บทที่ 447 มีอะไรกันได้ แต่ก็ต้องรู้จักหยุด

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

ฮั่วชิงชิงตกใจกับการกระทำที่ไม่คาดคิดของหันจื่ออี้จนทำให้ทั้งตัวนั้นถึงกลับแข็งทื่อ นอกจากนี้ สัมผัสที่เขาได้พาดแขนไว้บนตัวของเธอนั้นความรู้สึกมันก็ชัดเจนขึ้นมาในทันที

เธออยากจะขยับ แต่ก็กลัวเขาจะตกใจตื่น ดังนั้นตัวเธอก็แข็งทื่ออยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่ขยับเขยื้อน

และเขาดูเหมือนว่ายังอยู่ในความรู้สึกที่ขมุกขมัว และได้สัมผัสกับอะไรบางอย่างที่ทำนองเดียวกันกับหมอนข้าง ดังนั้น ก็เลยยื่นมือออกไปดึงฮั่วชิงชิงเข้ามา

ฮั่วชิงชิงจากที่นั่งอยู่ข้างๆก็ถูกหันจื่ออี้ดึงลงไป ทันใดนั้นก็ทำให้สูญเสียบาลานซ์ตัวและล้มลงไปอยู่บนเตียง

ดังนั้น เขาก็เลยฉวยโอกาสกอดเธอไว้เต็มอ้อมกอด และต่อไปเขาก็ยังคงกอดเธอไว้ในอ้อมกอดแน่นขึ้น จากนั้นยังยกขาขึ้นมาพาดฮั่วชิงชิงเพื่อล้อมเอาไว้อย่างเต็มรูปแบบ

ทันใดก็เกิดเหตุไม่คาดคิด ทำให้ฮั่วชิงชิงไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไง และปลายจมูกที่มีกลิ่นอายที่คุ้นเคยก็ได้รุกเข้ามายังปราสาทรับกลิ่น และมันก็ทำให้คนตกอยู่ในภวังค์ทันที

เธอรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเต้นอยู่ตรงทรวงอกของตัวเอง และลมหายใจของเขาก็อยู่ตรงหน้าผากของเธอ ทำให้ผมของเธอบินแล้วก็รู้สึกคันเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าอ้อมกอดแบบนี้จะทำให้คนรู้สึกอยากได้มากๆ แต่ถึงอย่างไรตอนนี้หันจื่ออี้ก็ยังไม่รู้สึกตัว ถ้าหากว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเธอ เขาจะมีท่าทีโต้ตอบอย่างไร ?

เขาอุตส่าห์ยอมให้เธอเอาทะเบียนไปจัดการเรื่องหย่า แล้วเธอยังจะมาอยู่บนเตียงของเขาอีก มันเหมือนกับว่า……

เมื่อฮั่วชิงชิงคิดถึงจุดนี้ ก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วก็กำลังจะออกมาจากอ้อมกอดของหันจื่ออี้

ถึงอย่างไร เธอก็อยากจะคุยกับเขาอย่างจริงจัง ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในสภาพที่เขาไม่รู้สึกตัวแบบนี้

แต่ทว่าเมื่อเธอกำลังจะยกแขนของเขาออก เขาก็ดูเหมือนว่าจะสังเกตเห็น

ดวงตาของเขายังคงปิดสนิท แต่เขายังขมวดคิ้วเล็กน้อย และแขนของเขาก็ได้โอบเธออีกครั้ง จากนั้นก็พูดพึมพำราวกับกำลังละเมอออกมา : “ อย่าไปนะ……”

ฮั่วชิงชิงก็ดูเหมือนว่าจะหยุดชะงักในทันที เธอเบิกตากว้างมองเขา แล้วก็อยากรู้ด้วยว่าเขาไม่อยากให้ใครไปกันแน่

“ อย่าไปจากฉันเลยนะ…..” ในน้ำเสียงของหันจื่ออี้นำพามาซึ่งความเจ็บปวดและความโศกเศร้าเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะล้วนทำให้เธอนั้นรู้สึกเศร้าโศกไปด้วยเล็กน้อย

ฮั่วชิงชิงเคยเห็นเขาแบบนี้ที่ไหนกันนะ ? ทันใดนั้น เธอก็ไม่ขยับ แล้วก็ในใจก็เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ค่อยๆไหลล้นออกมา และมันก็ทำให้พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลโดยที่ไม่รู้ตัว : “ โอเค ฉันไม่ไป แล้วฉันก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น จะอยู่ข้างๆคุณที่นี่ ”

