ตอนที่ 443 ไปส่งข้าวเย็นที่โรงพยาบาล

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 443 ไปส่งข้าวเย็นที่โรงพยาบาล

โฮ่วซินอี้เขียนใบประกาศรับสมัครพนักงานเสร็จในตอนเที่ยงก่อนเข้างาน และยังให้เจ้าหน้าที่รปภ.ที่สูงที่สุดในหน่วยรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งติดเอาไว้ในจุดที่เตะตาที่สุดของประตูใหญ่

ทังชุ่นอิงมาเข้างานในตอนเที่ยงและเห็นว่ามีคนไม่น้อยมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าประตูโรงงานแต่ไกล เมื่อเดินเข้ามาดูใกล้ๆ จึงเห็นว่าเป็นใบประกาศรับสมัครพนักงานใบนั้น

ตอนที่อ่านใบประกาศรับสมัครจบ สีหน้าของหล่อนก็กลายเป็นหม่นหมองทันใด

ตั้งแต่เรื่องการทุจริตแดงขึ้นมา หล่อนใช้ชีวิตอย่างอกสั่นขวัญแขวนทุกวัน

แต่ผ่านไปไม่กี่วัน หัวหน้าโรงงานหลินก็ปฏิบัติกับหล่อนอย่างเป็นปกติ ไม่ใช่เพียงไม่ชักสีหน้าใส่ แต่ไม่ได้กลั่นแกล้งรังแกหล่อนเลยสักนิด

หล่อนยังนึกว่าหัวหน้าโรงงานหลินยอมให้อภัยหล่อนแล้ว ขอแค่หล่อนชดใช้เงินที่ยักยอกไปก็คงไม่เป็นไรแล้ว

หล่อนกำลังวางแผนรวบรวมเงินเพื่อชดใช้การยักยอกอย่างเต็มที่แล้ว แต่หัวหน้าโรงงานหลินกลับไร้เมตตาขนาดนี้ ไม่บอกไม่กล่าวก็รับสมัครพนักงานบัญชีใหม่ทันที คงคิดจะเอามาทำงานแทนหล่อนล่ะสิท่า!

ทังชุ่นอิงเดินเข้าโรงงานไปด้วยอารมณ์หดหู่ ก่อนมีคนตะโกนเรียกหล่อนขึ้นมาจากด้านหลัง “หัวหน้าแผนกทัง!”

ทังชุ่นอิงเก็บสีหน้าที่เต็มไปด้วยความชิงชังแล้วหันกลับไป เห็นว่าเป็นจินชุนเปี่ยวนั่นเองที่เรียกหล่อน

ดวงตาของหล่อนกลอกมองไปมา รอให้จินชุนเปี่ยวเดินถึงเบื้องหน้า แล้วกดเสียงเบาเอ่ยถาม “คุณเห็นประกาศรับสมัครที่ประตูโรงงานหรือยังคะ?”

“เห็นแล้วค่ะ ทำไมเหรอ?” จินชุนเปี่ยวถามอย่างงุนงง

“คุณไม่รู้สึกว่าประกาศรับสมัครนั่นมุ่งเป้ามาที่แผนกบัญชีของพวกเรางั้นเหรอ?” ทังชุ่นอิงยั่วยุอย่างสงบเยือกเย็น

ในเมื่อหลินม่ายไม่ปล่อยให้หล่อนอยู่ดี งั้นหล่อนก็จะไม่ยอมให้หลินม่ายได้อยู่อย่างสงบเหมือนกัน!

