บทที่ 294 แล้วชิวเซียงล่ะ

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 294 แล้วชิวเซียงล่ะ

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้น ทุกคนจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนมาปล้นอีก

โจวกุ้ยหลานเล่าเรื่องการตามหาโจวต้าไห่ให้เหล่าไท่ไท่กับภรรยาของต้าไห่ฟัง จากนั้นทั้งคู่จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

บรรยากาศในหมู่บ้านค่อยๆ เปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ทุกคนกลับไปที่บ้านเพราะอยากไปกินข้าว แต่หลังจากกลับไป พวกเขากลับทำได้เพียงทรุดตัวลงกับพื้นเพื่อเก็บข้าวเปลือกที่เก็บไว้ไม่ทันกลับไปหว่าน จากนั้นจึงนำข้าวที่เน่าเปื่อยไปหุงรวมกับผักป่าจากบนภูเขา

แม้ว่ารสชาติจะแย่ แต่ตอนนี้ทุกคนก็แค่อยากกินให้อิ่มและไม่กล้านึกถึงเรื่องอื่น ก่อนหน้านี้บางคนยังนึกถึงเป็ดไก่ของโจวกุ้ยหลาน แต่หลังจากที่เห็นกับตาว่ามีคนมาเอาเป็ดไก่ของโจวกุ้ยหลานไปจนหมด พวกเขาก็เริ่มสิ้นหวัง

วันที่สองหลังจากไป๋ยี่เซวียนกลับไป โจวซ่านเย่ก็กลับมาอีกครั้งและร้องไห้คร่ำครวญกับเหล่าไท่ไท่ บอกว่าอาหารในบ้านถูกพัดไปจนหมด พวกนางแทบจะอดตาย ดังนั้นจึงกลับมายืมอาหาร

เหล่าไท่ไท่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถามโจวกุ้ยหลาน

ถึงอย่างไรนางก็เป็นพี่สาวคนรองของนาง แม้ว่าสามปีมานี้พวกเขาจะสนิทสนมกับโจวชิวเซียงมากขึ้น พวกนางก็ยังไปมาหาสู่กับนาง นอกจากนี้เพื่อเห็นแก่หน้าของเหล่าไท่ไท่ โจวกุ้ยหลานยังให้นางยืมข้าวโพดไปอีกหนึ่งกระสอบ อย่างน้อยๆ ก็มีถึงหนึ่งร้อยจิน

ก่อนจะไป เหล่าไท่ไท่ขอให้โจวซ่านเย่ประหยัดอาหารลง เพราะอาหารในครอบครัวของพวกนางก็ใกล้จะหมดแล้ว และโจวซ่านเย่ก็พยักหน้าหงึกหงักตอบรับ

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาแบบครั้งก่อน โจวกุ้ยหลานจึงเรียกหาเอ้อร์เฉียง บอกให้เขาช่วยส่งโจวซ่านเย่กลับไป คอยกันคนไว้ได้บ้างระหว่างทาง

วันเวลาเช่นนี้ผ่านพ้นไปอีกห้าวัน บริเวณใกล้ๆ เริ่มมีผู้ลี้ภัยปรากฏตัว หวังโหยวเกินกับชาวบ้านต้องคอยเฝ้าที่ทางเข้าหมู่บ้านไม่ให้พวกนั้นเข้ามา เมื่อไม่มีทางอื่น พวกผู้ลี้ภัยจึงทำได้เพียงเดินเตร็ดเตร่อยู่ในละแวกนั้น

ตอนนี้เองที่โจวกุ้ยหลานเพิ่งรู้ว่าพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติลามไปไกลเกินกว่าที่อำเภอของพวกนาง

เพื่อรักษาข้าวที่ยังเหลือเกลื่อนกลาดอยู่ในท้องนากับผักผลไม้ป่าและสัตว์ที่เป็นเหยื่อบนภูเขา ชายหนุ่มในหมู่บ้านต้าสือจึงเดินเตร่อยู่ในหมู่บ้านทั้งวันด้วยเกรงว่าผู้ลี้ภัยจะแอบเข้ามา

ผู้หญิงและเด็กๆ ขึ้นไปเก็บผักป่าบนภูเขาและหาข้าวปลาในทุ่งนาทุกวัน มีหลายคนทนไม่ไหวและเริ่มเข้าไปในภูเขาลึกอย่างช้าๆ บางคนก็เจอไก่ป่ากวางป่าและมีอาหารดีๆ กินไปได้อีกหนึ่งมื้อ

