บทที่ 445 เธอที่เคยช่วยเขาซักชั้นใน

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

ต่อมา ด้านหนึ่งเขาใช้ประโยชน์จากเธอ เข้าใกล้ฮั่วเฉิงเลี่ยง อีกด้านหนึ่ง ก็รู้สึกว่าเธอเป็นคนจิตใจดีมากๆ ตอนคบกันก็ผ่อนคลายแล้วมีความสุข

เพราะฉะนั้น หลังจากหันจื่ออี้ออกโรงพยาบาล ก็ขอเธอเป็นแฟนเขา

มีบางเรื่อง ผ่านไปนานแล้ว กลับอยู่ในชั่วเวลาหนึ่ง เพราะรายละเอียดบางอย่างกลับชัดเจนขึ้น

ต่างพูดว่าตอนฮั่วชิงชิงป่วย เขาดูแลเธอเป็นอย่างดี

ที่จริงตอนนั้นที่เขานอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลยังขยับไม่ได้ เป็นเธอที่ทำให้เขารู้สึกถึงถูกคนเอาใจใส่ดูแลอย่างอ่อนโยนเป็นครั้งแรก

เหมือนความรักของแม่ที่หายไปกลับมาอีกครั้ง แต่มันไม่เป็นแบบนั้น

เพราะเขาแขนหัก มือข้างซ้ายคีบกับข้างตกตลอด ดังนั้นเธอจะใช้ช้อนป้อนข้าวให้เขา

ตอนที่เขายิ้มให้เธอ เธอจะหน้าแดงลามไปถึงหู

ยังมีอีก เสื้อผ้าเขา เธอไม่ได้เอากลับตระกูลฮั่ว แต่ซักให้เขาทีละตัวในห้องนอนที่โรงพยาบาล แล้วตากที่ระเบียงห้องคนไข้

ตอนนั้น พวกหมอและพยาบาลเห็นแล้ว ต่างหยอกล้อเขาว่า ภรรยาเขามีน้ำใจจริงๆ

เมื่อไรก็ตามที่ถึงเวลานั้น เธอก็วิ่งหายออกจากห้องคนไข้ไป ทิ้งเขานอนบนเตียง ยิ้มให้ทุกคน “ยังไม่ได้จดทะเบียนเลย”

แต่วันถัดไปเธอยังคงซักเสื้อผ้าที่เขาใช้แล้วเหมือนเดิม เพราะบอกว่าพยาบาลในโรงพยาบาลซักไม่สะอาด

เพียงแต่วันนั้นเขาไม่ระวัง เขาลืมเอากางเกงในออกจากในเสื้อผ้า

หลังจากนั้นเห็นตอนเธอออกมาจากห้องน้ำ หน้าแดงๆ เขาพูดกับเธอ เธอยังถลึงตาใส่เขา ทำให้เขาแปลกใจ

ตอนนั้น ในใจเขาจู่ ๆก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา ก็คือไม่ว่ายังไง เขาจะไม่ทำร้ายเธอ ในอนาคตก็จะดูแลเธอไปตลอดชีวิตเหมือนกัน

เขาไม่รู้ นั้นใช่มีใจรึเปล่า ใช่รักไหม แต่เพราะรายละเอียดพวกนั้น รู้สึกเคยมีความสุขและอบอุ่นจริงๆ

นึกถึงอดีต หันจื่ออี้ก็เหม่อไป

เขาหยิบกล่องนม พูดกับฮั่วชิงชิง “คุณยังจำได้?”

เธอพยักหน้า เงยหน้ามองเขา “จำไว้ว่าอุ่นร้อนแล้วค่อยกิน”

เมื่อก่อน เธอคงไม่ย้ำ แต่เห็นเขาผอมลงมาก หัวใจเธอเจ็บจี๊ด

“อืม”หันจื่ออี้พยักหน้า

เธอเหมือนไม่มีท่าว่าจะอยู่ต่อ

แม้ว่า เธอคิดจะลองใจเขาหน่อย แต่วันนี้ไม่ใช่โอกาสที่ดี

ฮั่วชิงชิงหยิบกระเป๋าตัวเอง “งั้นฉันไปนะ”

“อืม”หันจื่ออี้เดินตามเธอออกจากโรงแรม“ผมรอคุณขึ้นรถก่อน”

