บทที่ 437 ผลไม้ที่ร่วงหล่นใต้พฤกษากลับหัว

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 437 : ผลไม้ที่ร่วงหล่นใต้พฤกษากลับหัว

ในเมืองเขตกลาง ลึกเข้าไปใต้ดินพันเมตร…

มหาพฤกษากลับหัวมีกิ่งก้านคดเคี้ยวห้อยระย้าลงดุจน้ำตก ที่ใต้ต้นไม้มีดวงแก้วกลม ๆ อันมีหมอกสีขาวหมุนวนอยู่ภายใน และเงาร่างอันคุ้นตาก็ปรากฏให้เห็นอย่างเหม่อลอย ณ ใจกลางหมอก

มีกลุ่มคนชราในชุดคลุมนักเวทมนตร์ขาวหลายสิบคนมารวมตัวกันจับจ้องภาพในลูกแก้วดังกล่าว

ซอย 23

พื้นที่ดังกล่าวกำลังเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด

เมื่อเขตแดนแห่งความว่างเปล่าของแซดคิเอลสลายลง ศึกซึ่งแต่เดิมหลบอยู่ในความว่างเปล่าก็ถูกเผยออก ซึ่งทำให้เหล่าผู้เฒ่าในสำนักงานกลางตกตะลึงพรึงเพริด

“เขาเป็นมังกรหรือ…??!!” แอสโมเดียสผู้รับผิดชอบทำงานเอกสารมาหลายร้อยปียื่นนิ้วอันด่างดำด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลาชี้หลินเจี๋ยในภาพ

“เปล่า” บาล ราชาไร้มงกุฎแห่งสำนักงานกลาง และคนสวนผู้ดูแลมหาพฤกษากลับหัวมาอย่างยาวนานที่สุดลูบเครากล่าว “ผมเกรงว่านี่คงเป็นแค่ร่าง ๆ หนึ่งที่เขาสิงสู่เหมือนร่างชายหนุ่มมนุษย์เมื่อก่อนนั่นแหละ”

“ผมเคยเห็นร่างนั้นมาก่อน” ผู้อาวุโสแห่งหอพิธีกรรมต้องห้าม หรือที่เรียกกันว่าราชาอัศวินวาลเลซผู้ถูกเมลิสซ่าโจมตีและพาตัวเธอมายังเขตกลาง

ครั้งหนึ่งวาลเลซถูกเทพปีศาจสาปให้ไม่สามารถขยับร่างกายได้อย่างอิสระ บัดนี้ได้รับความช่วยเหลือจากเปลวเพลิงสมบูรณ์แบบของเมลิสซ่าและเกิดใหม่เป็นที่เรียบร้อย

“มังกรตนนี้คือมังกรแห่งภัยพิบัติบากั๊ก ลูกน้องของแม่มดบรรพกาลซิลเวอร์” วาลเลซกล่าวอย่างครุ่นคิด “ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านหนังสือจะไม่สามารถแยกความเชื่อมโยงกับแม่มดบรรพกาลได้จริง ๆ”

คนมากมายหันไปพยักหน้าให้กัน จากนั้นก็มองสงครามที่เกิดผ่านลูกแก้วต่อ

หลังจากเจ้าของร้านหนังสือกลายร่างเป็นมังกร มิคาเอลและแซดคิเอลก็ทะเลาะกันโดยไม่สนใจกาลเทศะ น่าขำจริง ๆ

“วิถีแห่งดาบอัคคีนี่มันฝูงสัตว์แท้ ๆ” อากาเรซ หนึ่งในสมาชิกสำนักงานกลางยิ้มเยาะ

ภาพดำเนินต่อ และภาพที่เจ้าของร้านหนังสือเอาแต่ยืนมองพวกเขาตีกันเงียบ ๆ นี้ก็ช่างตลกสิ้นดี