แขนของเขาก็โอบแน่นขึ้นเล็ก จากนั้น ฝ่ามือของเขาก็ได้ไถลไปตามหลังของฮั่วชิงชิง

ถึงแม้จะรู้ว่ากันหันจื่ออี้นั้นไม่รู้สึกตัว แต่ทว่าสัมผัสแบบนี้ มันดูคล้ายกับจุดไฟในตัวของฮั่วชิงชิง

ความร้อนผ่าวนี้ก็ก่ายขึ้นมายังหน้าแก้มของเธอ และปริมานเลือดในสมองก็เพิ่มขึ้น จนทำให้รู้สึกถึงการวิงเวียนของศีรษะ

เธอซ่อนอยู่ในอ้อมกอดของเขา และเห็นว่าว่าคิ้วของเขาก็ยังคงดูไม่ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ดังนั้นก็เลยยกมือขึ้นมาอีกครั้งและคลึงไปที่คิ้วของเขาเบาๆ

เขาก็ค่อยๆผ่อนคลายลงจากการสัมผัสของเธอ แต่ด้วยความสัญชาตญาณแล้วเขาก็เอื้อมมือไปจับมือของเธอไว้

เธอตกใจไปทั้งตัวจนไม่กล้าจะหายใจไปสักแป๊บ

และเขาที่หยุดไปชั่วขณะ ก็ได้ก้มศีรษะลงไปจูบเธอ

ฮั่วชิงชิงตกใจมาก แต่ทว่าหันจื่ออี้ก็ยังหลับตาอยู่ ดูเหมือนกับว่าไม่รู้สึกตัวอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วก็ไหลไปตามน้ำแบบนั้น จากนั้นก็จูบไปยังหน้าผากและจูบลงมาเรื่อยๆ

จูบของเขาที่ละเอียดอ่อนก็ได้เริ่มจากคิ้วตา จมูก สุดท้ายก็มาหยุดอยู่บนริมฝีปากของเธอ

ทันใดนั้น เธอก็ดูเหมือนกับถูกโจมตีด้วยกระแสไฟขนาดใหญ่ ทำให้ริมฝีปากสั่นเทาและทั้งตัวก็ถึงกลับแข็งทื่อไปเลย

การจูบแบบนี้ นานมากๆแล้วที่ไม่เคยมี

บางที หันจื่ออี้อาจจะตกอยู่ในภวังค์ที่ขมุกขมัวเล็กน้อย ดังนั้นทำให้เขาหยุดไปหลายวินาที จากนั้นก็ใช้มือลูบเบาๆตรงริมฝีปากของเธอ

หัวใจก็ดูประหนึ่งลำน้ำที่แห้งขอด แล้วจู่ๆก็มีแหล่งน้ำธรรมชาติเข้ามาเติมเต็ม ฮั่วชิงชิงรับจูบที่นุ่มนวลของเขาโดยที่ไม่ขยับเลย จนกระทั่ง หันจื่ออี้แลบปลายลิ้นออกมาจากนั้นก็แหย่เข้าไปในระหว่างฟันของเธอ

หัวใจของเธอแทบจะพุ่งออกมาจากลำคอ ฮั่วชิงชิงไม่สามารถขยับตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ถึงอย่างไรร่างกายของเธอก็ได้เริ่มอ่อนระทวยไปกับการจูบแบบนี้

แขนที่เขาโอบก็ได้แน่นขึ้นเล็กน้อยจากนั้นก็ยังคงจูบเธออย่างต่อเนื่อง

มือของเขาก็ได้สอดเข้าไปในผมของเธอ มีความรู้สึกจั๊กจี้แต่ก็ได้กลิ่นอายของความปกป้อง

ฮั่วชิงชิงถูกอารมณ์แบบนี้คล้อยตาม ทำให้ความรู้สึกลึกๆในใจที่ถูกซ่อนไว้ก็ได้ถูกฉุดดึงออกมา และมันก็ได้ทะลักออกมา

มือของเธอก็อดไม่ได้ที่จะล้อมไปยังด้านหลังของหันจื่ออี้ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาและเริ่มตอบรับกับการจูบของเขา

ระหว่างริมฝีปากและฟัน มีกลิ่นอายของเขา และกลิ่นหอมของไวน์ มันมาซึ่งลมหายใจของคนเมา ทำให้ดึงความระมัดระวังและสติที่มีอยู่แต่เดิมทิ้งไป และฮั่วชิงชิงก็ได้เริ่มตอบรับกลับไปด้วยความเร้าร้อนมากยิ่งขึ้น

