บทที่ 440 ใจสลาย ฆ่าตัวตาย

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 440 ใจสลาย ฆ่าตัวตาย

ตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็มั่นใจเด็ดเดี่ยว หลังจากนั้นก็หยิบน้ำกรดที่ยังใช้ไม่หมดออกมา หยดไปบนร่างคนโดนมนต์ดำที่ถูกหานแสตัดหัว

พอตกลงไปก็มีเสียงดัง “ฉ่าฉ่าฉ่า” ทำให้คนโดนมนต์ดำที่ยังขยับอยู่ ค่อยๆถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นเลือด

หลานเยาเยามองมือตนเองที่ถูกตัด จึงอดไม่ได้ที่จะจับเอาไว้แน่นเงียบๆ

ไม่ใช่ว่านางไม่อยากช่วย แต่……

ช่วยไม่ได้!

แม้เมื่อครู่นางจะเพิ่งใช้เลือดตนเองรักษาหลี่ชิงเหยน แต่สองสามคนนี้นางกลับช่วยไม่ได้เลย เพราะที่นี่คนเยอะ นางไม่สามารถเปิดเผยเลือดของตนเองได้ ไม่เช่นนั้นราชครูเทียนเวิงจะต้องรู้ตัวตนจริงๆของนางแน่ๆ

ถึงตอนนั้น ตำหนักเทพธิดา สำนักหงอีล้วนจะตกอยู่ในอันตราย

“เทพธิดา……”

เสียงอ่อนแรงดังขึ้น ทุกคนที่ได้ยินก็มองไป เห็นหลี่ชิงเหยนที่บาดเจ็บทั้งสองแขน เขาเดินมาทางพวกเขาทีละก้าว ละก้าว……

ทุกคนพากันถอยหลัง สายตาหวาดผวา

“เทพธิดา ยังมีอีกตน”

“รีบฆ่าเขาเร็ว เขาใกล้จะกลายเป็นคนโดนมนต์ดำแล้ว”

ทุกคนรู้เพียงแค่ว่า ตราบใดที่โดนคนโดนมนต์ดำทำร้าย ก็จะกลายเป็นคนโดนมนต์ดำ แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าหลี่ชิงเหยนนั้นบาดเจ็บมานานแค่ไหนแล้ว แต่ก็ยังไม่กลายเป็นคนโดนมนต์ดำ

ถูกทุกคนตะโกนให้ฆ่า หลี่ชิงเหยนก็หน้าซีดเข้าไปอีก

ตอนที่เห็นศพสุดท้ายบนพื้น ที่ยังไม่ถูกน้ำกรดกัดกร่อนไปหมด ตาของเขาก็แดง รีบวิ่งมาแล้วคุกเข่าร้องไห้กับพื้น

“ท่านแม่,ท่านแม่……”

เหล่าท่านชายคุณหนูที่ตกใจแทบตาย เมื่อเห็นท่าทางร้องไห้เจ็บปวดเช่นนี้ของหลี่ชิงเหยน ก็ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจใดๆเลย อยากจะให้เขารีบตายเร็วๆ ห้ามกลายเป็นคนโดนมนต์ดำมาทำร้ายพวกเขา

ดังนั้นแต่ละคนจึงแย่งกันบอกให้หานแสฆ่าเขา

เย่หลีเฉินมองหลี่ชิงเหยนบาดเจ็บทั้งสองแขน จากนั้นก็มองนัยน์ตาที่ชัดเจน และเสียงที่ร้องไห้อย่างเจ็บปวดของเขา ก็มีความสงสัยฉายขึ้นในแววตาของเขา

ตอนที่เจอหลี่ชิงเหยนก่อนหน้านี้

เขาก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว พอดูแว็บแรกก็คือรอยถูกข่วนด้วยกรงเล็บแหลมของคนโดนมนต์ดำ

แต่ทำไมเขาถึงไม่กลายเป็นคนโดนมนต์ดำสักที?

และตอนที่หานแสเห็นท่าทางของหลี่ชิงเหยน ก็หันไปมองมือที่ได้รับบาดเจ็บของหลานเยาเยา หรี่ตา รีบยกกระบี่ขึ้นจะฟันลงไป

แต่จู่ๆก็มีแรงมาต้านไว้

เป็นหลานเยาเยา ที่ใช้มือมาขวางแขนที่ถือกระบี่ของเขาไว้

“เดี๋ยวก่อน”

“ทำไม?” หานแสหันหน้ามามองหน้า รอคำอธิบายจากนาง

“เขายังมีทางรอด!”