แซดคิเอลผู้กำลังทะเลาะกับมิคาเอลฉวยโอกาสยามมิคาเอลเผลอหนีเจ้าของร้านหนังสือเข้าไปในความว่างเปล่า ทว่ากลับพบว่าเจ้าของร้านหนังสือยกมือของเขาขึ้นบีบเบา ๆ อย่างไม่รีบร้อน และแซดคิเอลก็ถูกฟาดลงกับพื้นอย่างแรง

เมื่อคนจากสำนักงานกลางมองภาพที่เกิดขึ้นนี้ พวกเขาก็ตกสู่ความเงียบอย่างช่วยไม่ได้

“…”

“ฉันจำได้ว่าแซดคิเอลเป็นบุคคลผู้เก่งกาจซึ่งอยู่ในระดับเหนือนภาเมื่อนานมาแล้วนี่…”

จู่ ๆ ใครสักคนก็กล่าวออกมาเบา ๆ

ยอดฝีมือในระดับเหนือนภาหนึ่งคนถูกหลินเจี๋ยบี้ตายประหนึ่งมด…ช่างไม่น่าเชื่อ

“มีพวกเราคนใดรับมือเจ้าของร้านหนังสือคนนี้ได้หรือเปล่า?” บาลกล่าวขึ้นเบา ๆ

เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ วาลเลซจ้องเขม็งไปที่ลูกแก้ว และอยู่ ๆ ก็เบิกตากว้าง…!!

“โจเซฟ?!”

วาลเลซมองโจเซฟซึ่งยังมีชีวิตอยู่และรับคำสั่งจากหลินเจี๋ยให้ปกป้องผู้อพยพอย่างไม่อยากเชื่อ “เขายังมีชีวิตอยู่เรอะ?!”

สมองชั่วร้ายของวาลเลซแล่นเร็วจี๋ รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“มีปัญหาแล้วครับ ผู้อาวุโสบาล” วาลเลซขมวดคิ้วและพูดอย่างเป็นการเป็นงาน “โจเซฟยังมีชีวิตอยู่ มิน่าล่ะ จู่ ๆ เมลิสซ่าถึงรู้ความจริงเกี่ยวกับหอพิธีกรรมต้องห้ามขึ้นมา เขานี่เองที่บอกใบ้เธอ!”

“ตอนนี้ เราต้องฆ่าเมลิสซ่าซะ ไม่อย่างนั้นโจเซฟจะใช้พลังแห่งสายเลือดและแก่นรากแห่งเพลิงมาจนเจอที่นี่แน่”

มหาพฤกษาที่ปกป้องนอร์ซินและแม่มดบรรพกาลแห่งพฤกษาคือความลับสูงสุดในอาซีร์

เมื่อได้ยินคำพูดของวาลเลซ บาลเองก็หันไปมองเมลิสซ่าผู้ถูกล้างสมองอย่างลนลาน แต่เดิมเขาอยากเก็บเธอไว้เป็นอาวุธ แต่ตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้

“งั้นก็ฆ่าเธอซะ” บาลพูดเสียงสั่น

มือขวาของอากาเรซเปลี่ยนเป็นคมมีด ตวัดมาอยู่ตรงหน้าเมลิสซ่าในเสี้ยววินาที แต่ก่อนที่ใบมีดจะทันสัมผัสเมลิสซ่า พื้นที่ใต้ดินทั้งหมดก็สั่นไหวราวกับเกิดแผ่นดินไหว

ตู้ม!!

“เกิดอะไรขึ้น?!” บาลคว้ากิ่งไม้ทรงตัวเอาไว้ ไม่มีที่ว่างอื่นใดนอกจากต้นไม้ แต่เขากลับดูเหมือนถูกยักษ์กระทืบใส่

บาลเบิกตากว้าง ไม่ไกลจากทุกคนนัก พื้นที่สีขาวก็ปริร้าวราวผ้าซึ่งถูกฉีกเป็นสองชิ้น