อันที่จริงแล้ว เธอก็ยังคงไม่ชำนาญมากๆ แต่บางสิ่งที่เกิดจากสัญชาตญาณของมนุษย์เอง โดยเฉพาะเมื่อความรู้สึกนั้นได้ทุ่มเทเป็นพิเศษ มันก็จะสามารถปลุกระดมความชำนาญมากมาย ที่แม้กระทั่งจะกระตุ้นอารมณ์ก็ไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้

ฮั่วชิงชิงรู้สึกว่าร่างกายของเธอนั้นยังคงมีเหงื่อ แต่ทว่าก็มีความรู้สึกว่างเปล่าบางอย่าง ทำให้เธอระงับอารมณ์ไม่อยู่แล้วอยากจะแนบชิดติดกับเขา และอยากจะได้มากกว่านี้

และด้วยสถานการณ์เธอก็เป็นฝ่ายรุกเข้าไปใกล้ ซึ่งเธอก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด สัมผัสที่แข็งแกร่งที่ต่อต้านเธออย่างดื้อรั้น อันตรายและยั่วยวน

บรรยากาศในห้องก็ยิ่งคลุมเครือมากขึ้นเรื่อยๆ เตียงขนาดใหญ่ที่อ่อนนุ่มของโรงแรม ทำให้กลิ่นอายของอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเดิมที่มีอยู่ก็ฟุ้งไปด้วยความอบอุ่นมากขึ้น

ฮั่วชิงชิงรู้ร้อนมากขึ้น ในขณะที่หันจื่ออี้ก็ยังคงหลับตาอยู่ และเริ่มถลกสิ่งที่ขัดขวางอยู่บนร่างของเธออก

เสื้อผ้าของพวกเขากระจัดกระจายอยู่รอบๆเตียงขนาดใหญ่ ไปจนกระทั่งเปลือยกาย

เขาทับเธอที่อยู่ใต้ร่างกาย แล้วก็จับหน้าของเธอเงยขึ้น จากนั้นก็ยังคงหลับตาและจูบเธออย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่เธอตอนรับก็ได้ไปยังกอดร่างกายของเขาเอาไว้ และปลายของเธอก็ได้ตกไปอยู่บริเวณบาดแผลของเขา

สัมผัสที่รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย มันก็ทำให้หันจื่ออี้ค่อยๆลืมตาขึ้นมา

แต่ทว่า สายตาของเขายังคงเบลอเล็กน้อย ทั้งๆที่กำลังมองฮั่วชิงชิงอยู่แต่ก็ดูเหมือนว่ามองไม่เห็นอะไร

ท่ามกลางความขมุกขมัว เขารู้ว่าเป็นเธอ แต่กลับไม่รู้เลยว่าวันนี้เป็นวันอะไร ราวกับเมื่อสองปีก่อน และราวกับว่า……

ลมหายใจและสัมผัสที่คุ้นเคยแบบนี้ มันทำให้เขาไม่สามารถยับยั้งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไปจนกระทั่งอยากจะเข้าใกล้ด้วยความใจร้อน

ความตระหนักของเขาแทบจะเลือนราง ดังนั้น มันทำให้พวกเขาลืมไปอย่างโดยอย่างสิ้นเชิง และความทรงจำของพวกเขาก็หยุดอยู่ในช่วงเวลาที่แต่งงานกันเท่านั้น

เขากอดเธอไว้แน่น แล้วก็จูบไปยังลำคอของเธอ จากนั้นก็ล็อกเอวของไว้แล้วก็ดันมันไปเข้า

เหมือนกับความรู้สึกที่แน่นแฟ้นที่อยู่ในความทรงจำ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ เขาเหมือนจะจำได้ว่าเธอกลัวเจ็บ ดังนั้นก็เลยหยุดไปสักแป๊บและถึงได้เริ่มขยับต่อ

แต่ทว่า เธอที่อยู่ภายใต้ร่างของวันนี้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะแตกต่างออกไปจากเมื่อก่อน

คิดไม่ถึงว่าเธอจะคล้อยตามไปจนกระทั่งยังสามารถตอบรับได้อีก

ด้วยเหตุนี้ มันนำมาซึ่งความรู้สึกบ้าคลั่งที่คลื่นได้กัดเซาะกระดูก ทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมเป็นอย่างมาก