ขอแค่ยั่วยุให้จินชุนเปี่ยวและคนอื่นๆ เกิดความไม่พอใจต่อหลินม่ายแล้ว หล่อนก็สามารถเสี้ยมสอนให้จินชุนเปี่ยวเป็นกองหน้าที่กล้าหาญและต่อกรกับหลินม่ายได้ อย่างน้อยหล่อนก็สามารถระบายความคับแค้นในใจออกไปได้

จินชุนเปี่ยวครุ่นคิดอย่างจริงจัง ถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมโรงงานต้องมุ่งเป้ามาที่แผนกบัญชีของพวกเราด้วยล่ะคะ? พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดเสียหน่อย”

ทังชุ่นอิงพูดอย่างระอา “คุณก็เป็นคนอายุ34ปีแล้ว ทำไมความคิดถึงได้ตื้นเขินขนาดนี้? ถ้าหากประกาศรับสมัครนั้นไม่ได้มุ่งเป้ามาที่พวกเรา แล้วทำไมโรงงานต้องรับสมัครพนักงานบัญชีด้วยล่ะ? พวกเราทำงานกับเจ้านายเอกชน ถ้าเขาอยากจะไล่เธอออก ต้องให้คุณทำอะไรผิดพลาดด้วยเหรอ?”

จินชุนเปี่ยวส่ายหน้า “หัวหน้าโรงงานหลินไม่ใช่เจ้านายที่จะไล่พนักงานออกตามอำเภอใจแบบนั้น คุณไม่ได้ยินเหรอว่าหัวหน้าโรงงานหลินม่ายสร้างสำนักงานใหญ่แล้ว และยังจะขยับขยายโรงงานเสื้อผ้าด้วยน่ะ แผนกของพวกเราก็คงต้องขยายขึ้นไปแน่นอน การรับสมัครพนักงานใหม่ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่าหัวหน้าโรงานหลินจะมุ่งเป้ามาเล่นงานพวกเราโดยไม่มีเหตุผล”

ทังชุ่นอิงเห็นจินชุนเปี่ยวไม่ยอมตกหลุมพราง จึงได้แต่ยอมแพ้

เมื่อมาถึงห้องทำงานก็เห็นไช่เจาตี้มานั่งอยู่ก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังเริ่มทำงานแล้วด้วย

เดิมทังชุ่นอิงคิดอยากจะใช้เรื่องประกาศรับสมัครนั้นไปพัดไฟสุมฟืนกับหล่อน ให้หล่อนเกิดความไม่พอใจต่อหลินม่าย

แต่เมื่อนึกถึงช่วงไม่กี่วันมานี้ ไช่เจาตี้ห่างเหินกับตนไปไม่น้อย ท้ายที่สุดจึงล้มเลิกความคิด

หล่อนนั่งลงบนที่นั่งของตัวเอง แล้วแอบสอดส่องไช่เจาตี้และจินชุนเปี่ยวอย่างลับๆ

นังสองคนนี้ได้เข้ามาทำงานที่ Unique ก็เพราะพึ่งบุญวาสนาของตนทั้งนั้น แต่ตอนนี้กลับไม่เคารพหล่อนเอาเสียเลย นังพวกหมาป่าตาขาว!

หลินม่ายไม่ได้รับรู้ถึงความคิดอันดำมืดของทังชุ่นอิงแม้แต่น้อย

ตอนบ่ายหลังจากหลินม่ายเรียนหนังสืออยู่ที่บ้านของตนไปสองสามชั่วโมง เธอก็วางหนังสือลงแล้วไปที่บ้านแม่เถา

เถาจืออวิ๋นกำลังอยู่ในอารมณ์เหม่อลอย เพราะถูกแม่เถาบังคับให้ไปดูตัว ถึงอย่างไรเธอก็ต้องช่วยคลายความกังวลให้หล่อนให้ได้

พ่อเถาแม่เถาเห็นหลินม่ายมาเยี่ยมถึงบ้าน ก็ทั้งยกผลไม้มาทั้งเปิดน้ำอัดลมให้อย่างกระตือรือร้นยิ่ง

หลินม่ายบอกพวกเขาไม่ต้องยุ่งยาก เธอมาเพื่อพูดคุยอะไรนิดหน่อยก็จะไปแล้ว

แม่เถายื่นน้ำอัดลมที่เปิดแล้วให้เธอแล้วถามว่า “เรื่องอะไรเหรอจ๊ะ”

หลินม่ายถามด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินพี่เถาบอกว่า คุณน้าอยากให้เธอไปดูตัวเหรอคะ?”

