บทที่ 400 ที่บ้านยังมีพวกพี่ ๆ อีกเป็นกองเลยนะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 400 ที่บ้านยังมีพวกพี่ ๆ อีกเป็นกองเลยนะ

บทที่ 400 ที่บ้านยังมีพวกพี่ ๆ อีกเป็นกองเลยนะ

โจวหรุ่ยซูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ในโรงเรียน

พ่อของเธอโดนจัดการไปแล้ว อีกทั้งยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสังเวชอีกด้วย ส่วนสถานการณ์ของแม่จะไม่ได้เหมือนกับพ่อ แต่ก็ยังมีชีวิตอย่างยากลำบากเช่นกัน

พวกพี่ชายปกป้องตัวเองไม่ได้ เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากอยู่ที่โรงเรียน

เดิมทีเธอคิดว่าต่อให้ที่บ้านเกิดเรื่องขึ้น ขอแค่ปู่กับตายังอยู่ เราก็สามารถจัดการเสี่ยวเถียนได้สบาย ๆ แค่เธอร้องไห้อ้อนวอน พวกเขาก็จะช่วยเธอเอง แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่า สิ่งที่ได้กลับไม่ใช่ความรักจากปู่กับตา

ทั้งสองกลับเกลียดชังเธอยิ่งขึ้นไปอีก

พวกเขาคิดว่าที่ตระกูลโจวและตระกูลว่านตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เพราะโจวหรุ่ยซูไม่รู้ความ

พวกเขายังด่าด้วย ถ้าเธอทำตัวดีจริง ๆ มันจะกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร โจวหรุ่ยซูไม่คิดเลยว่าคนที่แทงข้างหลังจะเป็นคนที่ใกล้ตัวที่สุด

แล้วเธอทำอะไรผิดล่ะ? เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด มันเป็นเพราะยัยชาวนานั่นไม่ใช่หรือไง?

ก่อนหน้านี้คนที่บ้านก็พูดเองไม่ใช่หรือไงว่าถ้าอยากจะรังแกคนที่ต่ำต้อยกว่าก็ทำได้น่ะ?

เธอทำตามที่พวกเขาสอนแท้ ๆ แล้วทำไมต้องแบกรับเรื่องพวกนี้ด้วย? ต่อให้โจวหรุ่ยซูอยู่ที่โรงเรียน แต่เธอก็ไม่ได้เรียนอย่างสบายใจเพราะในใจมีแต่ความคิดชิงชัง

เธอเกลียดคนที่เรียกตนเองว่าครอบครัว แต่ไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกัน และยิ่งเกลียดไอ้คนพวกนั้นที่ไม่ช่วยไม่พอ แต่ยังด่าเธออีก!

แต่สิ่งที่เกลียดมากที่สุดคือ ยัยบ้านนอกซูเสี่ยวเถียน!

เห็นกันชัด ๆ ว่ามันเป็นแค่ยัยบ้านนอกไม่มีภูมิหลังคนหนึ่ง ตัวเองก็ยอมโดนเอาเปรียบไปเฉย ๆ สิ ทำไมต้องทำให้เรื่องมันวุ่นวายด้วย?

ถ้าซูเสี่ยวเถียนไม่ได้ไปสร้างปัญหาที่โรงเรียน ถ้ามันไม่ได้ให้ครูใหญ่ตรวจสอบคะแนน ถ้ามันไม่ได้ให้คนมาจัดการตระกูลโจวกับตระกูลว่าน ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้

โจวหรุ่ยซูจะยังเป็นลูกรักของพ่อแม่ และจะยังเป็นหลานสาวที่ปู่กับตารักด้วย

เธอจะยังเป็นนักเรียนที่โดดเด่นที่สุดในห้อง 18 ของโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ด และเพลิดเพลินไปกับความชื่นชอบของครูและสายตาอิจฉาของเพื่อนร่วมชั้นทุกวัน

เธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ในอนาคต และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

ได้เคียงข้างกับชายที่ชอบ และเดินด้วยกันอย่างมีความสุขในรั้วมหาวิทยาลัย แต่เป็นเพราะซูเสี่ยวเถียน ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป

ซูเสี่ยวเถียนทำลายชีวิตของเธอ เปลี่ยนตัวเธอจากเด็กสาวที่ดีเลิศไปสู่ความว่างเปล่า

ทำให้เธอเสียความรักของปู่กับตา ความรักของพ่อแม่ โอกาสที่จะได้อยู่โรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ด และชายที่เธอรัก!

เธอรับไม่ได้ที่โดนรังแกจากยัยบ้านนอกที่ด้อยกว่าในทุก ๆ ด้าน และเธออยากจะแก้แค้น!

