ตอนที่ 247 อวี้ชิงลั่วผู้น่าสงสาร

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 247 อวี้ชิงลั่วผู้น่าสงสาร
ตอนที่ 247 อวี้ชิงลั่วผู้น่าสงสาร

เย่ซิวตู๋หรี่ตาลง แสดงท่าทางราวกับว่าจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มจ้องมองไปยังเหมิงกุ้ยเฟย

หากแต่นางยังมีท่าทางนิ่งเฉยไม่สนใจสิ่งใด ราวกับจะให้ถ้อยคำที่ว่า ‘เหมียวกงกงอยู่ข้างนอกเจ้ารีบออกไปเร็วเข้า เสด็จพ่อมีเรื่องด่วนจะต้องการพบเจ้า’ เป็นสัญญาณรั้งตัวเขาออกไป

เย่ซิวตู๋มองไปยังอวี้ชิงลั่วที่เงยหน้าขึ้นมา และขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ท่านอ๋อง พิษขององค์ชายเจ็ดท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป มีข้าอยู่ ยังไงก็ต้องแก้พิษให้องค์ชายเจ็ดได้แน่ ๆ จะไม่ให้เขาเป็นอันตรายแม้แต่น้อย” อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงและยิ้มขึ้นโดยไม่เป็นกังวลแม้แต่น้อย

มุมปากของเย่ซิวตู๋กระตุกอย่างน่าสงสัยสองวูบเขากังวลว่านางจะตกอยู่ในกำมือของเหมิงกุ้ยเฟย แต่สตรีนางนี้ก็จะยังไล่เขาไป

อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากท่าทางของนางแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีแผนการบางอย่างที่คิดไว้แล้ว ไม่ว่าเหมิงกุ้ยเฟยจะมีอำนาจแค่ไหน แต่ก็คงไม่ลงมือกับอวี้ชิงลั่วในขณะที่นางที่กำลังแก้พิษให้กับเย่ฮ่าวถิง

เย่ซิวตู๋เม้มปาก พยักหน้าเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ได้ ลูกจะไปพบเสด็จพ่อ จะให้เสิ่นอิงอยู่ที่นี่ แม่นางชิงรีบแก้พิษล่ะ ถ้าเสร็จแล้วก็ให้เสิ่นอิงไปส่งแม่นางที่ประตูวังเพื่อรอลูก”

“ได้” อวี้ชิงลั่วพยักหน้าแต่ไม่ได้มองอีกฝ่าย เพียงแค่ก้มศีรษะลงเพื่อพิจารณาชีพจรเย่ฮ่าวถิงอย่างรอบคอบ

เย่ซิวตู๋กัดฟันเล็กน้อย แล้วเอ่ยลาเหมิงกุ้ยเฟย ก่อนจะตามเหมียวกงกงออกไป

เสียงฝีเท้าของค่อย ๆ หายไป เจี่ยนเซียงพยักหน้าให้กับเหมิงกุ้ยเฟยเพื่อส่งสัญญาณว่าท่านอ๋องซิวไปแล้วจริง ๆ หลังจากนั้นเหมิงกุ้ยเฟยจึงคลี่ยิ้มอย่างเย็นชาและนั่งลง ค่อย ๆ กวาดสายตามองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า

หมอปีศาจงั้นหรือ? คาดไม่ถึงว่าหญิงสาวอายุเพียงน้อยนิดจะสามารถมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งใต้หล้า เดิมทีนางมีความคิดที่จะดึงหมอปีศาจผู้นี้มาเป็นพวกของตนเพื่ออำนาจ

เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกหมอเสิ่นชายเฒ่าไร้น้ำยาฉวยโอกาสไป จนตอนนี้ทำให้หมอปีศาจตัวจริงตกอยู่ในน้ำมือของเย่ซิวตู๋

น่าเสียดายที่สาวงามคนนี้ถูกลิขิตให้ตกอยู่ในมือของนาง ถึงแม้ว่านางจะมีพรสวรรค์ แต่จะต้องไม่ตกไปเป็นที่ของเย่ซิวตู๋

ถ้าจะโทษ ก็คงต้องโทษนางเองที่ไม่รู้จักให้เกียรติ เป็นหมอปีศาจผู้ลึกลับในตำนานดี ๆ ไม่ได้หรือ? เหตุใดต้องออกมาช่วยเย่ซิวตู๋ ตอนนี้อำนาจของเย่ซิวตู๋เป็นที่น่ากังวลอยู่แล้ว ถ้าได้ความช่วยเหลือที่จากหมอปีศาจเพิ่มเข้าไปอีก วันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร?

“แม่นางอวี้ พิษของฮ่าวถิงเมื่อไรจะแก้แล้วเสร็จ?”

