บทที่ 400 ได้ยลโฉมหน้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 400 ได้ยลโฉมหน้า

บทที่ 400 ได้ยลโฉมหน้า

กู้หนิงอันผู้นี้เป็นคนละเอียดอ่อน เมื่อครั้งที่ฉินเย่จือมาที่บ้านกู้ เขาปฏิเสธฉินเย่จืออยู่ช่วงหนึ่ง

แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฉินเย่จือเป็นคนนอก กู้หนิงอันที่เป็นกังวลเกี่ยวกับพี่สาวและน้องชายของเขา เมื่อเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าที่บ้านจึงเป็นเรื่องปกติที่จะต้องระมัดระวังไว้

“ไม่เป็นไร ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าก็จะทำเช่นนั้นเหมือนกัน!” ฉินเย่จือกล่าวอย่างใจเย็น คำพูดสั้น ๆ ไม่เพียงปลดปล่อยกู้หนิงอันจากความรู้สึกผิดที่เคยกีดกันฉินเย่จือมาก่อนเท่านั้น แต่ยังบอกกู้หนิงอันอีกด้วยว่าสิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้นั้นถูกต้องแล้ว และไม่จำเป็นต้องขอโทษ

เมื่อกู้หนิงผิงเห็นว่ากู้หนิงอันยอมรับอาจารย์ของเขาในที่สุด เขาก็มีความสุขยิ่งนัก เขาคว้ามือกู้หนิงอันมา ก่อนพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านพี่ อาจารย์ยังมีกระบวนท่าอีกมากมาย ไว้ครั้งหน้าท่านกลับบ้านมา ข้าจะสอนท่าน!”

กู้หนิงอันพยักหน้าหงึกหงัก แล้วเหลือบมองไปที่ฉินเย่จืออย่างขอบคุณ “พี่ฉิน เชิญ!”

หลังจากที่ครอบครัวรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวหวานกับฉินเย่จือก็ขับเกวียนวัวไปส่งกู้หนิงอันที่สำนักศึกษา

เมื่อกู้หนิงอันมาถึงที่สำนักศึกษา เขาก็ได้พบกับกู้จือเหวิน

แก้มข้างหนึ่งของกู้จือเหวินยังคงบวมเป่ง แต่คนที่รักหน้าตาอย่างกู้จือเหวินกลับออกมาพบปะผู้คนในสภาพเช่นนี้ ดูเหมือนว่าการที่สวีเฉิงเจ๋อกล่าวว่าจะให้เขาออกจากสถานศึกษาเมื่อวานนี้จะทำให้เขาตกใจยิ่งนัก

กู้จือเหวินไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นกู้เสี่ยวหวานที่ประตูทางเข้า ความโกรธแค้นในสายตาของเขาดูราวกับว่าทนรอที่จะกลืนกินกู้เสี่ยวหวานเข้าไปไม่ไหว

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้แสดงความอ่อนแอออกมา เมื่อเห็นกู้จือเหวินจ้องมองนางอย่างดุร้าย กู้เสี่ยวหวานก็จ้องมองกลับไป

กู้จือเหวินหัวเราะ ก่อนเขาจะแค่นเสียงเย็น “กู้เสี่ยวหวาน สักวันหนึ่งข้าจะทำให้เจ้าอวดดีไม่ออก”

กู้เสี่ยวหวานเองก็แค่นเสียงใส่อย่างไม่สนใจคำขู่ของกู้จือเหวิน ก่อนนางตอบด้วยเสียงต่ำ “กู้จือเหวิน ถ้าเช่นนั้นข้าจะตั้งตารอวันนั้น!”

กู้จือเหวินแค่นเสียงเย็น ก่อนรอยยิ้มที่ลึกลับจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาหันหลังกลับเข้าไปในสำนักศึกษา

กู้หนิงอันจับมือพี่สาวของเขาไว้และพูดอย่างเป็นกังวลว่า “ท่านพี่ ข้าจะเข้าไปข้างในแล้ว ท่านกับน้องชายต้องระวังตัวด้วยนะ!”

หลังจากพูดจบ เขาเหลือบมองไปยังฉินเย่จือที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาคาดหวังและเป็นกังวล ฉินเย่จือส่งสายตาให้เขาวางใจ กู้หนิงอันจึงหันหลังกลับเข้าไปในหอหนังสืออวี้พลางหันกลับมามองทุกสามก้าว

สวีเฉิงเจ๋อที่กำลังเดินออกไป ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวาน เขารู้สึกอายเล็กน้อยก่อนก้าวไปข้างหน้า “เสี่ยวหวาน”

เรียกแล้วแต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี!

กู้เสี่ยวหวานยิ้มราวกับว่านางไม่ได้นำเรื่องที่สวีเฉิงเจ๋อปล่อยให้กู้จือเหวินกลับมาเรียนที่หอหนังสืออวี้เมื่อวานนี้มาใส่ใจเลย “พี่เฉิงเจ๋อ!”

ยังคงเป็นคำเรียกเดิม แต่น้ำเสียงและแววตาไม่เบิกบานเหมือนเมื่อก่อน

สวีเฉิงเจ๋อรู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่ใบหน้าของเขายังเผยรอยยิ้มฝืนออกมา “เจ้าเข้าไปนั่งข้างในสักหน่อยเถอะ!”

แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่เต็มใจที่จะแยกกับกู้หนิงอัน แต่นางก็ยังคงส่ายหัวหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ไม่ล่ะ พี่เฉิงเจ๋อ ที่บ้านยังมีหลายสิ่งต้องทำ ดังนั้นพวกเราจะกลับกันก่อน”

หลังจากพูดจบ นางก็ทำความเคารพและเดินกลับไปที่เกวียน ฉินเย่จือจับมือกู้เสี่ยวหวาน ก่อนช่วยนางขึ้นไปบนเกวียนวัว

ฉินเย่จือกำลังจะออกเดินทาง แต่เห็นกู้เสี่ยวหวานกระโดดลงจากเกวียนวัวอีกครั้งและเดินไปทางสวีเฉิงเจ๋อ

สวีเฉิงเจ๋อดีใจมากเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานย้อนกลับมา เขารีบไปหานางและเรียกอย่างตื่นเต้นว่า “เสี่ยวหวาน…”

ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานมีรอยยิ้มอยู่ หากแต่มันดูห่างเหิน และนางพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “พี่เฉิงเจ๋อ ฝากน้องชายของข้าด้วยนะ”

หัวใจของสวีเฉิงเจ๋อดิ่งลง คำพูดของกู้เสี่ยวหวานเห็นได้ชัดว่ากล่าวโทษสวีเฉิงเจ๋อ

ใบหน้าของสวีเฉิงเจ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ก่อนพยักหน้า “เสี่ยวหวาน ไม่ต้องกังวลไป”

เมื่อเห็นว่าสวีเฉิงเจ๋อตกลงแล้ว กู้เสี่ยวหวานยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง ด้วยความช่วยเหลือของสวีเฉิงเจ๋อ นางก็เอ่ยขอบคุณเขาและขึ้นเกวียนไปอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าเกวียนวัวกำลังเคลื่อนห่างออกไปเรื่อย ๆ สวีเฉิงเจ๋อก็ลอบถอนใจ โดยใบหน้าของเขาดูโดดเดี่ยวยิ่งนัก

ไม่มีใครเห็นว่าตรงหัวมุมมีเด็กหญิงอายุสิบสามปียืนอยู่ด้วยท่าทางตื่นเต้นมากเมื่อได้เห็นฉินเย่จือ

นางคือกู้ซินเถา นางมองดูเกวียนวัวจากไปด้วยความหมกมุ่น เมื่อครู่นางก็เดินตามกู้จือเหวินมาตลอดทาง กู้ซินเถาคิดในใจว่าถ้ากู้หนิงอันมาที่สำนักศึกษาในวันนี้ กู้เสี่ยวหวานจะมากับเขาแน่นอน ดังนั้นคนผู้นั้นก็น่าจะมาด้วย

กู้ซินเถาไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของนางได้ นางไม่ได้พักผ่อนตลอดทั้งคืน กู้ซินเถาจินตนาการถึงใบหน้าภายใต้หน้ากากอัปลักษณ์ตลอดทั้งคืนอย่างตื่นเต้น

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น นางจึงแอบตามกู้จือเหวินออกจากบ้านมา ทันทีที่นางมาถึงหอหนังสืออวี้ นางก็พบกู้เสี่ยวหวานอย่างไม่คาดคิด จากนั้นก็ได้เห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างกายกู้เสี่ยวหวานอย่างไม่คาดฝัน

กู้ซินเถาซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว

เมื่อฉินเย่จือหันกลับมา กู้ซินเถาก็ได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน เพียงแค่ชำเลืองมอง กู้ซินเถาก็อดสั่นสะท้านไม่ได้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ร่างสูงสง่า ใบหน้างดงามดังรูปสลัก ผมสีเข้มหนาถูกมัดด้วยที่รัดผม แต่ใต้คิ้วดาบมีดวงตาเรียวยาวคู่หนึ่งชวนหลงใหล ดวงตาคู่นี้ส่องสว่างยิ่งกว่าดวงดาราเมื่อคืนนี้

ใบหน้าที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่างดงามหรือหล่อเหลา ทำให้กู้ซินเถาตกหลุมรักในทันที

กู้ซินเถามองไปที่ด้านหลังของพวกเขาอย่างหมกมุ่น และเหม่อลอยอยู่เช่นนั้นสักพักใหญ่

จนกระทั่งพวกเขาหายไปจนนางมิอาจมองไม่เห็นอีกต่อไป กู้ซินเถาที่รู้สึกตื่นเต้นยิ่งก็วิ่งเหยาะ ๆ กลับบ้านด้วยความตื่นเต้นที่ฉายชัดบนใบหน้าของนาง

บนเกวียนวัว ฉินเย่จือกำลังขับเกวียนอยู่ข้างหน้า ส่วนกู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ด้านหลัง บรรยากาศค่อนข้างเงียบไปสักหน่อย

“โกรธอาจารย์สวีงั้นหรือ?” ฉินเย่จือถามขึ้นเมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่พูดจา และดูคล้ายว่ามีความโกรธแผ่ออกมาจากร่างของนางเล็กน้อย

“เหตุใดข้าต้องโกรธเขา เขาเป็นอาจารย์ของหนิงอัน!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวว่าไม่โกรธ แต่น้ำเสียงในถ้อยคำเหล่านั้นดูขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด

ฉินเย่จือยิ้มและถามอย่างขมขื่น “ถ้าอย่างนั้น อาจารย์สวีต้องการที่จะรั้งเจ้าไว้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าทนแยกจากหนิงอันไม่ได้ เหตุใดเจ้าถึงไม่นั่งพักที่นั่นสักครู่เล่า”

กู้เสี่ยวหวานดูเหมือนจะมองเห็นความคิดในใจของฉินเย่จือ จึงกลอกตาใส่เขาและพูดอย่างโกรธเคือง “แล้วเหตุใดเจ้าไม่อยู่!”

“แต่เขาไม่ได้ชวนข้า!” ฉินเย่จือกล่าวพลางนึกตลกกับท่าทางอันธพาลของกู้เสี่ยวหวาน

เขามองเข้าไปในดวงตาของกู้เสี่ยวหวานด้วยสีหน้าเอ็นดู