พวกบาลไม่กล้าปฏิบัติการใดสุ่มสี่สุ่มห้า พวกเขาจ้องรอยร้าวอย่างใกล้ชิด

จู่ ๆ ดวงตาสีแดงข้างหนึ่งก็โผล่มาจากในรอยแยก จับจ้องผู้คนเหล่านี้ราวมองสิ่งที่ตายแล้ว

“สัตว์มายา!!” บาลอุทานอย่างตกใจ

จริงดั่งว่า สัตว์ประหลาดที่ปกคลุมด้วยเมือกสีเลือดเบียดตัวเองโผล่ออกมาจากในรอยแตกราวสสารสีดำ

สิ่งนี้คือสัตว์ประหลาดจากในแดนนิมิตผู้มีความสามารถดูดซับทุกความปีติยินดีและความดีงามทั้งปวง ทำให้โลกตกสู่ความสิ้นหวังได้

สัตว์มายาตนแรกพุ่งออกมา ตามด้วยตนที่สอง สาม…ตนแล้วตนเล่า ภาพนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนในสำนักงานกลางสามารถจินตนาการได้ง่าย ๆ เลยสักนิด

บาลตะลึง เขายกมือขึ้นสูง พยายามปัดป้องตัวเองจากสัตว์มายา แต่พวกมันมีจำนวนมากเกินไป

สิ่งโสโครกอย่างสัตว์มายามายังกิ่งไม้อันมีแม่มดแห่งพฤกษาอยู่! เขาหันไปมองวาลเลซทันที!

“จะเป็นผมไปได้อย่างไรล่ะครับ!” วาลเลซแก้ต่างให้ตนเองอย่างรวดเร็ว “คนที่ทำแบบนี้ได้มีเพียงสิ่งที่อยู่ในแดนนิมิต มีแค่เจ้าของร้านหนังสือเท่านั้นแหละที่ทำได้!”

บาลหันไปมองลูกแก้วโดยไม่รู้ตัว…มิคาเอลกลายร่างเป็นกลุ่มแสง และเจ้าของร้านหลินก็เล่นกับกลุ่มแสงนั้นราวกับเป็นเกมบางอย่าง ไม่ได้ใส่ใจอะไรสำนักงานกลางสักนิด

แล้วใครกันแน่ที่ปล่อยสัตว์มายาพวกนี้ออกมา?!…บาลอึ้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่สามารถควบคุมอะไรได้

สัตว์มายาเหล่านี้จู่ ๆ ก็โผล่มาหากลุ่มบุคคลจากสำนักงานกลางโดยไม่ทันตั้งตัว แม้ว่าพวกเขาอาจจะควบคุมทั้งนอร์ซิน แต่ที่จริงพวกเขาก็เป็นแค่เศษสวะ ลูกหลานของผู้ดีเท่านั้น

ที่ว่าปกป้องมนุษยชาติ ก็เป็นเพียงการอ้างผลงานของทายาทเหล่าขุนนางผู้ก่อตั้งนอร์ซินเท่านั้น

จำนวนบุคคลในระดับเหนือนภาของพวกเขายังไม่มากขนาดวิถีแห่งดาบอัคคีเลย

บาลพอจะควบคุมพลังแห่งพฤกษาได้ในระดับหนึ่ง เขาโบกมือ และเถาวัลย์กิ่งก้านนับไม่ถ้วนก็พัวพันยึดเกี่ยวร่างของสัตว์มายาซึ่งเข้าไปลึกขึ้นทุกที

วาลเลซก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว ยกมือขึ้นร่ายคาถาสองสามบทบนอากาศ ภาพฉายสีดำปรากฏขึ้นจากบทมนตร์ และค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นซากศพนับไม่ถ้วนของคนจากหอพิธีกรรมต้องห้ามอย่างช้า ๆ!

