บทที่ 441 ตัณหาอาจทำให้เกิดปัญหา!

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 441 ตัณหาอาจทำให้เกิดปัญหา!

บทที่ 441 ตัณหาอาจทำให้เกิดปัญหา!

“การค้าเกลือผิดกฏหมาย?” ซูอันทำท่าไม่เข้าใจ

ฉู่ชูเหยียนอธิบายสถานการณ์ให้เขาฟังเพิ่มเติม “ตามคำสั่งของราชสำนัก หลังจากที่เกลือสกัดผ่านการต้มแล้ว เราจะต้องขายพวกมันทั้งหมดให้กับตัวแทนของราชสำนักที่คอยรับซื้อ การขนส่ง การซื้อ-ขายเกลือ ทั้งหมดต้องทำผ่านราชสำนัก ห้ามมิให้ผู้อื่นเคลื่อนย้ายเกลือ”

“อย่างไรก็ตาม เกลือที่ผิดกฎหมายมีราคาไม่แพง ดังนั้นคนทั่วไปจึงเลือกซื้อเกลือที่ผิดกฎหมายแทน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ชั้นดีของการค้าที่ผิดกฎหมาย การลักลอบนำเข้าเกลือจึงให้ผลกำไรมหาศาล ดังนั้นจึงมีอาชญากรที่เต็มใจเข้าร่วมอยู่เสมอไม่ว่าจะถูกจับได้กี่คนก็ตาม”

ในอดีต นางไม่เคยพูดเรื่องนี้กับคนอื่นเลย และเอาแต่แบกรับความรับผิดชอบเพียงลำพัง ทว่าตอนนี้นางกำลังบอกซูอันทุกอย่าง บางทีอาจเป็นเพราะสิ่งที่พวกเขาได้ฝ่าฟันร่วมกันมาในมิติลับหยกจรัส นางจึงไว้วางใจว่าอีกฝ่ายจะสามารถช่วยนางแบ่งเบาภาระนี้ได้

ซูอันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ถ้าหากเกลือที่ผิดกฎหมายมีราคาถูกกว่าของเจ้ามาก ถ้างั้นทำไมเจ้าไม่ลดราคาสู้สักหน่อยล่ะ? ด้วยวิธีนี้มันน่าจะลดปริมาณที่คนหันไปซื้อเกลือเถื่อนได้ และถึงแม้ว่ากำไรของเจ้าจะลดลง แต่ถ้าหากขายเกลือได้ในปริมาณมากขึ้นมันก็เท่ากับกำไรของเจ้าจะไม่ลดหย่อนลงไปมากนัก หรือบางทีเจ้าอาจจะกำไรกว่าเดิมด้วยซ้ำ”

“ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีน่ะสิ” ฉู่ชูเหยียนพูดพร้อมกับถอนหายใจ “เจ้าคิดว่าเราต้องการให้ราคาเกลือสูงอย่างนั้นเหรอ? ที่เราจำเป็นต้องขายเกลือในราคาสูง เป็นเพราะค่าใช้จ่ายในการขายเกลืออย่างถูกกฎหมายนั้นสูงกว่าการขายเกลือผิดกฎหมายอย่างมาก และนั่นก็คือช่องว่างให้ราชสำนักใช้อำนาจในทางที่ผิด เช่น เราจำเป็นต้องจ่ายเงิน 1.5 ตำลึงเงินให้กับทางการต่อใบอนุญาตค้าเกลือ 1 ใบ และใบอนุญาตแต่ละใบอนุญาตให้เราขายเกลือได้เพียง 2 จิน*[1] เพียงแค่การขอใบอนุญาตเหล่านี้ก็มีค่าใช้จ่ายแล้ว

“ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากใบอนุญาตอาจจะขาดแคลน เราจึงต้องซื้อล่วงหน้า จำนวนมากโดยการต้องเพิ่มเงินอีกเป็น 2.1 เหรียญเงินจากราคาพื้นฐาน 1.5 เหรียญเงิน ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ราชสำนักได้เพิ่มให้กับเรา”