อวี้ชิงลั่วหันหลังให้กับเหมิงกุ้ยเฟย ในมือของนางมียาอยู่หนึ่งเม็ดค่อย ๆ ป้อนเข้าปากของเย่ฮ่าวถิง จับหน้าของเขาเงยขึ้นช้า ๆ กดด้วยแรงเล็กน้อยยาเม็ดนั้นก็ลงท้องเขาไป

ไม่ได้ยินคำถามของเหมิงกุ้ยเฟย นางเพียงแค่กระตุกริมฝีปากวูบหนึ่ง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “พิษขององค์ชายเจ็ดนั้นนับว่าแก้ไม่ยากและมียาแก้พิษ และพิษก็หายไปแล้วมากกว่าครึ่ง”

มากกว่าครึ่ง?

เหมิงกุ้ยเฟยขมวดคิ้ว “ความหมายของเจ้าคือ เขากินยาแก้พิษ พิษในร่างกายก็หายไปแล้วมากกว่าครึ่ง?”

“เพคะ” อวี้ชิงลั่วยื่นมือไปเปิดกระเป๋ายาข้าง ๆ และหยิบเข็มออกมาสามสี่เล่ม “องค์ชายเจ็ดไม่ได้สติมาหลายวันแล้ว ร่างกายไม่ได้มีเหงื่ออกและการเผาผลาญเองก็ไม่ปกติ จึงมีพิษสะสมและต่อต้านเล็กน้อย”

เหมิงกุ้ยเฟยรีบมาคว้ามือนางไว้ มุมปากของนางกระตุกด้วยความเกลียดชัง ทั้งหมดเป็นเพราะเย่ซิวตู๋

“แต่ว่าเหมิงกุ้ยเฟยอย่าได้เป็นกังวลไป ถึงอย่างไรแล้วท่านอ๋องซิวก็กำชับหม่อมฉันเอาไว้ว่าต้องรักษาท่านอ๋องเจ็ดให้หาย เช่นนั้นแล้วหม่อมฉันจะต้องช่วยองค์ชายเจ็ดถอนพิษจนหมด” ว่าแล้วหญิงสาวก็แทงเข็มเข้าไปบริเวณศีรษะของเย่ฮ่าวถิง และหมุนเข็มเบา ๆ

เมื่อเหมิงกุ้ยเฟยได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้จึงวางใจ ถึงแม้ว่าเย่ซิวตู๋จะรู้สึกเกลียดอีกฝ่าย แต่ว่าในช่วงเวลาแบบนี้ยังไม่ถึงเวลาจะสังหารฮ่าวถิง

เจี่ยนเซียงรินชาให้นางแก้วหนึ่ง เหมิงกุ้ยเฟยจิบหนึ่งคำ หลังจากนั้นจึงมองไปที่กระเป๋ายาที่วางไว้ตรงขอบเตียง

เมื่อวานในตอนที่เฟยเกอกลับมาก็ได้บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในร้านอาหารเยว่หมิง ยังบอกอีกว่าเป็นเพราะกระเป๋ายาบนตัวของนาง ที่ทำให้ท่านข่งจดจำนางได้

ในกระเป๋ายานั้นมีของมากมายจริง ๆ เข็มเงิน ผ้า กรรไกร มีด และขวดยา ในนั้นล้วนมีแต่ของที่หมอทั่วไปใช้กัน เพียงแต่ว่าก็ยังมีของแปลก ๆ ไม่กี่ชิ้น ที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

“กระเป๋ายาใบนี้ของแม่นางชิงนั้นละเอียดงดงาม ของด้านในนั้นก็ไม่เคยเห็นเช่นกัน”

“อ้อ นั่นคือของที่หม่อมฉันให้คนทำขึ้น ใช้เวลาไปมากพอสมควร”

เหมิงกุ้ยเฟยหรี่ตาลง ของที่นางให้คนทำหรือ? เอ่ยขึ้นแบบนี้แสดงว่ามีเพียงแค่ชิ้นเดียว ไม่น่าแปลกใจที่ท่านข่งจะสามารถมองกระเป๋าแล้วจะจดจำได้

เหมิงกุ้ยเฟยส่งแก้วชาให้กับเจี่ยนเซียง มองดูท่าทางที่ชำนาญของนางอย่างเงียบ ๆ เหมิงกุ้ยเฟยเงียบไปได้เพียงสักครู่ก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้น “แม่นางชิงไปรู้จักซิวเอ๋อร์ได้เช่นไร?”

“เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้เวยเยวี่ยนโหวส่งคนมาตามล่าหม่อมฉัน ท่านอ๋องมาช่วยหม่อมฉันไว้ และหม่อมฉันเองก็เป็นหนี้ชีวิตหนึ่งหน ดังนั้นวันนี้จึงมาชดใช้คืนโดยการช่วยชีวิตองค์ชายเจ็ดให้กับเขา” คำตอบของอวี้ชิงลั่วกระชับชัดเจน ซึ่งทำให้เหมิงกุ้ยเฟยที่คุ้นเคยกับการแอบสอดแนมกับเหล่าสนมตำหนักในนั้นโมโหเป็นอย่างมาก

หึ ช่วยชีวิตหรือ? พูดได้น่าฟัง เห็นได้ชัดว่าพิษนี้เย่ซิวตู๋เป็นคนทำ

“เมื่อเอ่ยเช่นนั้นแล้ว หลังจากที่ช่วยชีวิตฮ่าวถิงในวันนี้แล้ว แม่นางชิงจะออกจากเมืองหลวงหรือไม่?”

“คงจะเป็นเช่นนั้น หรือบางทีก็อาจจะไม่ เรื่องนี้มันไม่แน่นอน จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะแห่งหนใดหม่อมฉันก็คุ้นเคยเพราะสี่คาบมหาสมุทรเป็นบ้านของหม่อมฉัน”

เจี่ยนเซียงที่อยู่อีกฝั่งรู้สึกกระวนกระวาย เหตุใดหมอปีศาจผู้นี้จึงพูดจาแข็งกระด้างเช่นนี้ พูดจาเช่นไรให้เหมือนไม่พูด

อย่างไรก็ตามแล้วหญิงสาวก็ชื่นชมแม่นางชิงผู้นี้เป็นอย่างมาก เมื่อเผชิญหน้ากับกุ้ยเฟยที่สูงส่ง นางกลับไม่รู้รู้สึกหวาดกลัวหรือยำเกรงเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดที่นางเอ่ยมานั้นเหมือนกับการนินทาคุยเล่นอย่างไรอย่างนั้น โดยที่ไม่กังวลเลยว่าการพูดจาเช่นนี้จะนำไปสู่ความตาย

หรือท้ายที่สุดแล้วแม่นางชิงผู้นี้มีนิสัยเช่นนี้ เป็นคนที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดเลย

เหมิงกุ้ยเฟยหัวเราะออกมา นางเหลือบมองสีหน้าของเย่ฮ่าวถิงที่ค่อย ๆ ดีขึ้นมา และเข็มเงินที่อวี้ชิงลั่วปักไปบนร่างของชายหนุ่มก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ เหมิงกุ้ยเฟยรู้ว่าพิษกำลังออกมาจากร่างกาย และลูกชายของตนก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร

จนถึงตอนนี้ สีหน้าของเหมิงกุ้ยเฟยก็ค่อย ๆ ดีขึ้น และอารมณ์ก็ค่อย ๆ สงบลง ดวงตาทั้งสองที่จับจ้องไปยังอวี้ชิงลั่ว เปี่ยมไปด้วยการครุ่นคิด

“แม่นางชิงต้องอยู่ข้างนอกตัวคนเดียวจะต้องลำบากเป็นอย่างมาก ช่างทำให้ผู้คนที่พบเห็นนั้นโศกเศร้าเจ็บปวด ในสายตาของเรา สำหรับหญิงสาวแล้วควรจะมีสามีที่ไว้ใจได้ชีวิตจะได้มั่นคง แม่นางชิงว่าเช่นไร? ”

อวี้ชิงลั่วคิดขึ้นมา ในที่สุดหัวข้อหลักก็มาถึงแล้วหรือ?

หญิงสาวค่อย ๆ ดึงเข็มออกมาทีละเล่ม ๆ และให้เฟยเกอไปหยิบถาดเข้ามาและนำเข็มลงไปวางในนั้น หลังจากนั้นจึงตอบกลับ “กุ้ยเฟยหมายความว่า ตัวคนเดียวอยู่ในโลกภายนอกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย”

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนานหนานที่มักจะทำตัวดื้อรั้นเสมอ

“เราเองก็สงสารแม่นางชิงเหลือเกิน ตอนนี้เจ้าเองก็ได้ช่วยชีวิตองค์ชายเจ็ดเอาไว้ นับว่าเป็นคนที่มีบุญคุณต่อเรามหาศาล เราจึงจะตอบแทนความกรุณาของเจ้า” เหมิงกุ้ยเฟยหัวเราะขึ้นมา เมื่อเห็นว่าหญิงสาวดึงเข็มเล่มสุดท้ายออกมา นางจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นจากขอบเตียงและใช้ผ้าเช็ดเหงื่อบริเวณหน้าผากขององค์ชายเจ็ด หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมายิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เรามีความตั้งใจของเรา ไม่ทราบว่าแม่นางยินยอมที่จะรับฟังหรือไม่”

…………………………

สารจากผู้แปล

นังเหมิงกุ้ยเฟยมีแผนการอะไรกันแน่ ต้องการจะให้อวี้ชิงลั่วทำอะไร

ไหหม่า(海馬)