บทที่ 432 กอดขาแน่น

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 432 กอดขาแน่น

บทที่ 432 กอดขาแน่น

ซางหลิวอวี้ยิ้มจาง ๆ “จริง ๆ แล้วข้าสงสัยนิดหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นในมิติลับหยกจรัส ดูเหมือนเจ้าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากออกมาจากที่นั่น เล่าให้ข้าฟังได้ไหม?”

“ไม่มีปัญหา!” เขายิ้ม แน่นอนว่าข้าเปลี่ยนไปมาก! ข้าไม่ใช่หนุ่มพรหมจารีอีกต่อไปแล้ว! เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน…นี่นางมองออกด้วยจริง ๆ เหรอ?

“เจ้า…เจ้าไปใส่เสื้อผ้าก่อนได้ไหม” นางเบือนหน้าหนีอย่างกระวนกระวายขณะที่เขายืนขึ้น ความเป็นชายทั้งหมดที่ประจันหน้านางนั้นโผล่มาให้เห็นมากเกินไป เมื่อก่อนชายคนนี้ดูบอบบางสะโอดสะอง แต่พอไม่ใส่เสื้อผ้า หุ่นของเขากลับมีเสน่ห์เกินต้าน…

“อุ้ย นี่ข้ากำลังเสียมารยาทอยู่นี่นา ฮ่า ๆ…” ซูอันเคยชินกับการถอดเสื้อเดินไปมาในโลกก่อนหน้าของเขา เมื่อทำความสะอาดเสร็จ เขาก็สวมเสื้อ จากนั้นก็เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในมิติลับหยกจรัสให้นางฟัง

ชายหนุ่มค่อนข้างมีทักษะในการเล่าเรื่อง ดังนั้นเรื่องเล่าของเขาจึงฟังดูน่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ

แน่นอนว่าซูอันต้องละทิ้งรายละเอียดบางอย่างไปเพราะสัญญาที่ให้ไว้กับหมี่ลี่

อย่างไรก็ตาม ซางหลิวอวี้ก็รู้สึกประหลาดใจ “ประสบการณ์ของนักศึกษาในสถาบันจันทร์กระจ่างที่เข้าไปสำรวจมิติลับหยกจรัสตลอดหลายปีที่ผ่านมาทั้งหมดรวมกันยังไม่อาจเปรียบเทียบกับเจ้าได้!”

ซูอันหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอน! นี่เป็นการพิสูจน์ว่าข้าคือผู้ถูกเลือก!”

“ข้าชอบนิสัยที่มองโลกในแง่ดีของเจ้ามาก” ซางหลิวอวี้ยิ้มอย่างอ่อนโยน ซึ่งช่วยปลอบประโลมจิตวิญญาณของเขาเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ร่วง

ซูอันคลำกระเป๋าของเขา “โอ้ ข้าควรคืนเปลือกหอยที่ยืมมาจากเจ้าครั้งล่าสุดได้แล้ว” แต่ทันใดนั้นเขาก็ตัวแข็งทื่อ

เขาจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เขาให้ชิวฮัวเล่ยยืมเสื้อคลุมของเขาไป และลืมเอาเปลือกหอยออกมา

เมื่อเห็นการแสดงออกที่น่าอึดอัดใจของเขา ซางหลิวอวี้ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มีอะไร? ทำหายไปแล้วเหรอ?”

“ไม่ได้ทำหาย แต่มันติดไปกับเสื้อคลุมตัวอื่น” ซูอันรู้สึกอับอายอย่างมาก “เอาไว้ข้าค่อยคืนเจ้าวันหลังก็แล้วกันนะ”

“ข้าไม่ได้รีบร้อนอะไร” ซางหลิวอวี้ลุกขึ้นและพูดว่า “ถึงเวลาสำหรับชั้นเรียนของข้าแล้ว แล้วค่อยคุยกันอีกทีก็แล้วกัน”

“ได้เลย…”

ซูอันมองดูร่างของนางค่อย ๆ หายไปในระยะไกล ไม่น่าแปลกใจที่นางมีชื่อเสียงมากในสถาบันจันทร์กระจ่าง จะมีใครบ้างที่ไม่ชอบหญิงงามอย่างนาง?

ถึงเวลาที่ซูอันต้องไปที่ชั้นเรียนของเขาแล้วเช่นกัน แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ไปในฐานะครู วิชาเลขคณิตเป็นเพียงวิชาเลือกในสถาบันจันทร์กระจ่าง ดังนั้นชายหนุ่มจึงมีสอนไม่บ่อยนัก

เวลาส่วนใหญ่ของเขาในสถาบันจันทร์กระจ่างยังคงใช้เวลาอยู่ในชั้นเรียนสีเหลือง ฟังการบรรยายของ ‘เพื่อนร่วมงาน’ ของเขา

อย่างไรก็ตาม เมื่อไปถึงประตูห้องเรียน กลิ่นหอมจาง ๆ ก็อบอวลขึ้นที่จมูกของเขา ชายหนุ่มได้ยินเสียงเย็นชาและหยิ่งทะนงที่ข้างหู “ตามข้ามาที่ห้องทำงาน!”