“และยังเรื่องน่าปวดหัวอื่น ๆ เช่น เงินบริจาคที่ราชสำนักร้องขอ ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายของเราสูงขึ้นด้วย”

“ตอนนี้เจ้าคงพอจะสามารถจินตนาการได้คร่าว ๆ แล้วว่าการขายเกลืออย่างถูกกฎหมายมีค่าใช้จ่ายสูงเพียงใด”

ฉู่ชูเหยียนดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเรื่องทั้งหมดนี้มาก “ถึงแม้ว่าเราจะจ่ายแค่ไม่เท่าไหร่ในการปรุงและแปรรูปเกลือ แต่หลังจากที่ถูกชั่งน้ำหนักด้วยค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมทั้งหมดเหล่านี้ และเมื่อพิจารณาถึงความผันผวนของราคาตามฤดูกาลแล้ว เราจะสามารถทำกำไรได้ก็ต่อเมื่อเราขายเกลือของตัวเองในราคาที่สูงขึ้นไปอีก…ในทางกลับกัน เกลือที่ผิดกฎหมายก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายที่บ้า ๆ บอ ๆ พวกนี้เลย นั่นคือเหตุผลที่ขายได้ในราคาถูก แล้วใครจะมาซื้อเกลือที่ถูกกฎหมายของเราบ้าง?”

ซูอันมองไปที่นางด้วยท่าทางมึนงง เขาไม่เคยคิดว่าเทพธิดาฉู่ชูเหยียนที่สง่างามและสูงส่งจะพูดถึงเรื่องของธุรกิจอย่างลงลึกในรายละเอียดยิบย่อยเช่นนี้

“ม…มองข้าแบบนี้ทำไม?” ฉู่ชูเหยียนสังเกตเห็นท่าทางที่เปลี่ยนแปลงของเขาเช่นกัน แก้มของนางเริ่มร้อนขึ้น

ซูอันค่อย ๆ บีบมือนางอย่างอ่อนโยน “เจ้าต้องจัดการกิจการของตระกูลใหญ่เช่นนี้เพียงลำพังมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าคงเหน็ดเหนื่อยมามาก” เขากล่าวอย่างเห็นอกเห็นใจ

บางทีอาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บร้ายแรงที่นางเพิ่งได้รับเมื่อไม่นานมานี้ ร่างกายและจิตใจของนางจึงดูอ่อนลงเล็กน้อย

ฉู่ชูเหยียนเจ็บปวดใจทันทีเมื่อนางได้ยินคำพูดของซูอัน เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่นางไม่เคยพูดถึงปัญหาเหล่านี้กับคนอื่นมาก่อน

แม้ว่านางจะสนุกกับการบ่มเพาะ แต่ความสนใจส่วนใหญ่ของนางกลับต้องมุ่งไปที่การจัดการธุรกิจของตระกูลฉู่

หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ การบ่มเพาะของนางอาจเลื่อนไปถึงระดับอื่นแล้ว หากวัดจากพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของนาง

ไม่เพียงแค่นั้น นางยังชอบอ่านนิยายรักหวานแหววมาโดยตลอดตั้งแต่ยังเด็ก นางชื่นชอบทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความโรแมนติกและความรักเช่นเดียวกับผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่เพื่อให้เป็นที่นับถือในฐานะคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉู่ นางจึงมักจะแสดงออกแต่ด้านที่เย็นชาและเย่อหยิ่ง ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป แม้แต่นางก็เริ่มลืมไปว่าตัวตนที่แท้จริงของนางคืออะไร…

“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ข้าชินกับมันมานานแล้ว” ฉู่ชูเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อสงบอารมณ์ของนาง ตาของนางพร่ามัว แล้วก็เบือนหน้าหนีไม่ให้ซูอันสังเกตเห็น

น้ำเสียงของซูอันหนักแน่นไปด้วยอารมณ์ “จากนี้ไปทุกอย่างจะแตกต่าง! เจ้ามีข้าแล้ว ข้าจะช่วยเจ้าจัดการกับภาระพวกนี้เอง!”