ใบหน้าของพวกเขาซีดขาว เห็นได้ชัดว่าสิ้นชีวิตแล้ว ทว่าหลังวาลเลซออกคำสั่ง พวกเขาก็พุ่งไปกีดขวางเหล่าสัตว์มายาราวกับเป็นเครื่องมือ

“นี่มัน?” อากาเรซขมวดคิ้วมองวาลเลซ นักเวทมนตร์ดำผู้เปลี่ยนเหล่าอัศวินจากหอพิธีกรรมต้องห้ามเป็นหุ่นเชิด

“แกนี่มันช่างน่ารังเกียจแท้…” อากาเรซแค่นยิ้มพลางสะบั้นร่างสัตว์มายาตนหนึ่ง

“ชมข้าซะสิ” วาลเลซแค่นยิ้มอย่างภาคภูมิ “ขณะที่ฉันศึกษาร่างกายตัวเอง ฉันก็วิจัยศิลปะการเชิดหุ่นไปเยอะเลยนะ”

เมลิสซ่าขมวดคิ้ว เธอถูกปลุกให้ตื่นจากการโจมตีระยะใกล้ของสัตว์มายา และเมื่อลืมตาขึ้น เธอก็พบความอลหม่าน

พื้นที่ใต้ดินซึ่งเดิมเคยขาวบริสุทธิ์ จู่ ๆ ก็เต็มไปด้วยสัตว์มายาโสโครกและเหล่าอัศวินผู้ดูเหมือนซอมบี้ ภาพเหล่านี้ดูเหมือนขุมนรก

เมลิสซ่าเบิกตากว้าง ใบหน้าของซอมบี้อัศวินที่เธอเห็นหลาย ๆ คนคุ้นตาเธอมาก…

มีกระทั่งสหายร่วมรบซึ่งครั้งหนึ่งเคยปกป้องเธอในระหว่างศึกที่ซอย 67 ไม่ใช่ว่าพวกเขาถูกฝังไปแล้วเหรอ?

ทุกคนอุทิศตนเพื่อจิตวิญญาณแห่งอัศวิน และปกป้องมนุษยชาติทั้งมวล…

…ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?!

“วาลเลซ!!” เมลิสซ่าเดือดดาล โทสะล้นหัวใจ “แก…ไอ้ชั่ว!! ฉันจะฆ่าแก!!”

เมื่อวาลเลซได้ยินเสียงเมลิสซ่าตะคอก เขาก็ขมวดคิ้วทันทีอย่างไม่คาดฝัน และหันไปถามสมาชิกศาลสูงสุดผู้เคยล้างสมองเมลิสซ่าก่อนหน้านี้ “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?! ทำไมเธอถึงไม่ลืมทุกอย่างแล้วมาเป็นหมาของเราซะล่ะ?”

สมาชิกคนดังกล่าวก็แปลกใจเอาการเช่นกัน เธอล้างสมองเมลิสซ่าแล้วจริง ๆ แต่ไม่รู้ว่าเมลิสซ่าเอาแต่มองตากับแม่มดแห่งพฤกษาในขณะล้างสมอง จึงรอดมาได้

“วาลเลซ แกมันไอ้สารเลวน่ารังเกียจไร้ยางอาย!” เมลิสซ่าด่าลั่น

เมื่อเห็นสภาพเมลิสซ่า วาลเลซกลับยิ้ม “หุ่นเชิดของฉันมีกระทั่งแม่เธอ อยากเห็นไหมล่ะ?”

เมลิสซ่าตกใจเสียจนถ้าสายตาฆ่าคนได้ เธอคงฆ่าวาลเลซทั้งเป็นไปแล้ว

“ช่างมันเถอะ นังโง่เอ๊ย!! ถ้าแกล้างสมองไม่ได้ก็ตาย ๆ ไปซะ” วาลเลซยกมือขึ้นรวบรวมพลังมนตร์ดำ

เปรี๊ยะ!!

เสียงกังวาลดังขึ้นทั่วพื้นที่ใต้ดิน เด่นชัดเป็นพิเศษ

พวกบาลหันไปมองผลไม้ซึ่งห้อยอยู่บนพฤกษากลับหัวโดยไม่ตั้งใจ เธอดูเหมือนจะสุกเต็มที่และกระทั่งแง้มรอยร้าวเปิดขึ้นแล้ว