เมื่อพูดออกไป ทุกคนก็ตกใจ มองไปทางหลานเยาเยาโดยไม่รู้ตัว

ส่วนหานแสไม่พูดพร่ำทำเพลง ปัดแขนหลานเยาเยาออก กระบี่คมมาถึงคอของหลี่ชิงเหยน ถ้าไปอีกนิด กระบี่คมก็จะจมเข้าไปในลำคอ

มองไปยังแขนที่ถูกขวางไว้อีกครั้ง หานแสก็มองหลานเยาเยาอย่างเย็นชาและพูดเสียงเย็นว่า:

“ไม่มีทางรอดแล้ว!”

ตั้งแต่ตอนที่เห็นว่าหลานเยาเยาบอกว่าหลี่ชิงเหยนยังมีทางรอด หานแสก็รู้แล้วว่าหลี่ชิงเหยนนั้นเคยดื่มเลือดของหลานเยาเยา แต่ที่ยังจะฆ่าหลี่ชิงเหยนนั้นก็เพราะว่า จะให้หลานเยาเยาเปิดโปงไม่ได้ ถ้านางเปิดโปง งั้นแผนของเขาก็ล้มเหลวสิ

เขาไม่ยอมแน่!

เย่หลีเฉินยิ่งมองก็ยิ่งสงสัย แต่หลานเยาเยาบอกว่ายังมีทางรอด เขาก็รีบจับมือของหานแสไว้

“หานแส เทพธิดาบอกว่ายังมีทางรอด งั้นก็ต้องมีทางรอด อย่าฆ่าไปเรื่อย”

“เจ้า……”

หานแสไม่อยากคุยกับเย่หลีเฉินมากนัก และจ้องหลานเยาเยานิ่ง มือเขากำกระบี่ไว้แน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา ดวงตาก็หรี่ลงจนแทบจะกลายเป็นรอยเย็บเส้นหนึ่ง

ในช่วงที่ไม่มีใครยอมใคร

สิ่งที่ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ หลี่ชิงเหยนหันกลับมามองหลานเยาเยา พูดเรียบว่า: “ขอขอบคุณท่าน!”

พูดจบ ก็คว้ากระบี่ของหานแส เชือดไปที่คอของตนเอง

หลี่ชิงเหยนไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้เพียงแต่ว่า ท่านแม่ผู้ที่ตนพึ่งพาอาศัยกันมาตลอดได้ตายลงแล้ว เขามีชีวิตต่อไปก็ไม่มีความหมายแล้ว……

มีเสียง“เคร้ง”

ท่าทางของหานแสเปลี่ยนไป กระบี่ยาวตกลงสู่พื้น มือสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ อารมณ์ซับซ้อนฉายขึ้นมาในแววตา จากนั้นเขาก็หมุนตัวจากไป และหายไปท่ามกลางฝูงชนอย่างรวดเร็ว

เย่หลีเฉินมองไปทางหลานเยาเยา ส่วนหลานเยาเยาก็มองหลี่ชิงเหยนที่ตายไปแล้ว และถอนหายใจเงียบๆ

“ช่วยไม่ได้จริงๆ!”

ใจที่สลายไปแล้ว ยังจะช่วยอย่างไรได้?

สุดท้ายหลานเยาเยาก็หมุนตัวจากไป

“เทพธิดา”

เย่หลีเฉินเรียกนางไว้ ไม่รอเขาพูด หลานเยาเยาก็พูดก่อน:

“ขอให้องค์ชายรัชทายาทตรวจสอบผู้คนในสวนว่างฮัวอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่าปล่อยให้ใครออกไปก่อน ถ้าหากมีคนผิดเล็ดลอดออกไป ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นจะอันตรายอย่างยิ่ง”

เมื่อเห็นเย่หลีเฉินพยักหน้า หลานเยาเยาก็บินจากไป

คนที่เข้าไปในประตูเหล็ก ในไม่ช้าก็ถูกแยกออกมา หลังจากตรวจสอบพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยังไม่ปล่อยพวกเขาไป

แม้แต่คนที่ไม่ได้ไปที่ประตูเหล็ก ก็ไม่ให้ออกจากสวนว่างฮัวชั่วคราว

เมื่อถามหาเหตุผล เย่หลีเฉินก็เพียงแค่บอกว่ามีคนเสียชีวิต ต้องการความร่วมมือในการหาฆาตกร แต่ในฝูงชนนั้นวุ่นวาย พวกเขารู้แล้วว่ามีคนโดนมนต์ดำปรากฏออกมา จึงทำให้แตกตื่น

