บทที่ 366 สงสัยว่าหยุนถิงช่วยจ้าวเคอทุจริต

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 366 สงสัยว่าหยุนถิงช่วยจ้าวเคอทุจริต

ทุกคนพากันหันไปมอง และได้เห็นสตรีอ่อนเยาว์คนหนึ่ง หน้าตางดงาม อ่อนโยนสุภาพ ดูมีสง่ามีราศี เดินออกมาจากฝูงชน ทุกคนพากันแหวกออกเป็นทางให้

จ้าวเคอเห็นคนที่มา เขาจำไม่ได้เลยว่า ตนเองรู้จักสตรีที่หน้าตางดงามและใส่ชุดหรูหรามีราคาผู้นี้เลย

“คุณหนูท่านนี้ ท่านคือ?” จ้าวเคอคารวะ

“ข้าแซ่ฉิน ท่านเรียกข้าว่าคุณหนูฉินก็ได้ ข้าเป็นสหายของคุณหนูหยุน ได้ยินนางพูดถึงท่านหลายครั้ง ข้าเคยเห็นอักษรของท่านที่หอเหวินหยวน โดยเฉพาะโคลงดอกเหมยที่ท่านเขียน

ตัวอักษรเที่ยงตรง แฝงแววเย่อหยิ่งไม่ยอมแพ้ ดอกเหมยผลิบานในฤดูหนาว ดูสง่างามหยิ่งผยอง บ่ยั่นความหนาวเหน็บ สูงส่งสง่านัก เป็นแบบที่ข้าชอบ

วันนี้ข้าบังเอิญผ่านมาทางนี้ และเห็นเรื่องเมื่อครู่เข้า จู่ๆออกเสียงห้ามปรามดูจะเสียมารยาท ขอคุณชายจ้าวอภัยด้วย” ฉินจิ้งอี๋ตอบอย่างสง่าผ่าเผย

นางคือคุณหนูฉินที่หยุนถิงมอบหน้ากากพอกหน้าให้ในเทศกาลดอกท้อ

จ้าวเคอไม่คิดเลยว่าคุณหนูฉินผู้นี้ก็เป็นคนรู้เรื่องอักษรด้วย พลันมีความรู้สึกว่าพบผู้รู้ใจ

“ขอบคุณคุณหนูฉินที่ชมเชย ข้าน้อยเพียงชื่นชอบเป็นส่วนตัวเท่านั้นเอง”

“คนมากมายล้วนชื่นชอบเขียนอักษร แต่คนที่พยายามต่อมาได้ และยังเขียนได้ดีเช่นนี้มีไม่มากเลย ข้าชื่นชมท่านมาก” ฉินจิ้งอี๋บอกออกมาตามตรง

จ้าวเคอแก้มแดงเรื่อขึ้นมา ออกจะกระดากอายเล็กน้อย

“คุณหนูท่านนี้ คำพูดท่านเมื่อครู่หมายความว่ากระไร เหตุใดไม่ให้จ้าวเคอพยุงนางเข้าไปเล่า?” ท่านแม่จ้าวเคอรีบถามทันที

“ท่านป้า เมื่อครู่ท่านบอกว่านางทรมานท่านลับหลังจ้าวเคอ ไม่ให้อาหารหรือน้ำดื่มแก่ท่าน โดนท่านเปิดโปงแล้วยังใส่ร้ายท่านกลับ เห็นได้ชัดว่าเป็นสตรีชั่วร้ายผู้หนึ่ง วันนี้หากให้จ้าวเคอพยุงนางเข้าไป เชื่อว่าไม่ถึงพรุ่งนี้นางก็จะป่าวประกาศแก่ทุกคนว่านางมีความสัมพันธ์กับจ้าวเคอแล้ว ถึงเวลานั้นพวกท่านก็บิดพลิ้วมิได้แล้ว” ฉินจิ้งอี๋ตอบ

ท่านแม่จ้าวเคอได้ยินดังนั้นก็เห็นด้วย “ดีนี่จูจู ที่แท้นี่เป็นแผนการของเจ้า ทำข้ากับจ้าวเคอเกือบเชื่อแล้วว่าเจ้าน่าสงสาร เจ้ามันช่างชั่วร้ายนัก”

เพราะว่าโกรธมากเกินไป ท่านแม่จ้าวเคอเตะไปที่ตัวจูจูหนึ่งที

ทำเอาจูจูเจ็บจนซู้ดปาก ถึงจะเบามาก แต่ก็โดนฉินจิ้งอี๋เห็นเข้าพอดี

สีหน้าจ้าวเคอไม่น่าดูเลย เขาไม่คิดเลยว่า จูจูจะหน้าหนาไร้ยางอายขนาดนี้ ต่อให้ตอนแรกคิดไม่ถึง แต่พอได้ยินคุณหนูฉินพูดเช่นนี้ จ้าวเคอก็เข้าใจแล้วเช่นกัน