เขาได้ลืมความกังวลที่มีอยู่ในก่อนนี้ไปชั่วคราว ลืมมันไปทุกอย่าง แต่ก็ยังคงเข้าๆออกๆร่างกายของเธออย่างต่อเนื่อง โดนผ่านจังหวะการขยับเดิม และรับรู้ถึงความรู้สึกที่อบอุ่นของซึ่งกันและกัน

ทันใดนั้นฮั่วชิงชิงก็ได้ตื่นขึ้นมาจากความหลงใหลในขณะที่หันจื่ออี้กำลังเข้าไป

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นสามีภรรยากันมานานแล้ว แต่จำนวนครั้งที่มีอะไรกันจริงๆนับได้เลยไม่เกินสิบครั้ง

แต่ก็มีความทรงอยู่ไม่มีกี่ครั้งที่เธอที่ไม่ยินยอม ด้งนั้น ทุกครั้งก็จะมีความรู้สึกยากที่จะทน เป็นเพราะว่าเธอรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่อับอาย

แต่ในเวลานี้ ได้ปล่อยวางทุกอย่างในอดีตลง และเธอก็รู้สึกตัวเองดูเหมือนว่าจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขา เธอตอบรับ เขาตื่นเต้นดีใจ ฉะนั้นด้วยเหตุนี้มันทำให้เธอรู้สึกว่ามีความสุข

มือของเธอกอดหันจื่ออี้เอาไว้แน่น แล้วเขาก็โอบล้อมเธอเอาไว้แน่นเหมือนกัน พวกเขาพัวพันกันอย่างสมบูรณ์แบบ และมีทั้งลมหายใจที่มีเสียงดังห้าวและน้ำเสียงที่นุ่มนวลเปล่งออกมาอยู่ตลอด

เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเขาที่หรี่ตา ก็ได้มีเหงื่อออกอยู่ตรงหน้าผา

หยาดเหงื่อที่อยู่ตรงหน้าผากก็ไหลลงมารวมกันอยู่ตรงปลายจมูก กลายเป็นหยดน้ำเล็กๆ และราวกับว่ามันจะหยดลงไปกับพร้อมกับการเคลื่อนไหวของเขาทุกเมื่อ

เธออดไม่ได้ที่จะแลบออกและใช้ลิ้นเลียไปสักแป๊บ

เขาก็ถึงกับตกใจไปทั้งตัว และการกระทำก็ยิ่งทุ่มเทพลังมากขึ้น

จิตสำนึกและความสามารถในการคิดก็ได้ค่อยๆหายไป ฮั่วชิงชิงคล้อยไปตามสัญชาตญาณและตอบรับหันจื่ออี้อย่างสมบูรณ์แบบ

จนกระทั่งผ่านไปสักพัก เธอก็รู้สึกว่ามีแสงสีขาวแวบเข้ามาในหัว และมันทำให้ไม่สามารถควบคุมการหดตัวของร่างกายของเธอได้ ดูเหมือนว่าเขาจะถูกกระตุ้นโดยสิ่งเร้าดังกล่าวและทำให้เขาร้องคร่ำครวญออกมาเช่นกัน

ต่อมา เธอก็รู้สึกว่าส่วนลึกของร่างกายดูเหมือนจะมีอะไรหนืดๆทะลักออกมา จากนั้น เขาและเธอก็มีอาการกระตุกพร้อมกัน หัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ และริมฝีปากที่มีรอยยิ้มผลิบานจนไม่สามารถควบคุมได้

ผ่านไปนานสักพัก เขาถึงเพิ่งจะออกมาจากร่างกายของเธอ จากนั้นก็หมดแรงและนอนลงข้างเธอ

สติของเธอก็ค่อยๆกลับมา และเมื่อรู้ตัวว่าพวกเขาได้ทำอะไรลงไปบ้างนั้น แก้มของฮั่วก็ร้อนผ่าวขึ้นมาจนไม่สามารถจะร้อนได้อีกแล้ว

แต่เมื่อเธอมองไปยังเขาที่อยู่ข้างๆก็กลับรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง

หลังจากที่ร่างกายได้สัมผัสกับความสบายอกสบายใจของความรักแล้ว ก็รู้สึกเหนื่อยล้ามากๆ แต่เมื่อฮั่วชิงชิงเห็นว่าบนผ้าปูที่นอนนั้นมีอะไรบางอย่าง ดังนั้นเธอก็ลุกขึ้นมาอย่าลำบากและหยิบกระดาษทิชชูไปเช็ดมันออก