โจวกุ้ยหลานจะไม่ให้คนในครอบครัวออกไปไหนในสถานการณ์แบบนี้ ทุกวันนางจะลงกลอนประตูอย่างแน่นหนา หลิวเกายังคงสอนบทเรียนให้เด็กๆ ส่วนผู้หญิงคนอื่นก็จัดการพืชผักในสวนรวมถึงหญ้าเนเปียร์แคระที่อยู่ด้านหลัง รอไว้เพาะเลี้ยงในปีถัดไป

มีบางคนในหมู่บ้านที่ทนหิวไม่ไหวและหอบเงินไปซื้ออาหารจากในตำบล แต่พอกลับมากลับยิ่งสิ้นหวัง ข้าวในตำบลมีขายอย่างจำกัด ราคาเปลี่ยนไปทุกวัน ตอนนี้ราคาสูงถึงห้าตำลึงเงินต่อหนึ่งจินแล้ว นอกจากคนรวย ใครจะไปมีเงินมากมายไปซื้อข้าวกิน

โจวกุ้ยหลานเองก็ตะลึงเหมือนกันเมื่อรับรู้ราคา

ผู้ลี้ภัยที่อยู่ข้างนอกทนไม่ไหวและออกไปล่าสัตว์ในภูเขาลึก ทว่าคนที่กลับมาได้ก็มีน้อยนัก ยังมีบางคนที่แบกสัตว์ที่ล่าได้กลับมา พอคนในหมู่บ้านต้าสือเห็นก็รวมกลุ่มกันเข้าไปในภูเขาบ้าง

ตอนที่โจวกุ้ยหลานเจอหลี่ซิ่วยิงอีกครั้ง นางวิ่งมาถึงในเรือนของโจวกุ้ยหลานขณะที่ร้องไห้จนตาแดงก่ำ

“ทำอย่างไรดี ต่อไปชิวเซียงจะทำอย่างไรดี เหตุใดเถ้าแก่เฉียนบอกว่าจะไปก็ไปเลยล่ะ” หลี่ซิ่วยิงพูดพลางเช็ดน้ำตา

เหล่าไท่ไท่ปลอบนางว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ เรื่องอะไรก็ไม่ต้องไปคิดมาก ชิวเซียงไม่มีผู้ชายแล้ว ที่ครอบครัวนางมีงานมากมายที่สามารถ…”

“มีเงินที่ไหนกัน โจรพวกนั้นเข้าไปที่บ้านของพวกนางและปล้นเงินปล้นอาหารไปจนหมด ลูกบุญธรรมกับลูกสาวของนางก็หนีไปแล้ว นางเองก็ไม่มีทางเลือกจนต้องกลับมาที่นี่ ต่อไป… ต่อไปนี้จะใช้ชีวิตอย่างไรกัน!”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หลี่ซิ่วยิงก็ยิ่งสิ้นหวัง

โจวกุ้ยหลานปิดปากเงียบ

แน่นอนว่าคนย่อมทำทุกอย่างได้เมื่อหิวจัด อย่างเช่นการปล้นกันซึ่งๆ หน้าหรือการลอบวางเพลิงสังหารผู้คน

เหล่าไท่ไท่ช่วยปลอบใจหลี่ซิ่วยิงอีกครั้ง ในขณะที่โจวกุ้ยหลานเพียงแค่นิ่งเงียบอย่างครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี

ตอนนี้นางยังมีอาหารอยู่อีกมาก แต่ถ้านำออกมาให้จริงๆ ก็จะถูกคนอื่นแย่งไป ถึงตอนนั้นครอบครัวของพวกนางคงจะมีชีวิตรอดต่อไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาหารของนางยังมีไม่มากพอที่จะให้คนในหมู่บ้านกินนานนัก ตอนนี้สิ่งที่จำเป็นก็คือการช่วยเหลือจากราชสำนัก…

เมื่อเห็นว่าโจวกุ้ยหลานไม่พูดอะไรเลย หลี่ซิ่วยิงจึงเช็ดน้ำตาและจับมือของโจวกุ้ยหลานเอาไว้ “กุ้ยหลาน ได้โปรดให้ข้ายืมอาหารจากครอบครัวของเจ้าหน่อยเถิดนะ ชิวเซียงกลับมาแล้ว ทั้งยังพาลูกสาวของนางกลับมาด้วย ตอนนี้อาหารในครอบครัวของข้ามีไม่พอกินแล้ว”

“อาหารกระสอบนั้นเจ้ากินหมดแล้วหรือ” โจวกุ้ยหลานอดถามไม่ได้

หลี่ซิ่วยิงส่ายหน้า “ลุงใหญ่ของเจ้าเอาอาหารครึ่งหนึ่งไปให้อาสะใภ้สามของเจ้า พวกข้าเองก็ต้องรัดเข็มขัดเหมือนกัน ใครจะไปคิดว่าชิวเซียงจะกลับมาแบบนี้ พวกข้าทำอาหารแค่สองมือ ข้าวปลาที่มีอยู่ก็ไม่มีเหลือแล้ว”

