่”

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

‘หักอายุขัยอีกแล้ว!’ หานเจวี๋ยกัดฟันและเลือกที่จะดำเนินต่อไป

[ไม่ อาณาเขตเต๋าสามารถสกัดกั้นการกัดเซาะของพลังอันธการได้]

‘พลังอันธการงั้นหรือ มันคือพลังแบบใดกัน’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

‘ห้าพันล้านงั้นหรือ’ หานเจวี๋ยคิดหนัก หรือว่าพอเท่านี้ก่อนดี

อย่างไรเสียตอนนี้เขาก็ไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายได้อยู่แล้ว

ด้วยเหตุนี้ หานเจวี๋ยจึงเริ่มต้นฝึกบำเพ็ญอีกครั้ง

ยี่สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยอ่านจดหมายหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกบำเพ็ญ เมื่อได้เห็นเนื้อหาในจดหมายเหล่านั้น เขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันใด

[ตี้หล่านเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ] x14

[จิ่งเทียนกงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่าเทพอีกาทอง] x3900

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่าเทพอีกาทอง] x478

[จั้งกูซิงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญนิกายเจี๋ย] x8766

[จิ่งเทียนกงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสำนักพุทธ] x744

[ตี้หล่านเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเจียงตู๋กูสหายของท่าน]

แดนชำระบาปเก้าขุมกำลังตกอยู่ในมหาสงคราม!

หานเจวี๋ยรู้สึกชื่นชมลางสังหรณ์ของตนเองยิ่งนักที่ออกมาได้อย่างทันท่วงที เขาเพิ่งจากมาไม่กี่สิบปี แดนชำระบาปเก้าขุมก็เทะเละเสียแล้ว

วังเทพ นิกายเหรินและยังมีกลุ่มอิทธิพลลึกลับอื่นๆ เข้ามาแทรกแซง แดนชำระบาปเก้าขุมกลายเป็นสมรภูมิมหาเคราะห์แห่งที่สองไปเสียแล้ว

หานเจวี๋ยดูดซับแรงกรรมจากบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรอย่างเป็นสุข

แม้จะจากแดนชำระบาปเก้าขุมมาแล้ว แต่ภายในบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรก็ยังมีแรงกรรมสั่งสมเอาไว้มหาศาล ขณะเดียวกันก็ยังมีให้เขาใช้ได้ไม่หมดไม่สิ้น

หง่าง…

หานเจวี๋ยได้ยินเสียงระฆังลอยมา มันแผ่วเบาจนคล้ายกับเสียงแว่ว

เขาคิดถึงระฆังบรรพกษัตริย์ของตี้หล่านเทียนขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรกทันที

ไม่เสียชื่อยอดสมบัติมรรคาสวรรค์ เสียงของระฆังนี้สามารถดังกังวานมาถึงแดนต้องห้ามอันธการ ไม่ถูกพลังอันธการปิดกั้น

……………………………………