บทที่ 363 ข้าตบเจ้าน่ะแหละ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 363 ข้าตบเจ้าน่ะแหละ

“รถม้าของข้ามีเสื้อผ้าสะอาด พอจะให้เจ้ายืมได้” โม่เหลิ่งเหยียนพูดอย่างได้ใจ

“เหอะ ข้ามิต้องการดอก” จวินหย่วนโยวเดินไปทางหน้าประตูด้วยใบหน้าบึ้งตึง

สายตาโม่เหลิ่งเหยียนเต็มไปด้วยแววได้ใจและสะใจ หันกลับไปดูอี้หมิงต่อ

ฮูหยินโหวเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เขาด้วยตัวเอง เด็กน้อยเลยเงียบเสียงลง

“ฮูหยินอย่าถือสาเขาเลย จวินซื่อจื่อน่ะดื้อรั้นนัก ทำอี้หมิงน้อยตกใจแล้ว ขออภัยด้วย” หยุนถิงบอกอย่างกระดาก

“คุณหนูหยุนเกรงใจไปแล้ว เรื่องในวันนี้เป็นความผิดของอี้หมิงทั้งหมด เขายังเล็กไม่รู้ความ ต้องขอให้ซื่อจื่อไม่ถือสาถึงจะถูก” ฮูหยินโหวขอโทษ

“ผู้ใหญ่อย่างซื่อจื่อน่ะ ไม่ถือสาหาความกับอี้หมิงน้อยดอก”

ตอนจวินหย่วนโยวกลับมา ก็เห็นหยุนถิงยังอุ้มอี้หมิงน้อยอยู่ พลันได้ยินเสียงแสบแก้วหูดังมาจากด้านข้าง

“คุณหนูหยุนนี่ก็แต่งงานกับจวินซื่อจื่อมาหลายเดือนแล้วนะ เหตุใดยังไม่มีวี่แววว่าจะท้องสักที อุ้มลูกคนอื่นแล้วดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร คงมิใช่ว่านางเป็นหมันท้องไม่ได้กระมัง?” ฮูหยินไท่ผิงโหวบอกอย่างดูถูกเสียดสี

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่โดนฮ่องเต้กักบริเวณ พอกลับมาก็โดนไท่ผิงโหวอัดเข้าอย่างหนักอีกยก ดังนั้นฮูหยินไท่ผิงโหวเลยแค้นหยุนถิงนัก

วันนี้มาร่วมงานเลี้ยงครบรอบวันเกิดร้อยวันของบุตรชายแม่ทัพโหว พอเข้ามาก็เห็นหยุนถิงอุ้มเด็กหัวเราะร่าเริงเสียยิ่งกว่าอะไร ฮูหยินไท่ผิงโหวเลยยิ่งโกรธแค้นนัก

“ท่านพูดเบาๆหน่อย จะเป็นศัตรูกับคุณหนูหยุนและจวินซื่อจื่อไม่ได้นะ อีกอย่างคุณหนูหยุนฝีมือการแพทย์เก่งกาจนัก หากร่างกายมีปัญหาอะไร นางก็ต้องรักษาตนเองได้สิ” ฮูหยินอีกคนพูดขึ้น

“เรื่องอย่างนี้มิใช่ว่าท่านหมอจะรักษาได้นะ มีโรคชนิดหนึ่งเรียกว่าเป็นหมัน ข้าว่านางเป็นโรคนี้แหละ”

จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชามาก ดวงตาดำขลับฉายประกายแสงเหี้ยมโหด เขาก้าวเท้ายาวพุ่งไปทางฮูหยินไท่ผิงโหวด้วยความเร็วดุจดาวตก

ฮูหยินไท่ผิงโหวที่กำลังพูดสนุกปาก พลันรู้สึกว่ามีลมแรงปะทะหน้าเข้ามา พอเห็นชัดว่าใครมา ฮูหยินไท่ผิงโหวยังไม่ทันได้ส่งเสียง จวินหย่วนโยวก็ซัดฝ่ามือตบหน้านางฉาดใหญ่ทันที

“เพี๊ยะ!”