เมื่อสังเกตเห็นสายตาที่แน่วแน่ของเขา ฉู่ชูเหยียนก็รู้สึกว่าหัวใจของนางสั่น นางผลักเขาออกไปตามสัญชาตญาณ “ขอโทษที วันนี้ข้าพูดมากไปหน่อย”

นางไม่รอคำตอบจากเขา และเดินหนีไปโดยไม่หันหลังกลับแม้แต่นิดเดียว

ซูอันตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น? ข้าแทบจะสาบานว่าจะช่วยเจ้า อย่างน้อยเจ้าช่วยตอบอะไรข้าหน่อยได้ไหม!

ขณะที่ตัวเองมองดูร่างที่ค่อย ๆ จากไปของฉู่ชูเหยียน ซูอันเริ่มลูบคาง เลียนแบบผู้บริหารจากโลกก่อนของเขา สาวน้อย เจ้าประสบความสำเร็จในการเรียกร้องความสนใจจากข้า!

เมื่อซูอันหยุดคิดทุกเรื่อง ในที่สุดท้องของเขาก็ร้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นก็เพิ่งรู้ตัวว่าวันนี้ยังไม่มีใครเรียกตนกินข้าวเย็นเลย

หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น ฉินหว่านหรูก็คงไม่ต้องการเห็นหน้าเขา ไม่มีทางที่นางจะเรียกซูอันไปกินข้าวด้วยกัน

ส่วนคนอื่น ๆ ก็ดูเหมือนว่าไม่มีใครอยากจะเข้ามายุ่งกับเขาหลังจากเห็นความโกรธเกรี้ยวของนายหญิงใหญ่ของตระกูล

ซูอันรู้สึกเหมือนตัวเองถูกลืมไปโดยสิ้นเชิง

เนื่องจากเขาไม่สามารถหาอะไรกินที่นี่ได้ ซูอันจึงคิดว่าตัวเองจะออกไปข้างนอกแทน

ชิวฮัวเล่ยเชิญเขาไปพบนางไม่ใช่เหรอ? ถ้างั้นเขาออกไปกินข้าวเย็นร่วมกับนางแทนก็แล้วกัน นอกจากนี้ ชายหนุ่มยังต้องเอาเปลือกหอยของซางหลิวอวี้กลับคืนมาด้วย

เขาเอาบัตรเชิญมาจากเฉิงโซวผิง เมื่อเฉิงโซวผิงได้ยินว่าเขากำลังจะไปที่หอสุขนิรันดร์ เด็กน้อยทรงผมซาลาเปาก็ตกตะลึง “นายน้อย นายหญิงกำลังโกรธท่านอยู่นะ! ท่านออกไปข้างนอกตอนนี้มันจะดีเหรอ?”

“ถ้าเจ้าไม่พูดและข้าก็ไม่พูด นางจะรู้ได้ยังไง?” ซูอันพ่นลมหายใจ “นอกจากนี้ นางน่าจะหายโกรธแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลแทนข้า”

แม้ว่าซูอันจะพูดอย่างนี้ เฉิงโซวผิงก็ยังไม่มั่นใจเต็มที่

ซูอันตบไหล่เฉิงโซวผิง “เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้าต้องการติดตามข้าไปที่หอสุขนิรันดร์ในครั้งต่อไปเหรอ? ดูซิว่านายน้อยคนนี้ปฏิบัติต่อเจ้าดีแค่ไหน! แค่ตามข้ามาแล้วโลกทัศน์ของเจ้าจะเปิดกว้างขึ้น”

คำเชื้อเชิญของซูอันทำให้ใบหน้าของเฉิงโซวผิงสว่างไสวดุจแสงตะวัน “นายน้อย ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสักหน่อย!”

แค่ความคิดที่จะเผชิญหน้ากับความโกรธของนายหญิงก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจนขนหัวลุก และยิ่งไปกว่านั้น ตัวเองอาจจะถูกเฆี่ยนตีอย่างสาหัสด้วยแส้คร่ำครวญ หากคุณหนูรองรู้เรื่องนี้เข้า เขาจึงไม่กล้าเสี่ยง!

