บทที่ 287 เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเผาให้พวกเขาตาย

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 287 เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเผาให้พวกเขาตาย

ไม่ง่ายเลยที่บุตรสาวของนางจะรักษาทรัพย์สินของครอบครัวที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำจนได้มา

โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “ท่านแม่ พวกเขาหิวมาก อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”

“แต่นั่นยังคิดจะชิงหมูเห็ดเป็ดไก่ของเจ้าอีกนะ? ชีวิตของพวกนั้นถูกเจ้าช่วยไว้! เจ้าช่วยพวกนั้นไว้นะ!” เหล่าไท่ไท่เอ่ยอย่างโมโห

ถ้าไม่ใช่เพราะบุตรสาวของนาง คืนวันนั้นจะมีอีกสักกี่คนที่ต้องตาย? แล้วที่กินไปหลายวันก่อนหน้านี้ก็เป็นอาหารของบุตรสาวนาง กินข้าวปลาอาหารของนางจนไม่มีเหลือ!

โจวกุ้ยหลานจ้องมองเหล่าไท่ไท่โดยไม่พูดอะไร

เหล่าไท่ไท่อยากโต้แย้งอีก แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของทุกคนยามเกิดภัยแล้งเมื่อหลายปีก่อน นางก็พูดอะไรไม่ออก

“อาหารที่เก็บขึ้นมาได้จะอยู่ได้กี่สักกี่วัน? หากน้ำยังไม่ลด เกรงว่าอีกสามสี่วันพวกเขาก็คงมาแย่งชิงกันอีก อาศัยตอนที่ยังมีลุงโหยวเกิน เรายังควบคุมพวกเขาได้ พวกเราต้องจัดการเป็ดไก่กับหมู่เหล่านี้โดยเร็วที่สุด” โจวกุ้ยหลานบอกแผนของนาง

นางไม่กล้าท้าทายสันดานของมนุษย์

เหล่าไท่ไท่ขยับริมฝีปาก มีคำพูดนับร้อยนับพันคำ แต่ทำได้เพียงถอนหายใจออกมา

ในครอบครัวของพวกนางมีผู้ชายเพียงคนเดียวคือเอ้อร์เฉียง แบบนี้จะไปหยุดผู้คนนับพันได้อย่างไร

ภายในห้องเงียบลง โจวกุ้ยหลานเอนกายลงบนยกพื้นและหลับตาลงเพื่อพักผ่อน

ความเจ็บป่วยกัดกินมานานเกินพอ และร่างกายก็แทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป

เหล่าไท่ไท่แตะหน้าผากของนางและรู้สึกว่านางตัวร้อนขึ้นอีกเล็กน้อย ภายในใจรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง “ฆ่าก็ได้ เจ้าเองก็ต้องบำรุงร่างกายเหมือนกัน”

โจวกุ้ยหลานส่งเสียงงึมงำก่อนจะหลับลงไปอย่างสะลึมสะลือ

จนเมื่อได้ยินเหล่าไท่ไท่เรียกหานางจึงรู้ว่าหวังโหยวเกินกับคนอื่นๆ มาถึงแล้ว จากนั้นนางจึงลุกขึ้นโดยมีเหล่าไท่ไท่คอยประคองไปที่ห้องโถง

ขณะนี้หวังโหยวเกินและผู้อาวุโสในหมู่บ้านรออยู่ที่ห้องโถงแล้ว

เมื่อโจวกุ้ยหลานนั่งลงนางจึงรับรู้เรื่องที่พวกเขานำศพเหล่านั้นมาเผาหมดแล้ว นางพยักหน้ารับรู้ ในที่สุดก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย

หลังจากพูดคุยเรื่องนี้จบ หวังโหยวเกินก็กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันอีกครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดกับโจวกุ้ยหลานว่า “กุ้ยหลาน มีเด็กกับผู้ใหญ่ไม่น้อยกำลังเป็นไข้ เราไม่มีหมอ ถ้ามีโรคระบาดจริงๆ เจ้าว่าพวกเราควรจะทำเช่นไรหรือ”

“ในภูเขายังมีสมุนไพร ถ้ามีคนที่รู้ก็ยังลองไปเก็บมาต้มให้ทุกคนดื่มได้” โจวกุ้ยหลานเองก็คิดอะไรไม่ออก