จางเสี่ยวจุ๋ยอีกแล้วหรือ

โจวกุ้ยหลานรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

หลังจากส่งอาหารให้โจวต้าซานแล้ว เหล่าไท่ไท่ก็แอบส่งอาหารให้จางเสี่ยวจุ๋ยด้วย หลังจากนั้นจางเสี่ยวจุ๋ยก็มาหานางเพื่อขออาหาร คนคนเดียวจะกินอาหารมากขนาดนั้นได้อย่างไร นอกจากนี้ในเวลาแบบนี้ยังควรประหยัดด้วยมิใช่หรือ

เมื่อเห็นว่าโจวกุ้ยหลานไม่พูดอะไร หลี่ซิ่วยิงก็ยิ่งกระวนกระวายใจ “นั่นน่ะ ครอบครัวของข้าขอยืมอาหารจากข้า ข้าจะปล่อยให้พวกเขากลับไปมือเปล่าไม่ได้ เพราะแบบนั้นก็เลยให้ข้าวพวกเขาไปสิบจิน กุ้ยหลาน เจ้าจะเอาแต่มองพวกข้าอดตายไม่ได้นะ!”

ครอบครัวฝ่ายหญิง?

โจวกุ้ยหลานหันไปมองเหล่าไท่ไท่ นางเองก็น่าจะมีครอบครัวเหมือนกัน เหตุใดนางจึงไม่เคยเห็นเลยล่ะ

“พี่สะใภ้ใหญ่ ตราบใดที่พวกข้ายังมีของกิน พวกข้าไม่มีทางปล่อยให้พวกท่านอดตาย!” เหล่าไท่ไท่ให้สัญญา วินาทีถัดมาจึงพูดต่อว่า “เพียงแต่อาหารที่บ้านของกุ้ยหลานเองก็เอาออกมากินเยอะแล้ว ที่บ้านของเราก็มีอีกหลายปากท้อง ตอนนี้ทำได้เพียงต้องประหยัดลง ไม่อย่างนั้นเราคงจะอดตายกันจริงๆ”

“ไม่ใช่ว่านางเพิ่งให้อาหารกระสอบใหญ่กับพี่สาวรองหรอกหรือ” เห็นได้ชัดว่าหลี่ซิ่วยิงไม่เชื่อเหล่าไท่ไท่

ในเมื่อใจกว้างเช่นนี้ นางต้องยังเหลืออาหารอีกมากมายแน่ๆ

โจวกุ้ยหลานหลุบตาลงระงับความไม่สบายใจของตนเอง

เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเหล่าไท่ไท่ดูไม่ค่อยดีนัก นางทำได้เพียงรีบระงับอารมณ์ไว้ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเองก็อาศัยอยู่ในบ้านของกุ้ยหลาน ในบ้านมีอาหารเหลือมากแค่ไหนเจ้าจะไม่รู้เลยหรือ”

“ถ้าอย่างนั้นที่นางขายเป็ดไก่ไปมากมายเล่า นางน่าจะมีเงินมิใช่หรือ เอาเงินไปซื้อข้าวจะดีหรือไม่” หลี่ซิ่วยิงเอ่ยต่อไปอย่างร้อนใจ

หลังจากพูดจบนางถึงเพิ่งตระหนักได้ว่านางพูดมากเกินไปแล้ว นางรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงลูกสาวตัวน้อยที่น่าสงสารของนาง นางจึงทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็น

“ท่านป้า ข้าจะให้อาหารกับท่าน แต่ข้าเกรงว่าในเดือนหน้าจะไม่มีอาหารเหลืออีกแล้ว ถ้าพวกท่านไม่พอ ท่านก็ขายที่นาได้ จากนั้นค่อยไปซื้ออาหารในตำบล แบบนี้พวกท่านจะได้มีอาหารพอกิน”

โจวกุ้ยหลานเอ่ยอย่างเย็นชา เมื่อเอ่ยจบจึงหันหลังกลับไปที่ห้องครัวแล้วออกแรงนำกระสอบข้าวที่เตรียมไว้เมื่อเช้าออกมา เหล่าไท่ไท่เห็นนางออกแรงมากอย่างนั้นจึงรีบเข้าไปช่วยยกมาให้หลี่ซิ่วยิง

หลี่ซิ่วยิงนึกยินดีทันทีเมื่อเห็นถุงข้าวกระสอบใหญ่ขนาดนั้น ทันใดนั้นนางก็คิดถึงเรื่องอื่นขึ้นมาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนจะหยั่งเชิงว่า “กุ้ยหลาน ครอบครัวของพ่อแม่ข้า… ข้าไม่อาจทนเห็นพวกเขาอดตาย…”