“อ๊า!” ฮูหยินไท่ผิงโหวรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แก้มขึ้นมาทันที มือกุมหน้าโดยไม่รู้ตัว

คนอื่นได้ยินเสียง ก็พากันหันมามองทางนี้

“ทุกคนรีบมาดูเร็ว จวินซื่อจื่อตบตีฮูหยินขุนนางต่อหน้าธารกำนัล ขอทุกคนให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วยนะ!” ฮูหยินไท่ผิงโหวแผดเสียงร้องทันที

ถึงฮูหยินไท่ผิงโหวจะกลัวจวินหย่วนโยว แต่โดนตบหน้าฉาดใหญ่ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ หากไม่กู้หน้าคืน ต่อไปนางจะยืนหยันอยู่ท่ามกลางฮูหยินชั้นสูงมากมายของเมืองหลวงได้อย่างไรกัน

“คุณหนูหยุน นี่—“ ฮูหยินโหวเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง

“ฮูหยินวางใจเถอะ ซื่อจื่อรู้ดีว่าอะไรควรมิควร พวกเรายืนดูเรื่องสนุกก็พอแล้ว” หยุนถิงปลอบ ในเมื่อซื่อจื่อตบฮูหยินไท่ผิงโหว ต้องเป็นเพราะสตรีผู้นี้ก่อเรื่องอีกแน่

ฮูหยินโหวหันมองซวนอ๋องอีก เห็นเขาพยักหน้าให้ตนเบาๆ เลยสบายใจขึ้นหน่อย

ห่างไปไม่ไกล สายตาจวินหย่วนโยวทะมึนเย็นเยียบ เหล่มองฮูหยินไท่ผิงโหวอย่างไม่แยแส “ข้าตบเจ้าน่ะแหละ!”

“ทุกคนฟังนะ จวินซื่อจื่อพูดเองนะ ซื่อจื่อเช่นเขารังแกฮูหยินเช่นข้า นี่ยังมีความยุติธรรมอยู่อีกรึ” ฮูหยินไท่ผิงโหวร้องไห้คร่ำครวญ

ไท่ผิงโหวที่กำลังคุยกับโหวฉิงได้ยินเสียงเข้า รีบพุ่งมาทันที และได้เห็นฮูหยินของตนกำลังเถียงคอเป็นเอ็นใส่จวินหย่วนโยวอยู่

ไท่ผิงโหวไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็ตบหน้าฮูหยินของตนไปก่อนเลยหนึ่งฉาด “เจ้าคนโง่งมกล้าทำให้จวินซื่อจื่อโกรธ อยากตายรึ?”

ฮูหยินไท่ผิงโหวน้อยเนื้อต่ำใจนัก “นายท่าน ท่านตบข้า จวินซื่อจื่อตบข้าก่อนนะ ครั้งนี้มิใช่ความผิดข้านะ”

ไท่ผิงโหวชะงัก หรือตนจะคิดผิดไปจริงๆ

“เจ้ากล้าพูดว่าข้าเป็นหมันต่อหน้าธารกำนัล ข้าได้ยินเองกับหู อาศัยแค่คำพูดนี้ของเจ้า ข้าก็สามารถตัดลิ้นเจ้าได้แล้ว แค่ตบเจ้าหนึ่งฉาดน่ะมันยังน้อยไป!” จวินหย่วนโยวย้อนอย่างองอาจ

ฮูหยินไท่ผิงโหวหน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าคำที่ตนพูดเมื่อครู่จะถูกจวินซื่อจื่อได้ยินเข้า

ไท่ผิงโหวสีหน้าดำทะมึนทันที “สตรีเช่นเจ้านี่ปากมิมีหูรูด จวินซื่อจื่อเป็นคนที่เจ้าจะลบหลู่ได้รึ ดูท่าข้าจะลงโทษเจ้าน้อยเกินไปละ ครั้งนี้ข้าจะให้คนส่งเจ้าไปชนบท ชาตินี้อย่าได้หวังจะกลับมาเมืองหลวงอีกเลย”

ฮูหยินไท่ผิงโหวหน้าเหมือนปลาตาย คุกเข่าลงกับพื้นทันที “นายท่าน ขอร้องท่านอย่าส่งข้าไปชนบทเลย เช่นนั้นมิสู้ฆ่าข้าเสียดีกว่า นายท่านข้าสำนึกผิดแล้ว ต่อไปข้าไม่กล้าอีกแล้ว—“

“อับอายขายขี้หน้านัก ใครก็ได้ ลากตัวนางออกไป” ไท่ผิงโหวโกรธจัด

องครักษ์สองคนรีบพุ่งเข้ามาลากตัวฮูหยินไท่ผิงโหวออกไป

คนอื่นต่างมีสีหน้าสาแก่ใจกันทั้งนั้น ปกติแล้วฮูหยินไท่ผิงโหวผู้นี้เป็นหญิงปากมาก ชอบพูดจาว่าร้าย ใส่สีตีไข่คนอื่นลับหลังเสมอ ตอนนี้โดนจวินซื่อจื่อจัดการเสียได้ ช่างสาแก่ใจจริงๆ