ผู้อาวุโสหลายคนพยักหน้าแสดงท่าทีว่าเห็นด้วยกับเรื่องนี้

ผู้เฒ่าสองสามคนพากันส่งสายตาให้หวังโหยวเกิน หวังโหยวเกินเองก็พูดไม่ออก แต่เรื่องนี้มีแค่เขาที่พูดได้ เขาถอนหายใจและเอ่ยกับโจวกุ้ยหลานอย่างหน้าด้านๆ ว่า “กุ้ยหลานเอ๊ย สุขภาพร่างกายของคนในหมู่บ้านกำลังแย่ อาหารก็มีไม่เพียงพอ ทำไมไม่เอาไก่กับหมู่ที่บ้านของเจ้ามาให้ทุกคนกินบำรุงร่างกายกันก่อนล่ะ”

ทันทีที่กล่าวจบ ชายชราคนอื่นๆ ก็มองไปที่โจวกุ้ยหลานเช่นกัน

ในที่สุดก็พูดมาถึงเรื่องนี้

โจวกุ้ยหลานเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ “ข้ามีไก่หนึ่งหมื่นหกพันตัว มีเป็ดสี่ถึงห้าพันตัว มีห่านน้อยหน่อย ประมาณหนึ่งพันตัว หมูสองร้อยตัว แล้วก็แกะอีกหนึ่งร้อยตัว จำได้ไม่ละเอียด แต่ส่วนมากก็น่าจะประมาณนี้”

แม้ว่าจะเดินไปมาทุกวัน ได้เห็นหมูเห็ดเป็ดไก่ที่อยู่ข้างนอกและเดาได้ว่าคงมีจำนวนมาก แต่เมื่อได้ยินข้อมูลนี้ ทุกคนก็ยังประหลาดใจ เกรงว่าเป็ดไก่ทั้งหมู่บ้านต้าสือรวมกันก็ยังมีไม่เยอะเท่านี้…

“นี่คือทรัพย์สมบัติที่ครอบครัวของข้าสั่งสมมาหลังจากทำงานอยู่สามสี่ปี ข้าจะให้พวกเจ้าเปล่าๆ ไม่ได้”

ขณะที่หลายๆ คนกำลังมีความสุข โจวกุ้ยหลานก็พูดต่อ

ทันทีที่เอ่ยคำเหล่านี้ออกไป ผู้อาวุโสสองสามคนรวมถึงหวังโหยวเกินก็มองหน้ากัน และยังเป็นหวังโหยวเกินที่ถูกผลักออกหน้า “กุ้ยหลาน หมู่บ้านนี้กำลัง… พบเจอความยากลำบาก เราทุกคนมาจากหมู่บ้านเดียวกัน ต้องมีชีวิตรอดไปให้ได้ก่อน…”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หวังโหยวเกินก็พูดต่อไปไม่ออกเช่นกัน

ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็ยังพึ่งพาโจวกุ้ยหลาน แม้แต่ข้าวปลาอาหารในครอบครัวของนางพวกเขาก็กินจนหมด จะพูดว่านางไม่ช่วยก็ไม่ได้

“สวีฉางหลินไปเป็นทหาร ที่ครอบครัวเหลือแค่ข้ากับลูกอีกสองคน ต่อไปถ้าไม่มีของเหล่านี้ พวกข้าจะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไร? ท่านอา อาหารทั้งหมดที่นำออกมาได้ข้าก็นำออกมาแล้ว เรื่องที่บ้านหลังนี้ว่างเปล่าท่านเองก็รู้” โจวกุ้ยหลานพูดจบและหยุดไป ไม่ได้พูดอะไรต่อ

แม้ว่าหวังโหยวเกินและผู้อาวุโสคนอื่นๆ จะไม่เต็มใจแค่ไหนก็ต้องพยักหน้า

หากเปลี่ยนตำแหน่งกัน ถ้าเวลานี้คนในหมู่บ้านมากินเป็ดไก่ของพวกเขาจนหมด พวกเขาก็คงไม่มีความสุขเหมือนกัน

“เวลานี้ที่หมู่บ้านเกิดปัญหา มีแค่บ้านข้าที่ไม่เดือดร้อน ข้าเองก็ไม่อาจนิ่งดูดายโดยไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ข้าจะขายเป็ดไก่เหล่านี้ให้กับคนในหมู่บ้านตามราคาก่อนหน้านี้ ใครอยากกินก็มาซื้อกับข้า แล้วพวกข้าจะจัดการให้”

หวังโหยวเกินขมวดคิ้ว “แต่พวกข้าไม่มีเงินเลย…”

“เขียนใบแสดงหนี้ให้ข้าได้ จากนั้นค่อยๆ ทยอยคืน ไว้น้ำลดเมื่อไร เงินที่ทุกคนซ่อนไว้ก่อนหน้านี้ก็คงยังพอจะหาได้” โจวกุ้ยหลานเอ่ยถึงแผนรับมือที่นางคิดไว้