และเมื่อเธอขยับ หันจื่ออี้ที่อยู่ข้างๆก็ดูเหมือนว่าจะสังเกตเห็น

เขาพลิกตัวมาแล้วก็กอดเธอเข้ามาในอ้อมกอด และพูดพึมพำว่า : “ อย่าไปนะ ”

ทันใดนั้นก็ความคิดที่ผุดขึ้นมาในใจของเธอ ถึงแม้กลัวว่าจะได้ยินคำตอบที่ไม่อยากได้ยินก็ตาม แต่เธอก็ยังคงถามเขาว่า : “ ฉันคือชิงชิง ฮั่วชิงชิง ”

เมื่อหันจื่ออี้ได้ยินก็ตอบเพียงคำเดียวว่า‘อื้ม’จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ดังนั้น เขารู้อย่างนั้นหรอ ?

ฮั่วชิงชิงเต็มไปด้วยความดีใจและประหลาดใจ เขาไม่ได้เห็นเธอเป็นผู้หญิงอีกคนใช่ไหม ? ถ้าอย่างนั้น มันก็ชัดเจนแล้วใช่ไหมว่าในก้นบึ้งหัวใจของเขานั้นมีเธอ ? !

หัวใจก็เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ฮั่วชิงชิงก็ได้รวบรวมความกล้า เพื่อที่จะถามเขาด้วยความตื่นเต้นว่า เขายินยอมที่จะยอมรับเธอใหม่อีกครั้งไหม และยินยอมที่จะอยู่กับเธอในฐานะสามีและภรรยาไปตลอดชีวิตหรือไหม

แต่ในเวลานี้ หันจื่ออี้ก็ได้เป็นคนเอ่ยปากพูดก่อน

เขาพูดอย่างพึมพำว่า : “ ชิงชิง คุณบอกผมหน่อยสิว่าแม่ของผมจะโทษผมหรือเปล่า ?”

ฮั่วชิงชิงก็รู้สึกงุนงง : “ อะไรนะ ?”

“ เป็นไปได้ไหมว่าอันที่จริงแล้วแม่ของผมไม่ได้อยากจะแก้แค้น ?” หันจื่ออี้ก็ถามอีกครั้ง

แต่นี่เป็นเพราะว่าเขาดื่มจนเมา เวลาพูดก็เลยไม่ค่อยชัด บวกกับน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ ฮั่วชิงชิงก็เลยฟังไม่ชัด

ดังนั้น เธอก็เลยถามอีกครั้ง : “ จื่ออี้ คุณพูดว่าอะไรนะ ?”

จากนั้น ลมหายใจของหันจื่ออี้ก็ยิ่งคงที่มากขึ้นเรื่อยๆและมันก็ทำให้เขาผล็อยหลับไปอีกครั้ง

ฮั่วชิงชิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาก็ค่อยๆเริ่มง่วงจนผล็อยหลับไปด้วยความสบายใจ

และเสื้อนอกของหันจื่ออี้ที่ตกอยู่ด้านล่างเตียงนั้นก็มีโทรศัพท์ตกออกมาจากกระเป๋า โดยมีแสงสว่างอย่างต่อเนื่อง ในบนหน้าจอก็มีตัวอักษรปรากฏขึ้นมาสองตัว : เซียวหลิน

เช้าวันรุ่งในวันที่สอง เมื่อฮั่วชิงชิงก็ลืมตาขึ้น ก็มีใบหน้าของหันจื่ออี้ที่นอนหลับอย่างสงบสะท้อนเข้ามาในม่านตาของเธอ

เขาที่หลับตาสนิท และคิ้วที่ขมวดของเขาก็ได้ผ่อนคลายลงแล้ว ดูเหมือนว่าความรู้สึกภายในจิตใจจะผ่อนคลายลงมากๆ

ฮั่วชิงชิงมองดูเขาอย่างละเอียด และในสายตาก็เต็มไปด้วยแสงแห่งความอบอุ่น

ในเวลานี้ โทรศัพท์ของเธอก็มีเสียงดังขึ้น เธอกลัวว่ามันจะรบกวนเขาจนทำให้เขาตื่น ดังนั้นก็เลยค่อยๆรีบออกจากอ้อมกอดของเขา จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ที่มีแสงขึ้นมาจากพื้นทางเดิน แล้วก็เดินไปด้านข้างเพื่อรับสายฮั่วเหมียวเหมี่ยว

ฮั่วเหมียวเหมี่ยวบอกว่าสุดสัปดาห์นี้เธอจะกลับบ้าน พอถึงตอนนั้นก็จะเอาสมุดทะเบียนบ้านส่งไปให้ฮั่วชิงชิงด้วย