แม้จะมีสองสามคนที่ไม่ได้ไปตรงประตูเหล็กแต่ได้รับบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ เห็นๆอยู่ว่าไม่ได้ถูกคนโดนมนต์ดำทำร้าย ทุกคนก็ยังคงออกห่าง กลัวว่าจะติดเชื้อ

หลังประตูเหล็ก กลางพุ่มไม้หนาม

หลานเยาเยาและหานแสยืนอยู่ตรงจุดที่หญิงชาวสวนเสียชีวิตก่อนจะกลายเป็นคนโดนมนต์ดำ บนพื้นมีดอกไม้สีแดงครึ่งหนึ่งปรากฏอยู่ นั่นคือดอกกระดูกขาว

“วิ้วว……”

“วิ้วว……”

มีแรงกระตุกขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็มีคนสองกลุ่มปรากฏออกมา พวกเขาแยกกันยืนด้านหลังของหลานเยาเยาและหานแส

ด้านที่ยืนหลังหลานเยาเยาก็คือจื่อซีกับจื่อเฟิง และก็ยังมีองครักษ์ของตำหนักเทพธิดา นอกจากจื่อซีกับจื่อเฟิงที่สวมหน้ากาก ที่เหลือก็ไม่ได้สวม

ส่วนด้านหานแส ก็คือป่ายเม่ยเซิงและพวกโจ๋จุนชิง ตลอดจนคนของเรือแห่งความสิ้นหวัง พวกเขาล้วนใส่หน้ากาก

แต่หน้ากากนั้นไม่เหมือนกับที่แขวนตอนอยู่บนเรือแห่งความสิ้นหวัง คุณภาพและรูปแบบต่างกันราวฟ้ากับเหว ให้เป็นคนฉลาดแค่ไหน ก็จะไม่เชื่อมโยงพวกเขาเข้ากับเรือแห่งความสิ้นหวังนั่น เพียงแต่จะคิดว่า พวกเขาคือคนที่หานแสเลือกออกมาจากกองขอทาน

“เย่หลีเฉินปิดที่นี่แล้ว” หนึ่งในนั้นรายงาน

“อื้ม ที่นี่ปรากฏดอกกระดูกขาว งั้นก็ขุดจากตรงนี้”

“ขอรับ!”

จื่อเฟิงรีบคำนับ จากนั้นก็สั่งให้คนด้านหลังหยิบเครื่องมือเกษตรที่ใช้สำหรับขุดดินโดยเฉพาะออกมา ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก้มหัวลงขุด

หานแสก็มองพวกป่ายเม่ยเซิง

พวกเขาก็ไม่น้อยหน้า หยิบจอบขึ้นมาเริ่มขุด ในไม่ช้า ด้านใต้จุดที่พบดอกกระดูกขาว ก็ขุดไปจนเจอศพนึง

ศพถูกฝังไว้หลายปี จนเหลือแต่โครงกระดูก

หลานเยาเยาสั่งให้พวกเขาขุดลงไปรอบๆต่อ

ต่อให้ต้องขุดไปอีกสามฟุต ก็ต้องหาหนอนพิษกู่จิ้นที่ราชครูเทียนเวิงเพาะเลี้ยงเอาไว้ออกมาให้ได้

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง!

หลานเยาเยากับหานแสยืนอยู่ข้างๆ

“เจ้าต้องบริจาคเลือดเพื่อคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน มันไม่คุ้มค่า!”

หลานเยาเยารู้ว่าที่หานแสพูด ก็คือเรื่องของหลี่ชิงเหยน

ใช่!

หลี่ชิงเหยนก็เป็นแค่คนมีพรสวรรค์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนาง ก่อนหน้านั้นหลี่ชิงเหยนถึงขนาดวางแผนจะหลอกนาง

แต่เขาไม่ใช่คนเลวร้าย

เขาแค่ทำเพื่อท่านแม่ของเขา

นางเคยคิดว่า นางช่วยหลี่ชิงเหยนนั้นจะกลายเป็นระเบิดเวลา แต่นางก็ได้ให้เลือดไปแล้ว ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด แต่ในฐานะคนเป็นหมอที่รู้สึกว่าควรจะช่วยก็เท่านั้น

“หานแส ถ้าวันนี้คนที่ถูกกัดเป็นพวกป่ายเม่ยเซิง ข้าก็จะช่วยเหมือนกัน”

ป่ายเม่ยเซิงที่มีหูดีอยู่แล้ว กำลังขุดดินอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดของหลานเยาเยา จิตใจก็เบิกบาน ทำงานเต็มที่