ทั้งสองคนโบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง หันจื่ออี้จำป้ายรถไว้ พูดกับฮั่วชิงชิง“ถึงแล้วบอกด้วย ชื่อวีแชตของผมเป็นตัวสะกดชื่อเต็มของตัวเอง เพิ่มเลข 09ต่อท้าย”

“อืม”ฮั่วชิงชิงพยักหน้า ขึ้นรถโบกมือให้หันจื่ออี้“ลาก่อน”

รถแท็กซี่สตาร์ทรถ ฮั่วชิงชิงอดไม่ได้ที่จะหันกลับไป มองทางที่หันจื่ออี้ยื่นอยู่

เขายังไม่ไป ยืนอยู่ที่เดิมมองรถของเธอจากไป

วินาทีนั้น เธอถึงขนาดมีแรงกระตุ้นหนึ่ง คิดอยากจะลงไปบอกเขา เธอยังรักเขา

เพียงแต่ เธอไม่มั่นใจว่าเขารักคนอื่นแล้วหรือเปล่า ถ้าหากเป็นแบบนั้นละก็ คำพูดของเธอจะทำเขากลัดกลุ้มรึเปล่า?

โดยเฉพาะ เขาที่รู้สึกผิดกับเธอก่อนหน้านี้ ยอมทิ้งความสุขที่เขาอยากได้ที่สุดไปรึเปล่า?

คืนนั้น ฮั่วชิงชิงนอนบนเตียง หลับตาลง ทั้งใจและความคิดเต็มไปด้วยการกอดหน้าลิฟต์นั้นของหันจื่ออี้

เธอหันไปมองรอบทิศทั่วห้อง เหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจาก2 ปีก่อน สภาพเหมือนตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน

หลังจากที่แยกกับเขา เธอเหมือนไม่เคยมาหนิงเฉิงเลย ยิ่งไม่ไปบ้านที่พวกเขาเคยอยู่

ตอนนี้นอนอยู่บนเตียงกว้าง จู่ ๆก็ฉากนั้นที่เขากอดเธอไว้ แล้วนอนด้วยกัน

เริ่มอึดอัดที่หัวใจ ฮั่วชิงชิงเลยลุกขึ้นนั่ง แล้วดูรูปไม่กี่ใบพวกนั้นในมือถือ

หนังสือยินยอมบริจาคไตมีหลายหน้า ตอนนั้นเธอไม่ทันอ่านให้ละเอียด ตอนนี้อ่านทีละแถว ถึงรู้ว่า ที่แท้มีความเสี่ยงมากมายแค่ไหน

แต่ตอนนั้นเขากลับเซ็นอย่างไม่ลังเลเลย

ฮั่วชิงชิงจับมือถือแน่น มองลายเซ็นของหันจื่ออี้ในนั้น พูดพึมพำ“จื่ออี้ ขอบคุณ”

ดึกมากกว่าเธอหลับไป วันรุ่งขึ้น ติดต่อให้ฮั่วเหมียวเหมี่ยวเอาทะเบียนบ้านส่งพัสดุด่วนมาตามที่อยู่คอนโดมิเนียมของเธอ

ในเกือบ 2 ปีหลังการแยกกัน ตอนแรกเพราะเธอเกลียดเขา เร่งเขาจัดการเรื่องหย่าหลายครั้งจริงๆ

แต่ถึงตอนหลัง หัวใจที่เกลียดของเธอค่อยๆจางไป จิตใต้สำนึกที่อาลัยอาวรณ์ผุดขึ้นมา ดังนั้นเธอเลยไม่ไปหา

หันจื่ออี้

บางที เธออาจหวังอยู่ หวังว่าพวกเขาจะไม่ต้องไปรับใบหย่านั้นตลอดไป ทุกอย่างเป็นเหมือนตอนนี้ แม้ว่าไม่เจอหน้าก็ถือว่ามีความสัมพันธ์กันอยู่

ดังนั้น ฮั่วเหมียวเหมี่ยวในสายถามว่าจัดส่งด่วนแบบไหน รีบใช้ไหม ฮั่วชิงชิงบอกว่า ไม่รีบ เธอว่างค่อยทำ

เธอรู้ว่าตัวเองกำลังเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะหลังจากรู้ว่าหันจื่ออี้ช่วยเธอ ยังไม่ยอมให้อิสระกับเขา