นายน้อยอาจจะพ้นผิดไปพร้อมกับการตำหนิเล็กน้อยเนื่องจากสถานะของเขา แต่เฉิงโซวผิงเป็นแค่คนรับใช้ที่ต่ำต้อย! ข้าอาจถูกกำจัดจนสิ้นซากก็เป็นได้!

เมื่อเห็นว่าเฉิงโซวผิงไม่กล้าไปด้วยไม่ว่าจะโน้มน้าวยังไง ซูอันก็ไม่พยายามหว่านล้อมอีก เขาจึงตัดสินใจออกไปคนเดียว

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะจากไป เจียวซานเหอและทหารคุ้มกันอีกสองคนที่ได้รับมอบหมายให้ปกป้องเขาก็รีบวิ่งมา และเมื่อพวกเขารู้ว่าซูอัน กำลังมุ่งหน้าไปยังหอสุขนิรันดร์ พวกเขาทั้งสามต่างไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้

“นายน้อย นี่มันอันตรายเกินไป!”

“ถูกต้อง! เฉินเซวียนยังคงซุ่มซ่อนอยู่ในเงามืดและรอที่จะฆ่าท่าน! เหตุผลเดียวที่มันยังไม่โจมตีอีกครั้งเป็นเพราะมันไม่สามารถทำอะไรกับท่านได้ในระหว่างที่ท่านอยู่ในสถาบันจันทร์กระจ่าง หรือในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ของเรา แต่ถ้าหากท่านออกไปตอนนี้ และถึงแม้ว่าจะมีพวกเราคุ้มกันอยู่ พวกเราก็สามารถรับมือได้แต่กับพวกผู้บ่มเพาะธรรมดา ๆ แต่เฉินเซวียนเป็นผู้บ่มเพาะระดับหก! ทั้งยังเป็นคนเจ้าเล่ห์อีกด้วย ข้าเกรงว่าด้วยแค่ความแข็งแกร่งของพวกเราทั้งสาม พวกเราคงไม่สามารถปกป้องนายน้อยได้หากท่านออกไปตอนนี้!”

ซูอันเพิกเฉยต่อคำแนะนำที่จริงจังของทหารคุ้มกันของเขา “ไม่ต้องห่วง ถ้าเกิดอะไรขึ้นข้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง!”

เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไป

เจียวซานเหอ เฟิงต้าหนิว และโจวหลูจวิ้น จ้องมองไปที่แผ่นหลังของซูอันด้วยสายตาว่างเปล่า ขณะที่เขากำลังเคลื่อนห่างไปเรื่อย ๆ

นายน้อยหลงเสน่ห์สาวงามเข้าแล้ว! เขาเต็มใจที่จะรับความเสี่ยงมหาศาลเพื่อไปหาชิวฮัวเล่ย!

ตัณหานำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าขมขื่นจริง ๆ!

ระบบคีย์บอร์ดของซูอัน กลับมากระเตื้องขึ้นอีกครั้งด้วยการแจ้งเตือนถึงคะแนนความโกรธแค้นที่เพิ่มขึ้นมา ซูอันไม่สนใจที่จะอธิบายตัวเองกับใครทั้งนั้น

เขาได้คิดเกี่ยวกับปัญหาเรื่องเฉินเซวียน และมีแผนในใจที่จะจัดการสิ่งต่าง ๆ ไว้แล้ว ท้ายที่สุด ซูอันก็ไม่เต็มใจที่จะใช้เวลาที่เหลือในชีวิตคอยวิ่งหนีอย่างหวาดกลัว สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือการหลอกล่อมันให้เข้ามาติดกับ

เขามุ่งหน้าไปยังหอสุขนิรันดร์ เพราะต้องการให้โอกาสเฉินเซวียนลอบสังหารเขา!

[1] 1000 กรัม