“ในเมื่อคุณหนูท่านนี้เป็นคนของคุณชายหลิ่ว ข้ารู้จักกับคุณชายหลิ่วพอดี ข้าให้คนรับใช้ส่งนางไปหาคุณชายหลิ่วแล้วกัน” ฉินจิ้งอี๋เสนอ

พอพูดจบ จูจูที่แกล้งสลบอยู่ที่พื้นพลันพรวดลุกขึ้น “อย่าส่งข้าไปหาคุณชายหลิ่ว เขาจะซ้อมข้าจนตายแน่” พูดจบ ก็ไม่มีแก่ใจสนใจจ้าวเคอแล้ว รีบคลานลุกขึ้นหนีอย่างสะบักสะบอม

“หยุนถิงเคยบอกไว้ เจ้าไม่แยแสเขาในวันนั้น วันหน้าเจ้าจะมิคู่ควร บัดนี้คือเวลาที่เจ้ามิคู่ควรกับเขาแล้ว” น้ำเสียงเย็นชาของฉินจิ้งอี๋เหมือนตบเข้าไปที่ใบหน้าจูจูอย่างจัง

จ้าวเคอหันมองฉินจิ้งอี๋ บัดนี้เขาถึงเข้าใจคำพูดของคุณหนูหยุน และซาบซึ้งจากใจเลยทีเดียว

พอคนอื่นเห็นจูจูจากไป เรื่องสนุกดูจบแล้ว ก็พากันแยกย้าย

“เมื่อครู่ขอบคุณคุณหนูฉินมากที่ช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ ข้าน้อยซาบซึ้งใจยิ่งนัก” จ้าวเคอคารวะอีกครั้ง

“ไม่เชิญข้าเข้าไปดื่มชาสักจอกรึ?” ฉินจิ้งอี๋ถาม

จ้าวเคอสีหน้าชะงักค้าง บอกอย่างเก้อเขินว่า “หากคุณหนูฉินไม่รังเกียจ เชิญเข้ามาเถิด”

“ตกลง”

ในเรือนสภาพขาดวิ่น กระดาษหน้าต่างล้วนขาดวิ่นลมทะลุ สภาพน่าอนาถมาก

จ้าวเคอรีบไปหยิบเก้าอี้เก่าตัวหนึ่งมา ใช้แขนเสื้อเช็ด “คุณหนูฉินเชิญนั่ง บ้านข้ายากจนยิ่ง”

“สภาพเช่นนี้ลำบากจริงๆ แต่ท่านสามารถอดทนร่ำเรียนจนสอบได้ท่ามกลางความยากลำบากเช่นนี้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ข้าเลื่อมใสยิ่งนัก”

ท่านแม่จ้าวเคอยิ่งยิ้มหน้าบานไม่หุบอย่างดีใจ คุณหนูฉินผู้นี้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคุณหนูตระกูลสูง หน้าตางดงาม อีกทั้งยังมีความรู้ ประเด็นสำคัญคือช่วยนางสั่งสอนสตรีหน้าไม่อายอย่างจูจูด้วย หากนางมีใจแก่จ้าวเคอ เช่นนั้นก็ถือเป็นบุญของตระกูลจ้าวแล้ว

รอจนจ้าวเคอต้มน้ำร้อนยกเข้ามา ก็เห็นท่านแม่ตนกับคุณหนูฉินกำลังคุยอย่างสนุกสนานยินดี เขารีบไปหยิบใบชาทันที

ฉินจิ้งอี๋รับถ้วยชามาดม และจิบไปหนึ่งคำ “ใบชานี้รสอ่อนชุ่มคอหอมจาง และยังมีรสชาติอ่อนๆ ไม่เลวเลย นี่เป็นชาอะไรรึ?”

จ้าวเคอยิ้มกระดากอาย “ข้าขึ้นไปเก็บมาจากบนเขาเอง ข้าเรียกมันว่าชาพร้อมหน้า”

“ชาพร้อมหน้า ชื่อเพราะดี” คุณหนูฉินคุยต่อกับจ้าวเคอ ก่อนกลับไป จ้าวเคอมอบอักษรภาพหนึ่งให้นาง

เรื่องนี้ไม่นานก็ลอยไปเข้าหูหยุนถิง “ฉินจิ้งอี๋นี่ไม่รังเกียจจ้าวเคอ ยังไปนั่งเป็นแขกที่บ้านเขา หรือว่านางจะมีใจ?”

เพราะบ้านจ้าวเคอยากลำบากมากจริงๆ ไม่ต่างอะไรกับผู้อพยพลี้ภัย ปกติพวกคุณหนูต้องรังเกียจแน่

“เจ้าอยากเป็นเทพเฒ่าจันทรารึ?” จวินหย่วนโยวถาม

“ทำไมจะมิได้เล่า แต่ว่าต้องให้ทั้งคู่มีใจให้กันก่อน” หยุนถิงตอบ

“เหมือนพวกเราสองคนรึ?” จวินหย่วนโยวเลิกคิ้วมองมา

หยุนถิงเบิกตากว้างจ้องเข้าไปในดวงตาซื่อจื่อ “ใช่ ข้าชื่นชอบซื่อจื่อนะ”

“ข้าเองก็เช่นกัน” จวินหย่วนโยวคว้าหมับท้ายทอยนางเข้ามาจุมพิตทันที

เรียกร้องอย่างบ้าคลั่ง สอดลิ้นยาวเข้าไปทันที ไม่ให้โอกาสหยุนถิงขัดขืนเลยสักนิด จนนางใกล้หายใจไม่ออก ถึงปล่อยออก

“ให้รางวัลเจ้าไง” จวินหย่วนโยวตอบอย่างพอใจ

หยุนถิงหอบหายใจคำโต “ข้าไม่อยากได้รางวัลนี้สักหน่อย”

“ดูท่าเจ้าจะอยากได้รางวัลบนเตียงแล้วกระมัง ถ้าอย่างไรตอนนี้พวกเรา—“

“ซื่อจื่อท่านหยุดเลย ข้าไม่ได้พูด” หยุนถิงปิดปากทันที

หมอนี่เอาแต่รังแกตน เอะอะก็จัดเต็ม เมื่อคืนโดนเขารังแกจนสองขาปวดร้าวไปหมดแล้ว เดรัจฉานจริงๆ

“พรุ่งนี้ว่าราชการเช้า ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า” จวินหย่วนโยวบอก

“มิใช่บอกว่าสตรีมิอาจยุ่งข้อราชการรึ ทำไมฝ่าบาทให้ข้าไปออกว่าราชการเช้าล่ะ?” หยุนถิงไม่เข้าใจ

เมื่อครู่ตอนซูกงกงมาประกาศราชโองการ หยุนถิงยังคิดว่าหูฝาดไป

“พรุ่งนี้เป็นวันที่ผู้เข้าสอบสามอันดับแรกจะเข้าเฝ้าต่อหน้าพระพักตร์เพื่อขอบพระทัย” จวินหย่วนโยวตอบ

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” หยุนถิงมีลางสังหรณ์บางอย่าง พรุ่งนี้ต้องมีเรื่องใหญ่นี้เกิดขึ้นแน่

เช้าวันต่อมาฟ้าพึ่งสาง หยุนถิงก็โดนจวินหย่วนโยวลากออกมาจากในผ้าห่ม พอทั้งสองคนอาบน้ำเสร็จ ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ก็นั่งรถม้ามุ่งตรงไปยังวังหลวง

ในท้องพระโรง

ฮ่องเต้กำลังนั่งครุ่นคิด ขุนนางคนอื่นก็มีสีหน้าเคร่งเครียด บัณฑิตสามอันดับแรกในการสอบต่อหน้าพระพักตร์เดินเข้ามาอย่างนอบน้อม คุกเข่าลงถวายบังคมต่อหน้าฮ่องเต้ “ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”

“ลุกขึ้นเถิด ผู้ใดเป็นจอหงวนของปีนี้?” ฮ่องเต้เอ่ยขึ้น

จ้าวเคอตอบอย่างนอบน้อม “กราบทูลฝ่าบาท ข้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าก็คือจ้าวเคอ บทความของเจ้าข้าอ่านแล้ว ไม่เลวเลยจริงๆ!” ฮ่องเต้ชมเชย

จ้าวเคอยังไม่ทันได้ดีใจ ก็ได้ยินเสียงขุนนางคนข้างๆเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาท ขออภัยที่กระหม่อมพูดตามตรง หยุนถิงเป็นผู้เสนอชื่อรับรองจ้าวเคอเข้ามา และหยุนถิงก็เป็นผู้รับผิดชอบสนามสอบของจ้าวเคอพอดี ดังนั้นกระหม่อมสงสัยว่าหยุนถิงจะทำการทุจริตช่วยจ้าวเคอ ขอฝ่าบาททรงตรวจสอบด้วย!”