“ขอซื่อจื่อโปรดอภัยด้วย ข้าอบรมมิดีเอง ข้าขออภัยซื่อจื่อแทนนางด้วย ยอมให้ซื่อจื่อลงโทษได้ตามใจท่านเลย” ไท่ผิงโหวคารวะอย่างนอบน้อม

จวินหย่วนโยวเหล่มองเขาด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ทำท่าจะพูดอะไรต่อ ก็ได้ยินหยุนถิงบอกว่า “ซื่อจื่อ ข้าหิวแล้วล่ะ”

จวินหย่วนโยวหันไปหาหยุนถิง ใบหน้าเย็นเยียบดุจภูเขาน้ำแข็งพลันละลายลงฉับพลัน มีแต่แววอ่อนโยน “ข้าจะพาเจ้าไปกินข้าว”

“คุณหนูหยุนเชิญด้านนี้เลย ข้าต้อนรับไม่ดีอีก ทุกท่านเชิญด้านในเถิด เริ่มงานเลี้ยงได้!” โหวฉิงรีบบอก

จวินหย่วนโยวจูงมือหยุนถิงเดินเข้าไปด้านใน คนอื่นก็เดินตามเข้าไป

ในงานเลี้ยง

จวินหย่วนโยวคอยช่วยคีบอาหาร แกะเปลือกกุ้ง เอาก้างในเนื้อปลาออก กระดูกของเป็ดไก่ก็เลาะออกให้หมด แล้วถึงจะวางลงในถาดของหยุนถิง

คนอื่นในงานเลี้ยงเต็มตื้นกับความหวานนี้ยิ่งนัก ต่างพากันถอนหายใจว่าหยุนถิงวาสนาดีนัก ถึงได้ทำให้จวินซื่อจื่อรักใคร่ขนาดนี้ ทำเอาคนอื่นอิจฉาไปตามๆกัน

กินดื่มอิ่มแล้ว หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวกลับไป ระหว่างทางผ่านจวนหลู่อ๋อง

หยุนถิงพลันคิดถึงหลู่หวางเฟย และไม่รู้ว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง?

“ซื่อจื่อ ข้าอยากไปเยี่ยมหลู่หวางเฟยสักหน่อย” หยุนถิงบอก

“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วย” จวินหย่วนโยวพูด และให้คนจอดรถม้า พาหยุนถิงมุ่งตรงไปยังจวนหลู่อ๋อง

หลู่อ๋องทีกำลังโรมรันพันตูอยู่บนร่างสาวงามพอได้ยินว่าจวินซื่อจื่อกับคุณหนูหยุนมา ตกใจจนเข่าอ่อนทันที ผลุนร่างขึ้นมาจากร่างสาวงามอย่างลนลาน หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาอย่างรีบร้อนและสวมใส่ทันที

เหตุใดจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงถึงมาเรือนตนได้ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?

หลู่หวางเฟยได้ยินว่าหยุนถิงมา ก็ดีใจนัก รีบออกมาต้อนรับด้วยตัวเองทันที

“หลู่หวางเฟย สีหน้าท่านดูไม่เลวเลย ระยะนี้เป็นอย่างไร?” หยุนถิงพูดเปิดประเด็น

“คุณหนูหยุนท่านมาได้อย่างไรกัน ข้าดีใจยิ่งนัก ไม่คิดว่าท่านยังคิดถึงข้า ข้าทำตามที่ท่านบอกเสมอ ดูแลร่างกาย นี่ก็ผ่านไปสองเดือนแล้ว กำลังคิดว่าในสองวันนี้จะไปถามท่านว่าต้องทำอย่างไรต่อไป?”

“ข้าจะช่วยจับชีพจรให้ท่าน” หยุนถิงยื่นมือเข้ามา

หลู่หวางเฟยรีบยื่นมือออกมา ผ่านไปสักครู่หยุนถิงถึงคลายข้อมือนางออก “ร่างกายฟื้นฟูได้ไม่เลว แบบนี้ทุกครั้งที่ระดูหมดไปสิบกว่าวันก็จะสามารถร่วมมีสัมพันธ์ได้เลย มีสัมพันธ์ติดต่อกันสักสามสี่วันก็ได้แล้ว”

หลู่หวางเฟยตื่นเต้นยิ่งนัก “จริงรึ คุณหนูหยุน ดียิ่งนัก หากท้องได้จริง ท่านก็เป็นพระโพธิสัตว์มีชีวิตของข้าแล้วจริงๆ”