บทที่ 447 เว่ยฉิงเข้าประชุมสภาขุนนาง

เมื่อวานนี้กู้หวนเนี่ยนมาสารภาพรักกับฝางเหมี่ยว หญิงสาวมีความสุขมาก นางแทบจะหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังฝันไป

ใต้เท้ากู้ผู้นั้นชอบนางจริงหรือ? ที่ฝางเหมี่ยวไม่ได้คาดคิดมาก่อนก็คือวันรุ่งขึ้นสกุลกู้จะมาขอนางแต่งงาน

ฝางเหมี่ยวต้อนรับถังหลี่และแม่นมจ้าวอย่างรวดเร็ว เมื่อบรรดาคนข้างบ้านเห็นการมาถึงอย่างเอิกเกริก พวกเขาต่างพากันมาเฝ้าดูอย่างคับคั่ง

“วันนี้เกิดอะไรขึ้นถึงได้มีคนมาที่บ้านสกุลฝางมากมายเช่นนี้?”

“ดูไปแล้วเหมือนว่าจะมาขอแต่งงาน”

“ขอแต่งงานหรือ? มีคนมาขอฝางเหมี่ยวแต่งงานด้วยหรือ?””

ในความคิดของคนเหล่านั้นฝางเหมี่ยวเป็นคนที่ไม่สมควรจะได้แต่งงานเลยด้วยซ้ำ

ใครจะกล้าแต่งกับคนอัปมงคลเช่นนั้น

“ใช่แล้ว! ดูจากสินสอดที่พวกเขายกมาน่าจะไม่ใช่คนธรรมดา

“ข้าจะไปถามไถ่ดู” คนที่อยากรู้อยากเห็นอดใจไม่ไหวรีบวิ่งไปหาข่าวทันที

พอรู้เข้าถึงกับอ้าปากข้างอย่างตกตะลึง

“มาขอแต่งงานจริงๆ หรือ?”

“มาจากจวนแม่ทัพกู้ด้วย!”

“จวนท่านแม่ทัพ ?”

หรือจะเป็นบ่าวของจวนแม่ทัพกู้?

พวกเขาคิดว่าฝางเหมี่ยวที่เป็นแค่อู่จั้วน่าจะมีบ่าวจากจวนตระกู้มาขอแต่งงานด้วย แต่บ่าวรับใช้ของจวนสกุลกู้มีสินสอดมากมายขนาดนี้เชียวหรือ?

“เป็นบุตรชายคนโตของท่านแม่ทัพ ผู้พิพากษาของศาลต้าหลี่ ใต้เท้ากู้ กู้หวนเนี่ยน!” ชายคนนั้นเล่าให้คนรอบข้างฟังอย่างตื่นเต้น

“อะไรนะ? กู้หวนเนี่ยนหรือ?”

“โอ้! สวรรค์ ใต้เท้ากู้มาสู่ขอฝางเหมี่ยวจริงๆ หรือนี่!”

“เจ้าได้ยินมาผิดหรือเปล่า?”

พวกเขาส่งคนไปไต่ถามอีกครั้ง จึงได้ความเช่นเดิมว่าเป็นใต้เท้ากู้บุตรชายคนโตของแม่ทัพกู้จริงๆ

คนเหล่านั้นทั้งตกใจและอิจฉา

พวกเขาไม่คิดว่าฝางเหมี่ยวที่พวกเขาดูถูกดูแคลนมาตลอดว่านางจะหาคนมาแต่งงานด้วยไม่ได้ จะมีคนใหญ่โตสูงศักดิ์มาสู่ขออย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้

ทำไมถึงได้เป็นฝางเหมี่ยว?

บุตรสาวของพวกเขาเหนือกว่าฝางเหมี่ยวหลายเท่า แต่ทำไมถึงไม่เจอตระกูลดีเช่นนี้!

แต่นั่นแหละ ไม่ว่าพวกเขาจะอิจฉามากสักเพียงใดก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงไปได้

สกุลฝางยอมรับสินสอดทองหมั้นจากสกุลกู้ไปอย่างเรียบร้อยดี

หลังจากที่เสร็จพิธีสู่ขอแล้ว ถังหลี่และแม่นมจ้าวก็จากไป ทิ้งให้นางฝางนั่งมองข้าวของที่อยู่ในห้องอย่างไม่เชื่อสายตาของตนเอง

ก่อนหน้าที่บุตรสาวของนางมาเล่าให้ฟังว่านางชอบใต้เท้ากู้ นางยังเตือนบุตรสาวว่าอย่าได้เพ้อฝัน

ทำไมนางจะไม่อยากให้บุตรสาวได้แต่งงานกับผู้ชายที่นางชอบ ?

ทำไมนางจะไม่อยากให้บุตรสาวได้แต่งเข้าไปในสกุลที่รักใคร่ในตัวนาง? แต่บนโลกนี้จะมีเรื่องราวดีๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?

นางจึงได้นึกถึงหลี่คงผู้นั้น คิดว่าหากบุตรสาวพลาดไปแล้วจะไม่มีผู้ใดมาสู่ขออีก ยากเหลือเกินจะมีตระกูลดีๆอยากจะได้นางเข้าไปเป็นลูกสะใภ้ นั่นเป็นเพราะอาชีพที่ต่ำต้อยของนางนั่นเอง

แต่กระนั้นนางก็ยังอดกังวลถึงเรื่องความแตกต่างระหว่างชนนั้นไม่ได้

“เหมี่ยวเหมี่ยว นั่นเป็นครอบครัวของใต้เท้ากู้หรือ?” นางฝางถามบุตรสาวให้แน่ใจอีกครั้ง

ฝางเหมี่ยวพยักหน้า

“เจ้าค่ะ นางเป็นน้องสาวของใต้เท้ากู้”

“คุณหนูกู้ท่าทางใจดีมาก”

“ถังหลี่เป็นคนดี นางไม่ดูถูกอาชีพอู่จั้ว ซ้ำยังชมเชยอีกด้วย นางไม่รังเกียจข้าเลย นางแตกต่างจากผู้อื่นมาก”

เมื่อฝางเหมี่ยวพูดถึงถังหลี่ คำชมของนางแทบจะเลิศลอยสูงขึ้นฟ้า นางชอบถังหลี่มากจริงๆ

ว่าที่น้องสะใภ้ของนางเป็นคนมีเหตุผล

นางได้แต่หวังว่า หลังจากที่นางแต่งงานเข้าไปในจวนสกุลกู้แล้ว นางจะไม่ทนทุกข์มากเกินไปเพราะความแตกต่างของสถานะเช่นนี้

“ท่านแม่ไม่ต้องกังวลความแตกต่างระหว่างสกุลกู้กับสกุลของเรา ลูกได้แต่งงานกับคนที่ลูกรัก ลูกจะมีความสุขเจ้าค่ะ”

“ใช่ เจ้าจะต้องมีความสุข”

นางฝางย่อมยินดีไปกับบุตรสาวด้วยอยู่แล้ว แม้จะอดกังวลไม่ได้ และรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงอยู่บ้าง

“ทุกคนล้วนมีชะตากรรมเป็นของตนเอง จะมีความสุขหรือไม่ขึ้นอยู่กับชะตากรรมของตน” ฝางเหมี่ยวปลอบมารดา

ใช่แล้ว! กังวลมากไปก็ไร้ประโยชน์ นางแค่หวังว่าบุตรสาวของตนจะแต่งเข้าจวนสกุลกู้ได้อย่างราบรื่น มีชีวิตคู่ที่ปรองดองกลมเกลียวกับสามีของนาง

ตกเย็นมีคนมาเคาะประตูบ้านฝาง

ฝางเหมี่ยวรีบไปเปิดประตูเมื่อเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านนอก ใบหน้าของนางแดงระเรื่อขึ้นมา

……………

หลังจากทำจัดพิธีสู่ขอให้ฝางเหมี่ยวและพี่ชายของนางจบลง ในที่สุดถังหลี่ก็ปล่อยหินที่ทับอยู่ในใจลงได้

ช่วงไม่กี่วันมานี้เว่ยฉิงยุ่งกับงานมาตลอด เขากลับดึกเกือบทุกวัน หากเขายังไม่กลับ ถังหลี่จะไม่ยอมนอน นางตั้งใจรอสามี

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากข้างนอก ถังหลี่จึงได้หันหน้ามา ทันเห็นประตูที่เปิดออก ชายร่างสูงเดินเข้ามาพร้อมกับร่างกายที่เปียกชื้น

เว่ยฉิงกลัวว่าจะเป็นการรบกวนภรรยาเขาจึงได้อาบน้ำที่ลานข้างนอกก่อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้ามา เขาไม่คาดคิดว่าถังหลี่ยังไม่นอน

ภายในห้องสว่างด้วยแสงเทียน ภายใต้แสงไฟสลัว ภรรยาของเขางดงามยิ่งกว่านางฟ้า เมื่อเห็นนางแล้วความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าของเขาหายไปในทันที

เว่ยฉิงเดินไปอุ้มนางมานั่งที่เตียงแล้วให้นางนั่งที่ตักเขา ถามนางอย่างกังวลว่า

“ทำไมเจ้ายังไม่นอนอีก?” ถังหลี่เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของนางชุ่มชื้น

“ข้าคิดถึงท่าน” ลูกกระเดือกของเว่ยฉิงวิ่งพล่าน ดวงตาของเขาล้ำลึกขึ้น ผู้หญิงที่อยู่ในหัวใจเขามาตลอดพูดถึงเพียงนี้ หากเขาไม่ทำอะไรเลยย่อมไม่ใช่ลูกผู้ชาย เขาก้มลงจูบนาง

พระจันทร์ลอยคว้างอยู่ในท้องนภา ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวนานนัก

เช้าวันรุ่งขึ้น เว่ยฉิงลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ ภรรยาของเขายังนอนหลับสนิทขดตัวซุกอยู่ในผ้าห่ม

เว่ยฉิงก้มลงจุมพิตที่หน้าผาก จากนั้นจึงได้เดินออกไป

หลังจากที่เว่ยฉิงอาบน้ำ และรับประทานอาหารเช้าอย่างง่ายๆ แล้ว เขาขี่ม้าไปยังสภาขุนนางแต่เช้า เมื่อถึงหน้าประตูไท่เหอ เขาลงจากหลังม้า ส่งม้าให้บ่าวรับใช้ จากนั้นจึงได้เดินไปยังท้องพระโรง

“อู่ชื่อหลาง” มีเสียงเรียกดังขึ้นมา เว่ยฉิงหันไปมองคนที่เรียก

คนผู้นั้นใส่ชุดขุนนาง ท่าทางสง่างาม

“รุ่ยอ๋อง” เว่ยฉิงทักทายกลับ

จ้าวชูแค่อยากทักทายเขาพอเป็นพิธีเท่านั้น ไม่ได้อยากให้คนผู้นั้นเข้ามาพูดคุยกับเขามากนักเขาจึงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่รีรอ มีแสงเย็นวาบเกิดขึ้นในดวงตาของจ้าวชู

เขาเกลียดผู้ชายคนนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ คนผู้นี้ได้แต่งงานกับถังหลี่ ได้เป็นลูกเขยของแม่ทัพกู้ นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ เขารู้สึกอิจฉาแต่ในใจไม่อยากยอมรับว่าองค์ชายผู้สง่างามเช่นเขาอิจฉากระทั่งขุนนางชั้นผู้น้อยคนนั้น

ไม่ช้ารอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจ้าวชูอีกครั้ง เขาเดินไปยังท้องพระโรงไท่เหอ ระหว่างทางเพื่อพบกับขุนนางที่เข้ามาทักทาย เขาส่งยิ้มให้อย่างสุภาพนุ่มนวล

เว่ยฉิงยืนอยู่ในตำแหน่งของกรมอาญา เขาเป็นขุนนางชั้นสาม ข้อบังคับของราชวงศ์โจวมีอยู่ว่าขุนนางระดับห้าขึ้นไปจะต้องไปสภาขุนนางในวันเลขคู่ และทุกวันที่หนึ่งกับสิบห้าของทุกเดือนรวมถึงวันขึ้นปีใหม่

เมื่อเว่ยฉิงเป็นเจ้าหน้าของกรมอาญาเขาจึงคุ้นเคยที่จะต้องไปสภาขุนนางตามวันที่กำหนด

เว่ยฉิงยืนอยู่ในตำแหน่งของตน หลังเหยียดตรงอย่างสง่างาม ไม่มีใครจะคิดได้เลยว่าครั้งหนึ่งเขาเป็นเพียงชายภูเขาไร้การศึกษาผู้หนึ่ง

ขุนนางแต่ละคนค่อยๆ ทยอยเข้ามาจนเต็มท้องพระโรง ตรงข้ามกับเว่ยฉิงเป็นตำแหน่งของผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ กู้หวนเนี่ยนยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งสองมองหน้าแล้วพยักหน้าทักทายกัน ทันใดนั้นท้องพระโรงก็เงียบลง ฮ่องเต้เสด็จมาถึงแล้ว

……