แม่เถาพูดไม่ออก “จืออวิ๋นเจ้าลูกคนนั้นก็จริงๆ เลยเชียว เรื่องนี้ก็ยังเอามาบอกหนู ฉันจะให้หล่อนไปดูตัวก็เพื่อตัวหล่อนเอง ฐานะของผู้ชายคนนั้นไม่เลวเลย”

หลินม่ายยิ้ม “แต่พี่เถาบอกกับหนูว่า ตอนนี้หล่อนยังไม่อยากแต่งงาน แต่คุณน้ากลับจะให้หล่อนไปดูตัวให้ได้ หล่อนว้าวุ่นใจจนไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เลยนะคะ”

เธอพูดด้วยน้ำเสียงปรึกษาหารือ “คุณน้าเลื่อนการดูตัวออกไปให้พี่เถาก่อนได้ไหมคะ? รอให้ผ่านไปอีกสักพัก พอบาดแผลทางใจจากการหย่าร้างของพี่เถาหายดีแล้ว ตอนนั้นค่อยจัดการดูตัวให้พี่เถาอีกทีเถอะค่ะ”

พ่อเถาพูดสนับสนุนอยู่ข้างๆ “ผมคิดว่าที่เสี่ยวหลินพูดมีเหตุผลมากนะ การที่เราจัดการดูตัวให้จืออวิ๋นในตอนนี้ มันก็ไม่ต่างจากโรยเกลือบนแผลสดเลย”

แม่เถาพูดอย่างสองจิตสองใจ “แต่ตอนนี้หากไม่บังคับให้หล่อนไปดูตัว ผู้ชายดีๆ ใครเขาจะรอหล่อน? ถ้าพลาดไปแล้วคงก็ไม่มีอีก”

หลินม่ายโน้มน้าว “แต่แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน คุณน้าอยากให้พี่เถามีความสุขก็จริง แต่ท้ายที่สุดจะทำให้หล่อนทุกข์ทรมานเสียมากกว่า พี่เถาได้เดินออกมาจากกองไฟกองหนึ่งแล้ว จะให้หล่อนกระโดดลงไปในกองไฟอีกกองหนึ่งอีกครั้งเหรอคะ?”

พ่อเถาฟังแล้วพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ถูกต้อง ถูกต้อง”

แม่เถานิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดก็พยักหน้าพูด “งั้นก็เอาตามที่พวกคุณว่าเถอะ”

หากการแต่งงานจะนำความเจ็บปวดทรมานมาให้ลูกสาว อย่างนั้นนางยอมปล่อยมือเสียดีกว่า

หลินม่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในที่สุดก็แก้ไขไข้ใจให้เถาจืออวิ๋นได้แล้ว

ก่อนจะเดินจากไป เธอก็กำชับพ่อเถาแม่เถาอย่างเขินอายว่า อย่าบอกเรื่องที่เธอมาหาพวกเขาในวันนี้กับเถาจืออวิ๋น เพราะกลัวว่าหล่อนจะคิดมาก

พ่อเถาแม่เถาพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง แสดงออกว่าจะไม่เปิดเผยอะไรต่อเถาจืออวิ๋นเลยแม้แต่คำเดียว

เมื่อนั้นหลินม่ายจึงขี่จักรยานไปที่วิลล่าอย่างสบายใจ

เมื่อเธอทำอาหารเย็นเสร็จ ฟางจั๋วเยวี่ยและคุณปู่ฟางผู้อาวุโสทั้งสองที่ไปรับโต้วโต้วก็กลับมากันครบแล้ว เหลือเพียงฟางจั๋วหรานเพียงคนเดียวที่ยังไม่กลับมา

แต่คุณย่าฟางกลับให้หลินม่ายเริ่มมื้ออาหารเลย

แม้จะบอกว่าคืนนี้ฟางจั๋วหรานต้องเข้าเวรดึก แต่วิลล่าก็อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลมาก กลับมากินอาหารเย็นสักมื้อคงไม่ใช่ปัญหา

แต่ไม่รอให้ฟางจั๋วหรานกลับมาแล้วเริ่มกินกันเลย…

หลินม่ายเอ่ยเตือนอย่างลังเล “จั๋วหรานยังไม่กลับมาเลยนะคะ”

คุณปู่ฟางกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อบนหน้าของโต้วโต้ว “ไม่ต้องรอเขาหรอก ตอนบ่ายเขาโทรศัพท์มา บอกว่าเขาติดผ่าตัดใหญ่หนึ่งเคส อย่างน้อยก็ต้องผ่าตัดถึงหนึ่งทุ่ม พอผ่าตัดเสร็จแล้วยังต้องเข้าเวรดึกต่อ กลับมากินข้าวเย็นบ้านไม่ได้น่ะ”

หลินม่ายถึงได้เริ่มมื้ออาหาร ทว่าก็ยังเก็บอาหารเย็นของฟางจั๋วหรานเอาไว้

เธอรีบกินข้าวให้เสร็จ แล้วใช้กระติกเก็บความร้อนใส่อาหารเย็นที่เก็บไว้ให้ฟางจั๋วหรานแล้วไปส่งข้าวให้เขาที่โรงพยาบาล

แพทย์หนุ่มที่มีสิวขึ้นเต็มหน้าคนหนึ่งจ้องมองหลินม่ายอยู่พักใหญ่ แล้วพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “คุณคือซือเนี้ย(1)!”

หลินม่ายความจำดีและไม่ได้ตาบอด เธอจำได้แต่แรกแล้วว่าหมอคนนั้นคือนักเรียนคนหนึ่งของฟางจั๋วหราน

เมื่อถูกเรียกว่าซือเนี้ยต่อหน้าคนอื่น หลินม่ายก็รู้สึกเก้อเขินอยู่บ้าง เธอพยักหน้าด้วยใบหน้าแดงเรื่อ

หมอหน้าสิวพูดอย่างตื่นเต้น “ไม่นึกเลยจริงๆ เพิ่งจะไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือน ซือเนี้ยน้อยก็สวยขนาดนี้แล้ว อย่างกับเป็นคนละคนเลย!”

พยาบาลทั้งใกล้ทั้งไกลพากันมองพิจารณาหลินม่ายกันอย่างไม่ตั้งใจ

ตอนที่หลินม่ายปรากฏในสายตาของพวกหล่อน พวกหล่อนต่างก็จำเธอไม่ได้

ยังถามกันเองอยู่เลย ว่าเด็กสาวที่สวยราวกับเทพธิดาคนนั้นเป็นใคร ไม่นึกว่าจะเป็นยัยดำคนนั้นของศาสตราจารย์ฟาง!

นี่ก็คือผู้หญิงโตขึ้นเปลี่ยนไปสิบแปดแบบในตำนาน ยิ่งโตก็ยิ่งสวยขึ้นงั้นเหรอ?

น่าอิจฉาเป็นบ้าเลย!

หลินม่ายถูกชมจนหน้ายิ่งแดงขึ้นไปอีก เธอถาม “ศาสตราจารย์ฟางทำการผ่าตัดเสร็จหรือยังคะ?”

