บทที่ 438 นี่……มันผีอะไร

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 438 นี่……มันผีอะไร?

จู่ๆหลี่ชิงเหยนก็กอดขาไว้

“เทพธิดา อย่า เทพธิดาอย่า อย่าทำร้ายท่านแม่ข้า”

หลานเยาเยาที่จู่ๆก็โดนกอดขาไว้ก็หมดหนทาง ทำได้เพียงแค่ใช้มือตบหญิงชาวสวนนั่นออกไป ไม่ทันได้ระวังว่าอีกด้านหนึ่งก็มีคนโดนมนต์ดำแยกเขี้ยวยิ่งฟันวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ในทันใดนั้น กรงเล็บแหลมและปากใหญ่แยกเขี้ยวก็ตรงมาทักทายหลานเยาเยาตรงหน้า

ในตอนที่ไม่มีทางเลี่ยง หลานเยาเยาจึงทำได้เพียงใช้กำลังภายในลากหลี่ชิงเหยนบินไปข้างหลัง

เพราะบนขามีคนนึงจับไว้อยู่ จึงทำให้กำลังภายในของนางลากออกไปได้ไม่ไกล และไปหยุดลงตรงที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

“รีบปล่อยข้า เจ้าดูพวกเขา”

หลี่ชิงเหยนมองไปตามที่ได้ยิน นอกจากท่านแม่ของตนเองแล้ว ก็ยังมีสิ่งที่น่ากลัวอยู่อีกหนึ่งตน

คนนั้นเขารู้จัก นั่นคือสาวใช้เสี่ยวเหลียน

ร่างกายนางขาดแหว่ง ถูกกินไปส่วนหนึ่ง แม้แต่หัวก็ไม่สมบูรณ์เช่นกัน แต่นางก็พุ่งมาโจมตีพวกเขาอย่างรุนแรง

“นาง……นางเป็น……”

เสียงสั่นเทา พูดติดอ่าง

“ก็บอกแล้วว่าคือคนโดนมนต์ดำ ไม่มีสติ ไม่มีความเป็นคน แค่ถูกพวกเขาทำร้าย ในไม่ช้าก็จะกลายเป็นแบบพวกเขา”

หลี่ชิงเหยนหน้าซีด ขาอ่อนทรุดลงกับพื้น กลัวจนพูดอะไรไม่ออก อยู่ในสภาพที่จะเป็นลมแหล่ไม่เป็นลมแหล่

และในขณะนั้นก็มีเสียงหวาดกลัวของชายหญิงดังออกมาจากที่ไม่ไกล

“เลือด ตรงนี้มีเลือด องค์ชายรัชทายาท พวกท่านมาดูนี่เร็ว”

“พระเจ้า ที่นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? น่ากลัวมาก ดูเหมือนด้านนั้นจะมีเสียงต่อสู้”

“ไป พวกเราไปดูกัน”

ตอนนี้หลานเยาเยาหรี่ตา

ถังมู่หวั่นเรื่องเยอะจริงๆ มาตอนไหนไม่มา มาตอนนี้พอดีเหมือนคำนวณเวลามาแล้ว

ไม่ได้การ!

ทันทีที่คนพวกนี้มาจะต้องมีอันตราย ถ้าหากถูกกัด คนที่ติดเชื้อก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าควบคุมไม่อยู่ ในไม่ช้าคนโดนมนต์ดำก็จะกัดกลุ่มคนรอบๆ ถึงตอนนั้นก็คุมไม่อยู่แล้ว

ไม่มีวิธีแล้ว

นางทำได้เพียงจับคนโดนมนต์ดำสองคนนั้นไว้ ดังนั้น สายตาที่แหลมคมของนางก็รีบมองหลี่ชิงเหยน บอกเขาอย่างเคร่งขรึมว่า:

“ที่นี่อันตรายมาก เจ้ารีบไปล่อคนพวกนั้นออกไป ไม่เช่นนั้น โลกจะตกอยู่ในความโกลาหล”มองท่าทางตกตะลึงของหลี่ชิงเหยน หลานเยาเยาก็ตบเขาไปหนึ่งที “ได้ยินไหม ไปเร็ว!”

“อ้อ ได้ ได้……” เสียงของเขาเบาจนแทบไม่ได้ยิน “จะจะจะไปแล้ว”

เขาก็เข้าใจถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ แม้จะหวาดกลัวเขาก็รีบลุกขึ้น แต่จะทำอย่างไรเมื่อขามันไม่มีแรง ใช้การไม่ได้ เขาลุกยังไงก็ลุกไม่ขึ้น

“เทพธิดา ข้า……”

หลานเยาเยาไม่มีวิธี ตรงไปยกเขาขึ้น หลังจากนั้นก็เตะเขาไปยังต้นเสียง

“ปัง……”

หลี่ชิงเหยนบินออกไปไกลมาก แล้วก็ตกลงพื้น ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาอะไร ก็ได้ยินเสียงรีบร้อนของหลานเยาเยา

“จำไว้ ห้ามให้พวกเขาเข้ามาเด็ดขาด”

หลี่ชิงเหยนพยักหน้าอย่างแรง จากนั้นก็จับต้นไม้ใหญ่ข้างๆ ยันตัวเองลุกขึ้นมาช้าๆ

แม้ขาจะยังไม่หายอ่อน แต่เขาก็เดินตัวสั่นเทิ้มไปทีละก้าว ละก้าว ไปทางต้นเสียง เมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งสวมชุดสีสันสดใสเดินมา เขาก็รีบพูดว่า

“อย่าเข้ามา พวกเจ้าไปเร็ว ที่นี่อันตราย ไปเร็ว”

หลังจากที่ทุกคนเห็นเขา ก็ตกใจ

“ข้าคือหลี่ชิงเหยน ผู้มีพรสวรรค์ที่มีชื่อเสียง”

“เหมือนเขาได้รับบาดเจ็บ เกิดอะไรขึ้น เขาพูดอะไรนะ?”

“ไม่รู้ เหมือนจะบอกว่าไม่ให้พวกเราไป เหมือนมีอันตราย พวกเราไปถามเขาเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น”

ท่ามกลางคนกลุ่มนั้น คนที่เดินตามหลังมาสองสามคนก็ยังกระซิบกระซาบกันอยู่ ถังมู่หวั่นที่เดินอยู่ข้างหน้า ก็มองไปยังเย่หลีเฉินที่ขมวดคิ้วแน่นอยู่ข้างๆ

ส่วนเย่หลีเฉินพอเห็นหลี่ชิงเหยนได้รับบาดเจ็บ ก็ร้อนใจ รีบเดินไปข้างหน้า กำลังจะประคองหลี่ชิงเหยนที่ล้มอยู่ที่พื้นขึ้นมา

“อย่าแตะข้า พวกเจ้าไปเร็ว ด้านในอันตราย”

“เกิดอะไรขึ้น?”เย่หลีเฉินถาม

“ไปเร็ว เทพธิดาสั่งให้พวกเจ้ารีบไป ด้านในนั้นอันตราย” หลี่ชิงเหยนไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง จึงทำได้เพียงเอ่ยชื่อของเทพธิดาขึ้นมา

แต่คิดไม่ถึงว่า……

พอได้ยินคำว่าเทพธิดา เย่หลีเฉินก็เบิกตาทันที

“เทพธิดาอยู่ข้างในหรือ?”

ไม่รอให้หลี่ชิงเหยนพูดอะไร สายตาของเย่หลีเฉินก็ย้ายไปยังแขนสองข้างที่ได้รับบาดเจ็บของเขา ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็ลุกขึ้นและพุ่งเข้าไปด้านใน

เขาจะให้เทพธิดาเกิดเรื่องไม่ได้

ถังมู่หวั่นเห็นดังนั้น ก็คิดว่าแผนของตนเองสำเร็จ มีรอยยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็นปรากฏขึ้นบนใบหน้า

จากนั้นก็มองทุกคนอย่างสงสัย

“นี่……นี่ควรจะทำอย่างไรดี?” สีหน้าของนางร้อนรน พูดอย่างลังเล

“เกรงว่าเทพธิดาจะมีอันตราย”

“พวกเราไปดูกันเถอะ อย่างไรคนเยอะกำลังก็เยอะ”

“องค์ชายรัชทายาทก็ไปแล้ว พวกเราจะยังรออะไรอีกหล่ะ? ไปไปไป พวกเราเข้าไปเร็ว”