เงินที่แต่ละครอบครัวถืออยู่ในมือมีความสำคัญพอๆ กับชีวิตและถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิด ถ้าน้ำลดลงคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่หาเงินเหล่านั้นได้

หวังโหยวเกินนึกถึงเงินในครอบครัวของเขาและค่อนข้างเห็นด้วยกับวิธีของโจวกุ้ยหลาน นอกจากนั้นในเวลานี้นางยังขายของเหล่านี้ในราคาเดียวกับราคาเมื่อก่อน แค่นั้นก็นับว่าห่วงใยพวกเขามากแล้ว เทียบกับเงินแล้ว ชีวิตสำคัญกว่ามาก

พวกเขาพยักหน้ารับ แต่ขณะที่กำลังคิดว่าจะบอกกับชาวบ้านอย่างไร ที่ด้านนอกก็มีเสียงกรีดร้องเอะอะขึ้นมา รวมถึงมีเสียงของเหล่าไท่ไท่ด้วย

โจวกุ้ยหลานลุกขึ้นและเดินออกไป หวังโหยวเกินกับคนอื่นๆ ตามไปด้วย เมื่อไปถึงนอกเรือนจึงเห็นว่าที่ด้านนอกมีคนยืนอยู่ไม่น้อย ซึ่งพวกของเหล่าไท่ไท่กับโจวคายจือกำลังคอยขวางอยู่ที่หน้าประตู

“เกิดอะไรขึ้นหรือ” โจวกุ้ยหลานเดินเข้ามาใกล้และดึงหวังหยู่ชุนที่อยู่ข้างๆ มาถาม

หวังหยู่ชุนที่กำลังโกรธไม่ได้คิดจะปิดบัง นางเอ่ยอย่างโมโหว่า “พวกนั้นตำหนิที่เจ้าเผาญาติของพวกเขา บอกว่าเจ้าไม่ยอมปล่อยร่างของพวกเขาเอาไว้นะสิ!”

“เจ้านั่นเอง! โจวกุ้ยหลาน เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเผาพวกเขาให้ตาย” สตรีที่กำลังร้องไห้อยู่แถวหน้าสุดตะโกนถามอย่างแค้นเคือง

สีหน้าของโจวกุ้ยหลานเย็นชา

ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยอะไร ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ก็ตำหนิออกมาว่า “เจ้าจะก่อความวุ่นวายไปเพื่ออะไร อยากจะตายตามพวกนั้นไปอย่างนั้นหรือ”

“ตายแล้วงั้นหรือ พวกข้าตายแล้วงั้นหรือ เหตุใดจึงไม่ให้พวกเขาได้เหลือศพไว้บ้าง” เวลานี้สตรีผู้นั้นไม่มีกะจิตกะใจที่จะสนใจเรื่องการเคารพผู้ที่อาวุโสกว่าอีกแล้ว

“จริงด้วย ที่เรือนมีเป็ดไก่ตั้งมากมาย แต่ให้พวกข้ากินแต่โจ๊กทั้งวัน พวกข้านับเมล็ดข้าวในโจ๊กใสๆ นั่นได้ด้วยซ้ำ!” ชายผู้หนึ่งในฝูงชนตะโกนอย่างโกรธเคือง

ทั้งหมดนี้เป็นเวลาเจ็ดแปดวันเต็มแล้ว วันทั้งวันมีเพียงน้ำแค่น้อยนิด ใครจะไปทนได้? ที่นี่มีเป็ดไก่ตั้งมากมาย ฆ่าแล้วก็ยังเอาเนื้อมากินได้! ไหนจะยังมีหมูนั่นอีก นั่นมันช่วยให้พวกเขาทนได้อีกหลายวันแท้ๆ!

หลังจากทั้งสองคนพูดเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างนอกก็เริ่มโวยวายอีกครั้ง บ้างก็ตำหนิโจวกุ้ยหลาน บ้างก็ด่าโจวกุ้ยหลาน บางคนก็ขู่ให้นางฆ่าเป็ดฆ่าไก่

“ใครบอกพวกเจ้าว่ากุ้ยหลานสั่งให้เผาศพ เรื่องเหล่านั้นเป็นการตัดสินใจของพวกข้า!” หวังโหยวเกินโมโหเช่นกัน

พวกเขาทำเพื่อใครกัน? ไม่ใช่ทำเพื่อให้คนในหมู่บ้านอยู่รอดหรอกหรือ ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงมาตำหนิพวกเขาอีก