War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1781
ตอนที่ 1,781 : เสี่ยงอันตราย!

หลังจากที่โผล่พ้นอุโมงค์มาย่ำเหยียบลงบนพื้นราบแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันกลับไปดู พบว่ามีมวลพลังอันยิ่งใหญ่สุดไพศาล กำลังสาดถล่มลงมาจากฟ้าราวกับม่านน้ำตก ให้ความรู้สึกคล้ายพุ่งผ่านออกมาจากถ้ำน้ำตกอยู่บ้าง!

พลังงานอันน่ากลัวดั่งกล่าวมันเป็นมวลพลังที่จับตัวแน่นจนเป็นของเหลวสีขุ่นราวน้ำนม กลิ่นอายพลังที่แผ่กำจายออกมานับว่าทรงอำนาจไม่น้อย

“พลังนั่น…คล้ายจะถูกกระตุ้นให้สาดถล่มลงมาหลังจากที่ข้าออกจากอุโมงค์มืด…โชคดีที่ปราณสุริยันแรกกำเนิดในกายข้าเปรียบได้กับปราณแรกกำเนิดของอริยะเซียนขั้นต้น ไม่งั้นข้าเจ็บหนักแน่!”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำออกมาด้วยความรู้สึกหวาดเสียวในใจ “ต่อให้เป็นยอดฝีมือเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด…ลองถูกมวลพลังเหลวนั่นซัดถล่ม ไม่ตายก็ต้องสาหัส!”

ณ จุดนี้ ต้วนหลิงเทียนที่เหมือนคนอาบน้ำร้อนมาก่อน ย่อมเข้าใจชัดเจน!

“ไม่รู้ว่าบททดสอบที่ 3 จะเป็นยังไง…”

ระหว่างกล่าวพึมพำถึงเรื่องนี้ สองตาต้วนหลิงเทียนก็เบิกกว้างขึ้น ก่อนที่จะหันไปมองมวลพลังสีขาวราวน้ำนมที่ยังถล่มลงมาดั่งม่านน้ำตกด้านหลัง ใจครุ่นคิดไป ‘อย่าบอกข้านะว่านั่นเป็นบททดสอบที่ 3 ของบึงไร้ก้นบึ้งนี่?’

ในตอนแรกต้วนหลิงเทียนที่รู้สึกหวาดเสียวในใจไม่ทันคิดว่านั่นอาจจะเป็ยบททดสอบที่ 3 พอใจสงบลงจึงอดคิดไปไม่ได้

อย่างไรก็ตามหลังจากคิดแบบนี้ เขาก็เริ่มสงสัยในข้อสันนิษฐานของตัวเองขึ้นมา ‘แต่มันจะใช่เหรอ บททดสอบที่ 3 คงไม่ง่ายดายแบบนี้หรอกมั้ง?’

ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกลังเลไม่มั่นใจ ว่ามันใช่บททดสอบที่ 3 หรือไม่…

“ช่างมัน…จะเป็นบททดสอบที่ 3 หรือไม่มันสำคัญยังไง? สุดท้ายก็ต้องมุ่งหน้าไปต่ออยู่ดี จนกว่าจะผ่านครบ 8 บททดสอบถึงจะได้เจอเจ้าของเสียงชรานั่น…แถมบททดสอบสุดท้ายสมควรเกี่ยวข้องกับเจ้าของเสียงนั่นแน่ ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าจะรอข้าที่บททดสอบสุดท้ายแบบนี้”

คิดถึงเสียงชราลึกลับหลังผ่านบดทดสอบแรก ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

หากเขาผ่านบททดสอบทั้ง 9 ของบึงไร้ก้นบึ้ง รวมถึงการทดสอบสุดท้ายที่เจ้าของเสียงชรานั่น ก็หมายความว่าเขาจะได้รับสืบทอดเวทย์พลังจากที่นี่! และประเมินจากความยากที่เขาพบเจอ เวทย์พลังที่เขาจะได้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!

สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ดึงใจที่พุ่งพล่านให้สงบลงได้ ก่อนที่จะละสายตาจากพลังที่ถล่มลงจากฟ้าดั่งม่านน้ำตก และหันกลับมาดูเรื่องราวเบื้องหน้า

มาตอนนี้พอได้พินิจที่ทางโดยรอบ ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าเขากำลังยืนอยู่ที่ปลายสะพานโค้งสะพานหนึ่ง

อีกด้านหนึ่งของสะพานโค้งเต็มไปด้วยหมอกสีขาวที่เจือไว้ด้วยสีแดงปกคลุมไปทั่ว บดบังทัศนวิสัยของต้วนหลิงเทียนจนไม่อาจแลเห็นสิ่งใดหลังม่านหมอกขาวแดงนั่นได้เลย

สะพานโค้งตรงหน้าก็กว้างใหญ่ไม่น้อย หากแต่มันพาดผ่านแม่น้ำที่คล้ายจะแห้งขอดไปแล้ว เพราะมองไปเบื้องล่างไม่เห็นสายธารสักหยาดหยด

“ข้ามไปดูก่อนแล้วกัน…”

ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่ต้วนหลิงเทียนจะล้มเลิกย้อนกลับ เขาจึงก้าวออกไปยังสะพานโค้งเบื้องหน้า หมายเดินข้ามไปอีกฝั่ง

และทันทีที่เท้าเขาย่ำเหยียบลงบนสะพานโค้งได้ไม่ทันไร เขาก็สัมผัสได้ถึงมวลพลังมหาศาลขุมหนึ่งเพ่งเล็งมาที่ร่างเขา!

‘หรือนี่จะเป็นบททดสอบที่ 4’

ต้วนหลิงเทียนลอบคิดไปในใจ

และทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอันรุนแรงประดังขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้า เสมือนดั่งขุนเขากำลังถล่มลงก็ไม่ปาน

ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเขาคือโดดลอยขึ้นไปเหินร่างบนอากาศ หลีกเลี่ยงแผ่นดินไหวนี่เสีย!

อย่างไรก็ตามไม่ทันไรเขาก็พบว่าแรงกดดันที่เคยเพ่งเล็งเขา ที่แท้มันเป็นพลังอำนาจอาคมจากค่ายกลห้ามบินขั้นสูง ทำให้เขาไม่อาจลอยตัวหลีกเลี่ยงการยืนอยู่บนสะพานโค้งที่กำลังสั่นสะเทือนนี้ได้!

ครืน! เปรี๊ยะ! ครืน! แคร่ก! แคร่ก!!

……

นอกเหนือจากเสียงสะเทือนเลือนลั่นแล้ว ต้วนหลิงเทียนยังได้ยินเสียงปริแตกชัดเจน มองไปก็พบว่าตอนนี้สะพานโค้งเริ่มปริร้าว คล้ายกำลังจะพังทลายลงในไม่ช้า!

อย่างไรก็ตาม พอต้วนหิงเทียนมองลงไปเห็นแม่น้ำที่แห้งขอดเขาก็ไม่ได้หวั่นวิตกอะไร เพราะต่อให้สะพานจะพังไปก็ไม่นับว่ามีปัญหาแม้แต่น้อย

ตึงงงงง!!

เสียงแตกหักดังขึ้นจากใต้ฝ่าเท้าอีกครั้ง สะพานโค้งที่ต้วนหลิงเทียนยืนอยู่ กำลังถล่มลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว!

“ไหงถล่มเร็วนักล่ะ!?”

เห็นภาพนี้ต้วนหลิงเทียนก้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง การถล่มลงของสะพานมันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เขาคาดเอาไว้

และตอนนี้ต่อให้เขาคิดหนีไป ก็คงยากจะออกจากสะพานโค้งนี่ได้ทันก่อนที่มันจะถล่ม!

เช่นนั้นเมื่อสะพานถล่มลง เขาก็โคจรเร่งเร้าปราณสุริยันแรกกำเนิดให้แผ่พุ่งออกมาทั่วร่างฉับไว ก่อเกิดเป็นระฆังกระบี่คลุมกาย หมายป้องกันการตกและแรงกระแทกการสะพานถล่ม…

นอกจากนี้ยังป้องกันเศษหิน ราวมถึงฝุ่นธุลีต่างๆที่จะกระเด็นเข้าใส่จากสะพานถล่มอีกด้วย

“สะพานนี่…ดูเหมือนจะมีอะไรผิดปกติ”

ขณะเดียวกันสีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เคร่งขรึมขึ้นทันที เพราะเขารู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้สมควรเป็นภาพมายาเสมือนจริง ไม่ใช่สิ่งของที่แท้จริง เช่นนั้นแล้วการที่สะพานโค้งที่เขาพึ่งเดินขึ้นมาได้ไม่ทันไรพังลงแบบนี้ ต้องมีเหตุผลแน่นอน!!

ครืนนน! ครืนนน! ครืนนน! ครืนนน!

……

ในขณะที่ร่างของต้วนหลิงเทียนกำลังร่วงตกไปยังลำน้ำแห้งขอดพร้อมซากสะพาน เขาก็ได้ยินเสียงกระหึ่มดังขึ้นมาจากด้านหลัง ฟังแล้วเสมือนเสียงน้ำป่าไหลหลาก!

ไม่สิ!

เสียงดังจากด้านหลัง มันฟังดูรุนแรงกว่าน้ำป่าไหลหลาก!

พอต้วนหลิงเทียนหันหน้ากลับไปดูตามสัญชาตญาณ เขาก็พบเห็นเป็นมวลพลังเหลวสีขาวราวน้ำนม ที่ไหลราวกับม่านน้ำตกก่อนหน้าที่ยังคงร่วงลงมาจากฟ้าไม่หยุด…

แต่ทว่าตอนนี้มวลพลังเหลวสีขาวนั่นก็คล้ายจะถล่มลงจากฟ้าด้วยปริมาณที่มากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว! จนพื้นที่ด้านหลังเริ่มเอ่อท่วม! ทั้งมวลพลังเหลวนั่นยังเริ่มไหลมาเรื่อยๆปานจะเติมเต็มลำน้ำพร้อมเศษซากสะพานนี่!!

ตอนนี้ด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนถูกจำกัดเอาไว้ด้วยอาคมห้ามบิน แน่นอนว่าย่อมไม่อาจหนีไปไหนได้ นอกจากจะวิ่งข้ามลำน้ำแห้งขอดนี่ไปยังอีกฝั่งให้เร็วที่สุด!!

ทันใดนั้นเองเขาสัมผัสได้ว่าผืนดินมันสั่นสะเทือนรุนแรงกว่าเดิม เสียงมวลน้ำโถมมาดั่งคลื่นก็หนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม!!

และมวลพลังสีขาวราวน้ำนมนั่น ก็กำลังโถมมาด้วยความเร็วและความรุนแรงปานมวลน้ำมหาศาลที่ทะลักออกมาจากเขื่อนแตก!!

เรียกว่าหากโดนมวลพลังเหลวดั่งเขื่อนแตกนั่นซัดเข้าล่ะก็…คงได้เจ็บหนักไม่ต่างจากโดนมวลพลังเหลวนั่นร่วงจากฟ้ามาเหมือนม่านน้ำตกซัดแน่!

พอต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังทั้งสภาวะมวลพลังเหลวที่โถมมา ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าซีด!!

เพราะพลังทำลายของมวลพลังเหลวสีขาวยามนี้ น่ากลัวว่าต่อให้เขาเร่งเร้าปราณสุริยันแรกกำเนิดเต็มพลังใช้ออกด้วยระฆังกระบี่คลุมกายก็คงยากที่จะต้านทานรับเอาไว้ได้!!

หากนี่เป็นร่างกายที่แท้จริงของเขา กับอีแค่มวลพลังเหลวที่ถาโถมมาดั่งเขื่อนแตกแบบนี้ เขาสามารถใช้พลังดิบเถื่อนต้านทานได้อย่างไม่ยากเย็น!

ปัญหาคือนี่เป็นร่างอวตาร! ร่างกายมันเหมือนผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้นทั่วไป! ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนร่างกายที่แท้จริงของเขา จึงทำให้พึ่งได้แค่ปราณสุริยันแรกกำเนิดเท่านั้น!!

“ข้าโดนมวลพลังนั่นซัดไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นได้ตายคาที่แน่!!”

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่กล้ารอช้าอะไรสืบไป รีบพุ่งร่างโดดไปตามเศษซากสะพานด้วยความเร็วสุดชีวิตหมายไปให้ถึงอีกฝั่ง!

ตูมมมม!!

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพุ่งร่างออกไป ก็พอดีกันกับมวลพลังเหลวสีขาวที่ทะลักออกจากฟ้าจนไหลเชี่ยวมาปานเขื่อนแตก ก็เริ่มตกลงมาในลำน้ำแห้งขอด!

ดั่งเทน้ำลงราง พวกมันเริ่มทะลักไหลลงมาในลำน้ำแห้งขอดอย่างเชี่ยวกราด!!

พริบตามวลน้ำก็ทะลักออกมาเกือบครึ่งลำน้ำแห้งขอด กำลังไหลเชี่ยวไปในทางน้ำแห้งด้วยความเร็วสูง ราวกับหากไม่อาจเติมเต็มลำน้ำแห้งขอดแห่งนี้ได้มันไม่คิดจะหยุดยั้ง!!

มวลพลังเหลวสีขาวที่สาดโถมเข้ามาหน้าสุด ก็โดนแรงกระแทกจากการตกและอัดทับกันมาเรื่อยๆของมวลน้ำด้านหลัง ทำให้มันทวีความเร็วและแรงกระแทกมากขึ้นเรื่อยๆ โถมมาหนักหน่วงยิ่งกว่าเขื่อนแตก!!

เพียงแค่พริบตาความเร็วของมวลพลังเหลว ก็เหนือกว่าความเร็วในการพุ่งร่างของต้วนหลิงเทียน ระยะห่างระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียนกระชั้นขึ้นทุกวินาที!!

“แย่แล้ว!”

ถึงจะไม่ได้มองย้อนกลับไป แต่ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าตอนนี้มวลพลังเหลวกำลังใกล้เข้ามาทุกที ทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก…

หากในทางน้ำแห้งขอดไร้สิ่งใด เขาคงรู้สึกเสมือนอีกฝั่งมันอยู่ใกล้นัก…

ทว่าตอนนี้เขารู้สึกเสมือนมันไกลแสนไกล!

ยามกังวลใจคนรุ่มร้อน เรียกว่าสามารถอธิบายสถานการณ์ที่ต้วนหลิงเทียนเป็นอยู่ได้ชัดเจน!

ครืนนน!! ครืนนน!! ครืนนน!! ครืนนน!!

……

มวลพลังมหาศาลที่โถมถันเข้ามามันทวีความเร็วและความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้มันก็เจียนจะซัดแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนเต็มที!

ห่างจากร่างต้วนหลิงเทียนที่พุ่งด้วยความเร็วสุดชีวิตอีกแค่ไม่กี่ก้าว!

และตอนนี้ระยะทางระหว่างอีกฝั่งกับต้วนหลิงเทียนก็ยังหลายสิบก้าวนัก! หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาคงได้โดนมวลพลังเหลวที่ทะลักมาดั่งน้ำเชี่ยวซัดกระแทก กระทั่งกลืนร่างเขาหายไปในความเกรี้ยวกราดของสายธารแน่นอน!!

มวลพลังมหาศาลตอนนี้ด้วยความที่อยู่ห่างจากต้วนหลิงเทียนไม่กี่ก้าว มันก็เริ่มซัดทำลายระฆังกระบี่คลุมกายของเขาจนพินาศแล้ว! เจียนบรรลุถึงร่างต้วนหลิงเทียนเต็มที!!

“มาสิวะ!!”

หลังจากระฆังกระบี่คลุมกายสลายไป ต้วนหลิงเทียนที่ตระหนักได้ถึงอันตรายใหญ่หลวง ใบหน้าหล่อเหลาก็เผยความตึงเครียดจริงจัง ปราณสุริยันแรกกำเนิดในร่างปะทุออกมาเต็มกำลัง หลั่งไหลผ่านชีพจรเซียน 99 สายดั่งสายธารเชี่ยว!

เขตแดนหมื่นกระบี่!

ในช่วงเวลาวิกฤต ต้วนหลิงเทียนเลือกจะเปิดใช้เขตแดนหมื่นกระบี่ออกมา

ทันทีที่เขตแดนหมื่นกระบี่ปราฏ รัศมีของมันมันก็ห่อหุ้มมวลพลังเหลวเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งหรือชะลออันใดได้

ด้านต้วนหลิงเทียนตอนนี้ก็เร่งเร้าพลังสุดตัวเพื่อใช้ออกด้วยหมื่นกระบี่รวมหนึ่งให้เร็วที่สุด และเพียงเสี้ยวพริบตากระบี่พลังสีทองนับหมื่นก็ควบรวมก่อเกิดเป็นกระบี่พลังสีทองเล่มเขื่องที่เปล่งแสงเรืองรองดั่งดวงตะวัน

ต้วนหลิงเทียนสะบัดมือเพื่อควบคุมกระบี่พลังสีทองเล่มเขื่องให้เข้ามือ เร่งจ่ายปราณสุริยันแรกกำเนิดทั้งหมดในร่างไปยังกระบี่พลังดังกล่าว!!

เมื่อสัมผัสได้ว่ามวลพลังเหลวห่างจากแผ่นหลังเพียงคืบ เจียนกระแทกซัดเข้าร่างเต็มที ต้วนหลิงเทียนพลันม้วนตัวกลับมาในห้วงเวลาวิกฤต!

ซู่มมม!!

กระบี่พลังสีทองเล่มเขื่องในมือถูกฟาดออกไปสุดกำลัง และไม่เพียงแต่มันจะอัดแน่นไปด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิดเท่านั้น ยังมีพลังลึกล้ำจาก ยอดใจกระบี่ อีกด้วย!

วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!

……

กระบี่ยักษ์วาดผ่าอากาศมาด้วยความเร็วอันฉับไว ความว่างที่ถูกกรีดผ่านยังสะท้านสะเทือน ยังมีแรงต้านซัดปะทะเข้ากระบี่ไม่น้อย

อย่างไรก็ตามถึงจะมีแรงต้าน แต่ความเร็วของกระบี่ก็ไม่ได้เชื่องช้าแต่อย่างใด

ในที่สุดมวลพลังเหลวดั่งคลื่นน้ำที่เจียนซัดกระแทกร่างต้วนหลิงเทียน ก็ถูกกระบี่ฟาดปะทะเข้าอย่างแรง!

ชั่วพริบตาดั่งฟ้าแลบ ยามเมื่อกระบี่พลังมีสภาพสีทองฟาดปะทะมวลพลังเหลว ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงพลังสะท้อนและแรงกระแทกอันหนักหน่วง!!

ง่ามมือพลันฉีกออก พลันให้รู้สึกปวดแสบดั่งไฟลุกไหม้ มวลพลังสะท้อนที่เหลือยังแล่นผ่านตัวกระบี่ผ่านมายังมือทะลักไหลไปตามแขนก่อนที่จะพุ่งเข้ามากระแทกภายในร่างของเขาอย่างรุนแรง!!

“อั๊คคค!!”

ต้วนหลิงเทียนอ้าปากกระอักโลหิตคำใหญ่ เลือดแดงเลือดดำล้วนทะลักออกมาดังพรวด!

ขณะเดียวกันนั้นกระบี่พลังมีสภาพสีทองก็พังทลายลงเพราะแรงปะทะจากมวลพลังเหลวที่โถมเข้ามาดั่งคลื่นคลั่งอันเกรี้ยวกราด!

ปงงง!!

ขณะที่กระบี่พลังมีสภาพเล่มเขื่องพังทลาย มันก็ได้คายพลังมหาศาลออกมา! พลังดังกล่าวปะทุระเบิด กระแทกเข้าร่างต้วนหลิงเทียนที่อยู่ใกล้อย่างจัง ซัดร่างเขาจนกระเด็นปลิดปลิว!!

ต้วนหลิงเทียนที่คล้ายจะเตรียมใจไว้แล้วไม่แข็งขืนอะไร คนพุ่งไปดั่งลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร ตีวงโค้งในอากาศค่อยร่วงตกลงริมฝั่งแม่น้ำ!!

ตึงงงง!!

และช่วงเวลาเดียวกันกับที่ร่างต้วนหลิงเทียนปลิวกระเด็นมาตกบนริมฝั่งแม่น้ำ มวลพลังเหลวที่โถมมาดั่งคลื่นเกรี้ยวกราดก็ซัดปะทะเข้าริมตลิ่งอย่างจัง ส่งเสียงดังสนั่นปานมังกรพิโรธคำราม!