แต่เธอกลับห้ามตัวเองไม่ได้ ไม่ทำอย่างนี้ไม่ได้

และหันจื่ออี้ คืนนั้นก็นอนไม่ค่อยหลับ ดังนั้นวันรุ่งขึ้น เขาตื่นสายนิดหน่อย ตอนกลางวัน ทำงานบางส่วน ถึงตอนเย็นเซียวหลินโทรมา เขาบอกว่าตัวเองยุ่ง แต่กลับขับรถไปสุสานของแม่

เขาถือช่อดอกไม้หนึ่ง มาถึงก็วางอย่างเบามือหน้าหลุม แล้วก้มตัวไปถอนหญ้ารอบๆสุสาน เช็ดทำความสะอาดป้ายหลุมฝังศพ

ป้ายหลุมฝันศพสีดำ เพราะผ่านมาหลายปีแล้ว ตัวหนังสือสีทองข้างบนก็สึกหรอเล็กน้อย

หันจื่ออี้ยืนอยู่หน้าหลุม ค่อยๆเปิดปาก“แม่ ผมมาเยี่ยมแม่อีกแล้ว…”

“แม่ยังจำก่อนหน้านี้ที่ผมพูดกับแม่ว่า เพราะล้างแค้น ผมทำร้ายผู้หญิงที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่คนหนึ่ง เธอยังเป็นภรรยาผมได้ไหม?”

หันจื่ออี้พูดถึงตรงนี้ ริมฝีปากค่อยๆยกขึ้น ท่าทีเหมือนปล่อยวาง“เมื่อวาน เธอบอกกับผมว่า เธอยกโทษให้ผมแล้ว”

สองปีมานี้ ความเกลียดตอนนั้นของฮั่วชิงชิง เหมือนเป็นพันธนาการหนึ่ง ขังหัวใจเขาไว้ ทำให้เขาหลับตาก็เห็นภาพเธอที่กระโดดลงจากตึกสูงด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง

แม้ว่าเขาจะช่วยเธอ แต่ฟ้ารู้ ว่าเขาหวังให้เธออภัยให้เขามากแค่ไหน

เขาไม่อยากใช้เรื่องที่เขาช่วยเธอมาแลกเปลี่ยน เพียงแค่หวังจากใจจริง เธอจะไม่เกลียดเขาเพราะเขาใช้ประโยชน์จากการแต่งงานกับเธอ

ถึงอย่างไร ส่วนลึกของเขาไม่อยากทำร้ายผู้หญิงที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่คนหนึ่ง ขวางความสุขทั้งชีวิตของเธอ

ตอนนี้มีลมพัดมาเบาๆ ต้นไม้รอบป้ายหลุมศพสั่นไหว เหมือนกำลังตอบกลับอย่างไร้เสียง

หันจื่ออี้มองที่ป้าย ตาเป็นประกาย“คุณแม่ แม่ดีใจไปกับผมใช่ไหม?ในที่สุดผมก็ไม่ต้องถูกมโนธรรมตราหน้าอีก”

ใบหน้าเขาค่อยๆสว่างขึ้น สุดท้ายคนทั้งคนเหมือนมีพลังชีวิตขึ้น

หันจื่ออี้โค้งคำนับหน้าป้ายหลุมศพของแม่ กำลังหมุนตัวจากไป ก็เห็นผู้ชายอายุประมาณ50ปี ถือไม้เท้าในมือถือดอกกุหลาบเดินเข้ามาทางนี้

ผู้ชายคนนั้น สุดท้ายมาถึงหน้าหลุมของแม่หันจื่ออี้

หันจื่ออี้นิ่ง มองผู้ชายคนนั้น

เขาจำไม่ได้ ว่าแม่ตัวเองมีเพื่อนหน้าตาแบบนี้

“พี่สะใภ้ ผมมาเยี่ยมพี่แล้ว” ชายหนุ่มพูดวางดอกกุหลาบลง แล้วลุกยืนอีกครั้ง โค้งคำนับป้ายหลุมศพ

หันจื่ออี้ได้ยินเขาเรียก“พี่สะใภ้” ในใจยิ่งสงสัย ด้วยเหตุนี้หันไปถาม“คุณ ขอเรียนถามคุณเป็น?”