ทุกคนพูดคล้อยตาม จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็เคลื่อนที่เข้าไปในส่วนลึก

“พวก พวกเจ้าอย่าไป มีอันตราย อย่าไป……”

เสียงของเขาอ่อนแรง ทุกคนก็ไม่สนใจ เขาทำได้แต่มองดูเดินจากไปไกล จากนั้นก็ทุบพื้นอย่างรุนแรง และค่อยๆลุกขึ้นมาอีกครั้ง เดินไปตามทางที่ทุกคนไปทีละก้าว ละก้าว

ทางด้านหลานเยาเยา

เพราะก่อนหน้านี้ น้ำกรดได้ถูกหลี่ชิงเหยนทุบทิ้ง นางจึงทำได้เพียงแค่ใช้ยาพิษอื่นแทน แต่ยาพิษพวกนั้นมันไม่ได้ผลเลย

อย่างไรคนโดนมนต์ดำก็ไม่มีจิตสำนึก ไม่รู้สึกเจ็บปวด

ตอนนี้ทำได้เพียงแค่คิดวิธีขังพวกมันไว้ก่อน ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้คนโดนมนต์ดำสองคนนั้นแยกกัน นางรีบหยิบผ้าไหมออกมาจากอากาศ กวัดแกว่งไปตรงคนโดนมนต์ชาวสวน จากนั้นก็จับมันขังไว้บนต้นไม้ด้วยความเร็ว มันมือมัดเท้าเอาไว้

แต่น่าเสียดาย ในตอนที่ยุ่งอยู่

คนโดนมนต์ดำเสี่ยวเหลียนก็มาถึงตรงหน้านางแล้ว และอ้าปากจะกัดนาง……

หลานเยาเยาหลบไปข้างๆ

มันกัดไม่โดน แต่กลับกัดผ้าไหมที่มัดอยู่บนตัวหญิงชาวสวนขาด แต่ก็ยังดี ไม่ได้มีผ้าไหมอันเดียวที่มัดหญิงชาวสวนนั่นไว้

ดังนั้น มือสองข้างของหญิงชาวสวนไม่ได้มัดไว้ แต่ก็เดินไม่ได้

ตอนนี้หลานเยาเยาก็โล่งอก ไปรับมือกับเสี่ยวเหลียนที่น่ากลัว

เมื่อมองร่างกายและหัวที่แหว่งไปของเสี่ยวเหลียน หลานเยาเยาหนาวสั่น

หาน้ำกรดเถอะ!

ดังนั้นจึงเตะเสี่ยวเหลียน หลังจากที่เตะล้มไป นางก็รีบบินตรงไปยังสถานที่ที่จำได้ว่าน้ำกรดตกลง หมุนไปรอบๆก็หาไม่เจอ

หางตาก็เห็นคนบินมา

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ที่สั่งให้หลี่ชิงเหยนไป มันไม่มีประโยชน์อะไรสักนิด

“เทพธิดา ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เย่หลีเฉินบินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลานเยาเยา พร้อมนัยน์ตาที่มีความกังวล

แต่หลานเยาเยาไม่พูดจาใด ตบเย่หลีเฉินให้หลีกไป ร่างของเย่หลีเฉินเพิ่งพ้นไปจากสายตา กรงเล็บแหลมของเสี่ยวเหลียนก็โจมตีมาทางลำคอนาง

โชคดีที่ปฏิกิริยาโต้ตอบนางว่องไว ล้มลงไปด้านหลัง จากนั้นก็ถีบตัว ทั้งตัวก็บินไปด้านหลัง

เย่หลีเฉินเห็นดังนั้นก็โมโหทันที

“เจ้าไพร่บังอาจ กล้าทำร้ายเทพธิดา ข้าจะ……”คำว่า ไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ยังไม่ทันได้พูดจบ เสียงของเย่หลีเฉินก็ติดอยู่ในลำคอ ดวงตาเบิกกว้าง

ไม่เพียงแต่มีเลือดหยดตามร่างกาย

หัวและร่างกายก็แหว่ง แต่กลับเคลื่อนไหวอย่างอิสระ โหดร้ายอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้

นี่……มันผีอะไร?