เธอมีความคิดอยากจะแก้แค้นตลอดเวลา

บ่อยครั้งที่ฝันว่าเธอผลักเสี่ยวเถียนตกบ่อโคลน ล้มลงไปในสภาพยุ่งเหยิง ก่อนจะโดนคนนับพันเหยียบ และมีหลายครั้งเช่นกันที่เธอตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะ

แต่หลังจากที่ตื่นขึ้นก็รู้ว่ามันเป็นเพียงความฝัน

ความฝันแบบนี้ที่ทำให้โจวหรุ่ยซูมุ่งมั่นที่จะแก้แค้น และคิดจะเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นจริง

แต่โจวหรุ่ยซูที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วนั้นไม่ใช่เด็กสาวที่บ้าบิ่นอย่างในตอนนั้นอีกต่อไป

เธอรู้ว่ามันไม่มีทางบรรลุเป้าหมายได้ด้วยตัวเอง

ถึงซูเสี่ยวเถียนจะมาจากชนบท แต่เธอก็ได้รับการปกป้องจากคนมากอำนาจทั้งนั้น

เพราะไม่มีคนคอยช่วย เธอเลยไม่สามารถจัดการเสี่ยวเถียนได้ แล้วเด็กสาวแบบเธอจะหาคนช่วยจากที่ไหนได้?

พ่อแม่ยังหมดหนทางจัดการกับคนตระกูลซูเลย แล้วเธอจะทำอย่างไรล่ะ?

เธอไม่ใช่โจวหรุ่ยซูมีครอบครัวที่ดีและทุกคนต่างอิจฉาอีกต่อไป

เธอในตอนนี้เป็นคนที่หลีกหนีจากผู้คนและแสนหวาดกลัว

ส่วนใหญ่รู้หมดแล้วว่าตระกูลโจวอยู่ในความวุ่นวาย และตระกูลว่านจะถูกทำลาย

คนพวกนั้นที่เคยเลียแข้งเลียขา เคยประจบกันในตอนแรก ตอนนี้กลับเกลียดกันมาก สุดท้ายโจวหรุ่ยซูก็เล็งไปที่กลุ่มอันธพาลตามซอกตรอกซอยแทน

เด็กสาวตัวคนเดียว ไม่มีอะไรดึงดูดพวกอันธพาลได้มากเท่ารูปร่างหน้าตาแล้ว หลังจากที่ทำมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว โจวหรุ่ยชูก็รู้สึกโล่งใจ

ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไร ตราบใดที่มันทำให้ซูเสี่ยวเถียนซวยได้ มันก็คุ้ม!

ต่อให้ต้องยืมมือคนอื่น แต่ถ้ามันฉุดเสี่ยวเถียนให้ลงมาอยู่ในระดับเดียวกับเธอได้ แค่นั้นก็พอแล้ว!

ในค่ำคืนที่มืดมิด แววตาของโจวหรุ่ยซูที่กำลังนอนอยู่บนเตียงน่ากลัวมาก รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นที่มุมปาก ราวกับความโชคร้ายของเสี่ยวเถียนอยู่เบื้องหน้า

ทางฝั่งเสี่ยวเถียนที่กำลังง่วนกับการอ่านหนังสือภาษาต้นฉบับอยู่นั้นไม่ได้รับรู้ถึงแผนการร้ายของโจวหรุยซูเลย

ไม่มีลางสังหรณ์แม้แต่น้อย

เริ่มตั้งแต่อ่านหนังสือภาษาต้นฉบับเล่มแรกจนถึงตอนนี้ เธอสามารถอ่านพวกมันได้ติดต่อกันหลายวันแล้ว

ในนั้นมีภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมันด้วย แต่มีภาษาฝรั่งเศสมากกว่า

เดิมทีเสี่ยวเถียนคิดว่าตนเรียนภาษาฝรั่งเศสได้ดีมากแล้วนะ แต่ทุกครั้งที่เธออ่านหนังสือกลับเรียนรู้ได้มากขึ้นทุกครั้ง

มันทำให้เธอเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ

เดิมทีก็เรียนเก่งอยู่แล้วด้วย ยิ่งเรียนต่อแบบนี้ก็ยิ่งได้ประโยชน์มากกว่าเดิมอีก

พอรู้ความจริงในข้อนี้ เธอจึงได้รับทักษะมาใหม่คือ ‘การเรียนรู้ไร้ขีดจำกัด’!

เสี่ยวเถียนคุ้นเคยกับเจ้าระบบที่มันจู่โจมใส่อย่างฉับพลันเช่นนี้อยู่แล้ว

ถ้ามีทักษะใหม่ เธอก็รับทำมันทุกอย่างไปเลย!

วันนั้นเสี่ยวเถียนได้ยินข่าวว่าหัวหน้าหลี่มีเอกสารอื่นที่ต้องการจะแปล

เสี่ยวเถียนเรียนเก่ง อีกทั้งยังตั้งใจทำงานหนักอยู่เสมอ ฮวางเหวินป่ายจึงปฏิบัติต่อเธอดีกว่านักเรียนคนอื่น ๆ

ตอนที่เด็กสาวขอลาหยุด ครูประจำชั้นก็อนุญาตทันที

เธอออกจากโรงเรียนอย่างมีความสุข ทว่าไม่ทันเห็นสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมาจากด้านหลัง

หลังจากเดินออกจากโรงเรียนก็ขึ้นรถประจำทางไปยังโรงงานไฟฟ้าตงเฟิง

หัวหน้าหลี่กำลังรอเสี่ยวเถียนอยู่เลย พอเห็นเธอ ดวงตาก็เปล่งประกายราวกับเห็นสมบัติ

“เสี่ยวเถียน มาแล้วหรือ?” เขาทักทายอย่างอบอุ่นพร้อมกับยื่นเมล็ดแตงโมในเธอ

ปกติเขาจะซื้อของพวกนี้มาทักทายเสี่ยวเถียนเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่กับคนอื่น ๆ ไม่ได้ปฏิบัติเช่นนี้หรอก

“หัวหน้าหลี่ หนูขอดูเอกสารได้ไหมคะ?”

อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างไวก่อนจะหยิบเอกสารออกมามอบให้เธอ

“เสี่ยวเถียน ความยากของเอกสารฉบับนี้ไม่ต่างไปจากก่อนหน้านี้เท่าไร ราคาไม่ต่ำกว่าด้วย เพิ่มมาหนึ่งร้อยหยวน”

เสี่ยวเถียนพลิกดูคร่าว ๆ เอกสารมันค่อนข้างยาก ตอนนี้เธอเชี่ยวชาญภาษาฝรั่งเศสมากกว่าเดิมแล้ว ไม่ต้องเสียเวลามากเท่ารอบก่อนด้วย

แต่ประโยคนี้จะพูดออกไปได้หรือ?

ไม่ได้อยู่แล้ว!

“หัวหน้าหลี่ เอกสารอันนี้เนื้อหายาวกว่า แล้วก็ศัพท์ทางเทคนิคเยอะกว่าด้วยค่ะ หนูอยากรู้ว่ามีเวลาให้หนูเท่าไรคะ?!” เด็กหญิงสาววางเอกสารลงบนโต๊ะ

เธอคำนวณไว้แล้ว ถ้าต้องทำงานล่วงหน้าและทำให้ทัน จะต้องเพิ่มค่าจ้างด้วย

เพราะเธอวางแผนไว้ว่าจะซื้อบ้านอีกหลัง เลยต้องร้อนรนหาเงินอยู่นี่ไง!

“ระยะเวลาครึ่งเดือนน่ะ นานกว่ารอบก่อนห้าวัน”

อันที่จริงครั้งก่อนก็สิบห้าวันเหมือนกันนั่นแหละ

แต่เพราะไม่ไว้ใจเสี่ยวเถียนที่ยังเด็ก เลยต้องเผื่อให้คนอื่นมาแก้ด้วยจึงลดเวลาลง

เธอผิดหวังมากเมื่อได้ยินคำตอบ ให้เวลานานจัง แต่ก็อายที่จะขอเงินเพิ่ม ควรทำอย่างไรดีเนี่ย?

หัวหน้าหลี่ไม่รู้ว่าเสี่ยวเถียนผิดหวังขนาดไหน เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ระยะเวลารอบนี้เธอตกลงหรือเปล่า?”

พูดแล้วก็ละอายใจ รอบก่อนเสี่ยวเถียนแปลงานออกมาจนหมดเรี่ยวแรง

ตอนเอามาส่งยังมาในสภาพเหนื่อยล้า เขาเห็นแล้วเสียใจนัก

“รอบนี้มีเวลาเยอะ ค่อย ๆ แปลก็ได้นะ”

เสี่ยวเถียนพยักหน้าอย่างมึนงง เธอกำลังเสียใจที่เสียรายได้ไป

หัวหน้าหลี่ไม่รู้ว่าเสี่ยวเถียนกำลังเศร้าจึงพูดต่อ

“ไม่ต้องหักโหมแบบรอบก่อนก็ได้นะ เธอยังเด็ก เดี๋ยวร่างกายจะแย่เอา มันได้ไม่คุ้มเสียหรอก”

“ที่จริงเงินที่เธอหาได้ก็สูงกว่าเงินเดือนคนอื่นไปหลายเดือนเลยนะ ไม่ต้องหักโหมเยอะหรอก!”

ไม่หักโหมได้ไง?

ที่บ้านยังมีพวกพี่ ๆ อีกเป็นกองเลยนะ ในฐานะที่เป็นน้องสาว เราไม่ควรดูแลครอบครัวตั้งแต่เนิ่น ๆ หรอกหรือ?

ซูเสี่ยวเถียนบ่นอุบในใจ และไม่ได้พูดมันออกไป