ชายคนนั้นถึงหันมา มองทางหันจื่ออี้ แต่นัยน์ตากลับไร้แวว

หันจื่ออี้ตกใจ ปรากฏว่าเขาเป็นคนตาบอด

“มองออกใช่ไหม? ผมมองไม่เห็น” ชายคนนั้นอธิบาย“คุณคือลูกชายชิวหย่าเจี๋ยใช่ไหม?”

“ผมเอง”หันจื่ออี้พูด“แล้วคุณ…”

“ผมเป็นเพื่อนของเพื่อนเธอ”ชายคนนั้นพูด“หลายปีนี้ ผมจะมาเยี่ยมแม่ของคุณแทนเขา ในวันที่พวกเขารู้จักกัน”

หัวใจหันจื่ออี้เต้นเร็วขึ้น“หมายความว่าไง?”

ชายคนนั้นอธิบาย “เพื่อนผมชื่อฮั่วเฉิงเลี่ยง เขารู้จักกับแม่คุณ แต่ฟังจากเขามา เขาเคยทำเรื่องที่ไม่มีหน้ามาพบแม่คุณ ดังนั้นวานผมให้มาเยี่ยมสุสานเธอทุกปี อย่างที่คุณเห็น ผมมองไม่เห็น แต่ที่นี่ผมมาหลายสิบครั้งแล้ว ไม่ต้องให้คนพามาตั้งนานแล้ว”

คิดไม่ถึงว่าจะเป็นฮั่วเฉิงเลี่ยง?!

มือของหันจื่ออี้ กำเป็นหมัดแน่น หน้าอกเขากระเพื่อม “เขาทำให้แม่ผมตาย”

ชายคนนั้นอึ้ง แล้วส่ายหน้า “เป็นไปได้ไง?เขาชอบแม่คุณขนาดนั้น และแม่คุณก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเขา”

“แม่ผมจะชอบเขาได้ยังไง?!” หากไม่ใช่ว่าผู้ชายตรงหน้าแก่กว่า และตายังมองไม่เห็น หันจื่ออี้ได้ยินคำพูดให้ร้ายแม่ตัวเอง เขาต้องต่อยมันแน่ ๆ

“พ่อหนุ่ม อย่าตื่นเต้น”ชายคนนั้นรีบพูด“ผมบอกว่าแม่คุณชอบเขา ไม่ได้หมายถึง ระหว่างแม่คุณกับเพื่อนผม มีอะไรกันจริงๆ พวกเขาแค่เป็นเพื่อนกันอย่างบริสุทธิ์ใจ”

พูดอยู่ เขาลูบไปที่กระเป๋าตัวเอง หยิบกระเป๋าสตางค์ใบหนึ่งออกมายื่นให้หันจื่ออี้“ในนี้ ยังมีรูปถ่ายใบหนึ่ง ที่แม่คุณถ่ายคู่กับเพื่อนผม คุณดูก็จะเข้าใจ”

หันจื่ออี้รับไป เปิดกระเป๋าสตางค์และเห็นรูปถ่ายสีสันคู่ใบหนึ่งที่เริ่มเหลืองแล้ว

ตอนนั้นเหมือนเพิ่งเริ่มมีรูปสีไม่นาน สีดูเกินจริงไปหน่อย แต่แม้เป็นอย่างนั้น ก็ดูออกว่าทั้งสองคนในรูปอารมณ์ดีมาก

พวกเขายืนด้วยกัน แม้ตรงกลางจะมีระยะประมาณ20เซนติเมตร แต่กลับทำให้คนรู้สึกชัดเจน ทั้งสองอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข สนิทสนมกลมเกลียวกัน

หันจื่ออี้รู้สึกเหมือนมีอะไรทุ่มมาแรงๆ ทุบบนหัวใจของเขา

เขารู้น้อยมากที่แม่จะยิ้ม แม่ในความทรงจำ เหมือนมีแต่แอบร้องไห้

แต่ลักษณะในรูปถ่าย ไม่ใช่ลักษณะแม่ในสายตาเขา

เธออ่อนเยาว์ กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา และรอยยิ้ม เหมือนมุ่งมั่นอะไรอยู่

เพราะฉะนั้น แม้หัวใจจะไม่อยากเชื่อ หันจื่ออี้ไม่ยอมรับไม่ได้ แม่ตัวเองเคยมีใจให้ผู้ชายคนนั้น

หน้าสุสาน เหลือแต่ความเงียบ