ใครจะกล้าพูดกับข้าด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งแบบนี้! เจ้าจะให้ข้าโดดเรียนงั้นเหรอ?

แต่เมื่อเขาหันกลับมาและเห็นแว่นตาและชุดรัดรูป รวมถึงเรียวขาที่ยาวเย้ายวนอย่างน่าทึ่ง สีหน้าของเขาก็กลายเป็นร่าเริงในทันที “เข้าใจแล้ว ท่านอาจารย์ใหญ่สุดสวย!”

นักศึกษาทุกคนในชั้นเรียนโผล่หัวออกมานอกประตูเมื่อได้ยินเสียงสนทนาด้านนอก

ในหมู่พวกเขา คอของเว่ยสั่วยืดยาวที่สุดอย่างแน่นอน เขาอ้าปากค้าง “วันนี้อาจารย์ใหญ่สวมถุงน่องสีเนื้ออีกแล้ว! ดูเหมือนว่าช่วงนี้นางจะค่อนข้างชอบสีนี้ ว่าแต่ทำไมนางไม่ใส่ถุงน่องสีดำล่ะ?”

“แต่ข้าคิดว่าสีนี้ดูดีมากกว่า” ใครบางคนข้าง ๆ เขาทำคอยืดยาว

“บ๊ะ! แน่นอนว่าสีดำดูดีที่สุด!” นักศึกษาอีกคนสนับสนุนเว่ยสั่ว

“ถ้าเจ้าถามข้า ข้าว่าสีเทาดูร้อนแรงกว่า” มีคนเสนอความเห็นที่แตกต่างออกไป

นักศึกษาต่างแสดงสีหน้าตื่นเต้น

“เอ่อ…พวกเจ้าไม่ชอบกางเกงในสีขาวหรือไง?” บางคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

คนอื่น ๆ ทั้งหมดหันกลับมาหาเขา “ไอ้ลามก!” พวกเขาตะโกนพร้อมกัน

ซูอันเดินตามหลังเจียงลั่วฝู สายตาของเขาจับจ้องไปที่จังหวะโยกย้ายส่ายสะโพกของนาง ซึ่งมันเสริมความงามอันวิจิตรของนางยิ่งขึ้นไปอีก

หากช่วงก้าวย่างของนางยาวขึ้นกว่านี้อีกนิด มันก็จะดูเก้ ๆ กัง ๆ แต่ถ้าสั้นมากไปกว่านี้มันก็จะไม่สามารถแสดงเสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติและเป็นผู้ใหญ่ของนางได้อย่างเต็มที่

อาจารย์ใหญ่เจียงช่างน่าทึ่งจริง ๆ ที่สามารถเดินได้อย่างสมบูณ์แบบขนาดนี้!

ซูอันถอนหายใจด้วยความชื่นชม เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมจี้เติ้งถูถึงไม่สนใจนาง

หรือว่าอาจารย์ใหญ่มีอะไรผิดปกติที่คนอื่นไม่รู้ แต่จี้เติ้งถูรู้?

ซูอันตัวแข็งทื่อ เขาลอบประเมินนางอย่างระมัดระวังทันที

หลังจากประเมินอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เขาก็กลับมามั่นใจอีกรอบว่านางโดดเด่นที่สุดในบรรดาผู้หญิงทั้งหมด

จี้เติ้งถูน่าจะกังวลในเรื่องอื่นมากกว่า

หลังจากจมอยู่ในภวังค์ความคิด ชายหนุ่มก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเจียงลั่วฝูออกคำสั่ง “ปิดประตู”

“อ…อื้ม…” จากนั้นซูอันก็ตั้งสติให้จดจ่ออยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้า ในตอนนี้ทั้งสองคนมาถึงห้องทำงานของนางแล้ว

เมื่อประตูบานใหญ่ปิดลง เจียงลั่วฝูก็นั่งลงบนเก้าอี้เอนกาย เรียวขายาวของนางซึ่งทำให้ผู้ชายนับไม่ถ้วนคลั่งไคล้พาดยาวอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กอีกตัวที่วางอยู่ข้างหน้านาง

กระโปรงของนางค่อนข้างสั้นและรัดรูป แต่ก็ปกคลุมส่วนที่ควรสงวนได้มิด

ซูอันต้องปรบมือให้นางจริง ๆ แม้ว่าตัวเองจะมองไม่เห็นอะไร แต่สิ่งล่อใจไม่รู้จบก็ยังคงแฝงตัวอยู่ภายในกระโปรงตัวนั้น

“ข้าดูดีใช่ไหมล่ะ?” เจียงลั่วฝูล้อเลียน

ซูอันยืดตัวตรงทันที “ไม่เห็น ข้าไม่เห็นอะไรเลย!”

เจียงลั่วฝูเย้ยหยัน “แล้วใครกันที่เอาแต่จ้องข้าระหว่างทางมาที่นี่?”

ทักษะหน้าด้านของซูอันเปิดใช้งานทันที เขารีบอธิบาย “ข้าแค่กำลังศึกษาท่าเดินของอาจารย์ใหญ่ที่เคารพก็เท่านั้น! การบ่มเพาะของท่านช่างลึกซึ้งอัศจรรย์ แม้แต่การเดินของท่านก็ยังอุดมไปด้วยเต๋าแห่งการบ่มเพาะ! ข้าเพียงแต่เหลือบมองเล็กน้อยด้วยความหวังว่าจะได้รับความก้าวหน้าในการบ่มเพาะของข้าเอง…”

เจียงลั่วฝูไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้ “เจ้านี่รู้วิธีบิดเบือนคำพูดดีจริง ๆ นะ! แล้วสุดท้ายเป็นไง? เจ้าได้รับข้อมูลไปพัฒนาการบ่มเพาะไหม?”

ซูอันส่ายหัว “ข้ายังศึกษามันไม่พอ หากอาจารย์ใหญ่ผู้งดงามเต็มใจให้ข้าสังเกตอย่างจริงจังเพื่อวัตถุประสงค์ในการศึกษาอีกครั้ง ข้าอาจจะคิดค้นทักษะการเคลื่อนไหวที่ไม่มีใครเทียบได้ออกมาได้!”

ความไร้ยางอายของเขาทำให้เจียงลั่วฝูพูดไม่ออกไปชั่วขณะ “ข้าคิดว่าคงไม่จำเป็นหรอกสำหรับเจ้าน่ะ!” นางกล่าวในที่สุด “ทักษะการเคลื่อนไหวที่เจ้าแสดงระหว่างงานประลองระหว่างตระกูลนั้นโดดเด่นเพียงพอแล้ว!”

“ไม่ ๆ มันจำเป็นอย่างยิ่ง! ข้าเป็นคนที่เชื่อว่าการพัฒนาตนเองไม่มีจุดสิ้นสุด ข้าปล่อยให้ตัวเองนิ่งนอนใจว่าทุกอย่างดีพอแล้วไม่ได้!” ซูอันรีบเปลี่ยนหัวข้อโดยกังวลว่านางจะถามเกี่ยวกับวิชาร่างก้าวทานตะวัน

เจียงลั่วฝูกลอกตา “พอได้แล้ว เรามีเรื่องสำคัญกว่าจะหารือ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถูกมหาโจรเฉินเซวียนโจมตีระหว่างทางมาที่นี่?”

“อาจารย์ใหญ่คนสวย ท่านต้องรับผิดชอบนะ!” เมื่อซูอันได้ยินคำถามนี้ เขาก็วิ่งเข้าไปกอดขานางทันที พลางส่งเสียงโวยวายออกมา

“เกี่ยวอะไรกับข้า!” เจียงลั่วฝูพูดอย่างไม่อดทน พยายามระงับความต้องการที่จะเตะเขาให้ปลิวไป

“ก็มันเป็นเพราะตอนนั้นอาจารย์ใหญ่ได้ฆ่าเหมยเชาฟง! เฉินเซวียนรู้ตัวว่าสู้ท่านไม่ได้ ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนเป้ามาเกลียดชังข้าแทน!” ซูอันอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเซวียนและเหมยเชาฟง รวมถึงความสัมพันธ์ของพวกเขากับตระกูลซือ

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่มีใครสามารถกำจัด เฉินเซวียน ได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่แท้มันมีตระกูลซือคอยปกป้องนี่เอง… ” เจียงลั่วฝูตกใจกับข้อมูลนี้มากจนนางลืมที่จะเตะซูอันออกไป

“แค่นี้เพียงพอจะโค่นล้มตระกูลซือได้ไหม?” ซูอันถาม

ไอ้ซือคุนนั่นช่างน่ารำคาญจริง ๆ มันมีคนกลุ่มใหญ่มากมายคอยสนับสนุนอยู่! อีกทั้งยังอันตรายเกินกว่าที่เขาจะมองข้ามไปได้ง่าย ๆ!

“มันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง…?” เจียงลั่วฝูกำลังจะพูดต่อ แต่คิ้วที่สวยงามของนางก็ขมวดเข้าหากัน “เจ้าสัมผัสข้าจนเต็มอิ่มแล้วหรือยัง? ปล่อยได้แล้ว!”