หมอส่ายหน้า “ยังเลยครับ คุณไปรอที่ห้องพักผ่อนของศาสตราจารย์ฟางเถอะ ที่นั่นมีพัดลม เย็นสบาย”

หลินม่ายตอบรับด้วยรอยยิ้ม แล้วจึงไปที่ห้องพักผ่อน

หลินม่ายนั่งอยู่บนเตียงอย่างเบื่อหน่ายอยู่สองสามนาที แล้วจึงเปิดวิทยุบนหัวเตียงฟังฆ่าเวลา

ข่าวของสถานีรัฐบาลออกอากาศผ่านไปแล้ว ในวิทยุนั้นกำลังออกอากาศข่าวของสถานีท้องถิ่น

เดิมทีหลินม่ายก็ฟังอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่เมื่อได้ยินคำว่า“คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปหูเจี้ยนเซ่อ” เธอก็หูผึ่งทันที

คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปหูเจี้ยนเซ่อคนนี้ก็คือผู้อำนวยการหูคนนั้นที่กลั่นแกล้งเธอ

เธอฟังข่าวนั้นจนจบอย่างใจจดใจจ่อ อดยกยิ้มมุมปากไม่ได้

ในข่าวบอกว่า เขาใช้ประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ในการรับสินบนและบิดเบือนกฎหมาย จึงถูกไล่ออกจากราชการแล้ว ช่างน่าสะใจเสียจริงๆ!

แต่น่าเสียดายที่ในข่าวไม่ได้พูดถึงกวนหย่งหัว ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารอดไปได้เหมือนปลาเล็กลอดผ่านอวนหรือเปล่า

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาก็โชคดีเกินไปแล้ว

กวนหย่งหัวในตอนนี้เองก็กำลังนั่งดูข่าวอยู่หน้าโทรทัศน์เช่นกัน

ตอนที่เห็นข่าวที่ผู้อำนวยการหูโดนไล่ออกจากราชการ สีหน้าของเขาก็หม่นมืดลงจนน่ากลัว

แม้ที่ปรึกษากฎหมายที่เขานำมาจากฮ่องกงจะบอกเขาว่า จำนวนเงินที่เขาติดสินบนผู้อำนวยการหูนั้นจะไม่มากนัก จึงเพียงแค่ตำหนิอบรบและเรียกค่าปรับเท่านั้น

แต่เขากลับนึกไม่ถึงว่าเมื่อวานนี้ปี้ซิงผู้จัดการฝ่ายขายที่รับความผิดแทนเขากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแล้วบอกเขาว่า เบื้องบนจะเรียกค่าปรับบริษัทเสื้อผ้าซีม่านจำกัดเป็นเงินสามหมื่นหยวน จนเขาแทบจะสบถออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

ถึงแม้เงินสามหมื่นหยวนสำหรับเขาแล้วจะเป็นเพียงเงินก้อนเล็กๆ

แต่ปัญหาก็คือ เขามาลงทุนเปิดโรงงานเสื้อผ้าที่เจียงเฉิงก็เพื่อหาเงิน

ซื้ออาคารโรงงาน ซื้อวัสดุอุปกรณ์ จ้างคนงาน……

โดยละเอียดแล้วเขาลงทุนไปแล้วกว่าสองหมื่นหยวน แต่ธุรกิจก็ไม่ดี รายได้นั้นแม้แต่การดำเนินงานตามปกติของโรงงานก็ยังรักษาไว้ไม่ได้เลย ยังต้องเอาเงินส่วนรวมของสำนักงานใหญ่มาชดเชยอีก

คนในวงการเดียวกันคนอื่นมาเปิดโรงงานในแผ่นดินใหญ่ที่ห่างไกลทะเล ไม่มีใครที่หาเงินไม่ได้เลย มีก็แต่เขาที่เอาแต่ขาดทุนตลอด พูดออกไปก็มีแต่ขายหน้า

โรงพยาบาลผู่จี้

จนกระทั่งข่าวประจำท้องถิ่นออกอากาศเสร็จสิ้นแล้ว ฟางจั๋วหรานถึงเพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยความเหน็ดเหนื่อย

หลังจากตอบคำถามต่างๆ ของสมาชิกในครอบครัวผู้ป่วยแล้ว เขาก็เดินไปที่ห้องน้ำ

ขณะที่กำลังทำการฆ่าเชื้ออย่างขะมักเขม้นอยู่นั้น พยาบาลสาวหน้าตาสวยสดคนหนึ่งก็วิ่งมาบอกเขา ว่าแฟนสาวของเขามาหา และกำลังรอเขาอยู่ที่ห้องพักผ่อนของเขา

พยาบาลสาวขยิบตา กำชับฟางจั๋วหรานว่าตอนที่ไปถึงห้องพักแล้ว จะต้องทำอะไรด้วยความเบามือ

แม้ว่าฟางจั๋วหรานจะฟังแล้วไม่เข้าใจนัก แต่เขาก็ยังทำตามที่พยาบาลสาวบอก

หลังจากฆ่าเชื้อเสร็จ ตอนไปที่ห้องพักผ่อน เขาเปิดประตูที่บดบังออกอย่างแผ่วเบา พลันเห็นหลินม่ายกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงเดี่ยวเล็กๆ จึงอดยกยิ้มบางไม่ได้ ความอ่อนล้าบนร่างกายเองก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง

ทันใดนั้นก็เข้าใจเหตุผลที่พยาบาลสาวให้เขาทำอะไรอย่างเบามือ

เมื่อเข้ามาในห้องพักผ่อนและปิดประตูแล้ว ฟางจั๋วหรานก็เดินมาที่ข้างเตียง

ใบหน้ายามหลับใหลของเด็กสาวน่ามองมาก และยังสงบมากอีกด้วย

ฟางจั๋วหรานเอื้อมมือไปสัมผัสปากเล็กจิ้มลิ้มราวกับกลีบดอกไม้ของเธออย่างอดใจไม่ไหว

หลินม่ายไม่ได้หลับลึกมานัก เมื่อฟางจั๋วหรานสัมผัสเธอก็ตื่นขึ้นทันที พลันเบิกตาโพลงราวกับนกเค้าแมว

เธอผลักฟางจั๋วหรานออกโดยสัญชาตญาณ แล้วพูดอย่างเขินอาย “ที่นี่เป็นห้องพักแพทย์ คุณ…อย่าทำรุ่มร่ามสิ”

ครั้งก่อนทั้งสองคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน ก็ถูกฟางจั๋วเยวี่ยไม่ดูตาม้าตาเรือมาเจอเข้าพอดี ถึงตอนนี้หลินม่ายก็ยังอึดอัดใจเวลาเจอฟางจั๋วเยวี่ยอยู่เลย

ถ้าเธอจูบกับฟางจั๋วหรานในห้องพักแพทย์ แล้วถูกเพื่อนร่วมงานของเขามาเห็นเข้า ต่อไปเธอจะมาที่โรงพยาบาลอย่างไรกัน?

มือเล็กของหลินม่ายทั้งขาวทั้งนุ่ม ตอนที่ผลักฟางจั๋วหราน จึงสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนกับแผงอกแข็งแกร่งของเขา

ความรู้สึกคันๆ จั้กจี้แบบนั้น ความรู้สึกราวกับเดินอยู่บนก้อนเมฆแบบนี้ ทำให้ฟางจั๋วหรานนึกอยากกินของหวานขึ้นมาในฉับพลัน

“คุณไม่ควรผลักผมแบบนี้เลยนะ” เขากดเสียงเบาพูด เพียงสิ้นเสียงเอ่ยก็จูบลงบนริมฝีปากของเธอทันที

………………………………………………………………………………………………………………………..

(1)ซือเนี้ย หมายถึงภรรยาของอาจารย์

สารจากผู้แปล

โกงเองโดนไล่ออกเองแล้วยังคิดมาแก้แค้นประธานบริษัทอีกนะ ไปทำงานที่ไหนก็ไม่มีทางเจริญหรอก

พี่หมออย่าเพิ่งอยากของหวาน ให้ม่ายจื่อครบยี่สิบปีก่อน เดี๋ยวพี่ก็ไอคุกๆๆ หรอก

ไหหม่า(海馬)