เรื่องหลอก
ฟางเฉิงอวี่รู้ว่าเรื่องราวมากมายล้วนหลอกลวง
นางทารุณตนเองเป็นเรื่องหลอก
นางอาละวาดเพราะสาวใช้เป็นเรื่องหลอก
นางวางอำนาจบาตรใหญ่ในบ้านเป็นเรื่องหลอก
นางอวดดีไร้มารยาทหยาบคายน่าชังก็เป็นเรื่องหลอก
แต่แต่งงานนี่ ก็เป็นเรื่องหลอกได้ด้วยหรือ?
ในห้องเงียบงันไปพักหนึ่ง
“เฉิงอวี่ เจ้านั่งลงก่อน” นายหญิงใหญ่ฟางเอ่ยขึ้นอย่างวิตกพลางมองนายหญิงผู้เฒ่าฟาง “ท่านแม่ เรื่องนี้เล่าแล้วยาวนัก ไม่สู้รอเจินเจินกลับมาทุกคนอยู่พร้อมกันค่อยพูดดีกว่าหรือ”
เรื่องนี้ให้จวินเจินเจินบอกกับบุตรชายเองถึงจะดีไหมเล่า
“เรื่องนี้เจินเจินทำเพื่อพวกเรา ย่อมต้องเป็นพวกเราพูดให้กระจ่าง” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยขึ้น “งานให้นางทำเอง ยังให้นางพูดเองอีก อย่างไรก็รู้สึกน่าสงสารเกินไปแล้ว”
แต่บุตรชายของนางน่าสงสารยิ่งกว่านี่
นายหญิงใหญ่ฟางมองฟางเฉิงอวี่ บุตรชายคนนี้ของนางเห็นชัดๆ ว่านับจวินเจินเจินเป็นภรรยาแล้ว นอกจากนี้ยังรักลึกซึ้งอีกด้วย
บอกว่านี่เป็นเรื่องหลอกกะทันหันตอนนี้ เขาจะรับได้อย่างไรกันเล่า
บุตรชายของนางเคยเสียทุกสิ่งไป วันนี้เพิ่งครอบครองทุกสิ่งใหม่อีกครั้ง กลับจะต้องถูกควักมุมหนึ่งไป แล้วยังเป็นมุมหนึ่งบนหัวใจอีก
มนุษย์มีชีวิตอยู่บนโลก ไม่อาจสมปรารถนาทุกเรื่องได้งั้นหรือ?
เวลาแห่งความดีใจเช่นนี้ ไม่อาจยาวนานขึ้นอีกนิดหรือ?
“หลอกได้อย่างไรเล่า?” ฟางเฉิงอวี่พลันยิ้ม เอ่ยถาม “เรื่องนี้หลอกได้อย่างไรเล่า”
“เฉิงอวี่ นี่เพียงเพื่อปิดหูปิดตาคนรักษาอาการป่วยให้เจ้า” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยขึ้น “เจ้าก็รู้นางรักษาอาการป่วยให้เจ้าอย่างไร เรื่องเหล่านั้นมีแต่ให้สามีภรรยาที่แต่งงานกันมาทำเหมาะสมที่สุด”
ฟางเฉิงอวี่มองนางไม่พูดจา
นายหญิงใหญ่ฟางอดไม่ไหวร้องวิงวอนท่านแม่คำหนึ่งอีกครั้ง
ผู้หญิงตระกูลฟางไร้หัวใจ ผู้ชายตระกูลฟางย่อมไม่อาจมากรัก
คือสิ่งใดก็คือสิ่งนั้น อย่าได้เหลือภาพลวงตาไว้ให้แก่ตนเอง
นายหญิงผู้เฒ่าฟางสีหน้าเคร่งขรึม
“เจ้าอยู่ด้วยกันกับนางนานขนาดนั้น นอกจากรักษาอาการป่วยให้เจ้า นางเคยทำเรื่องที่สามีภรรยาควรทำกับเจ้ารึ?” นางเอ่ยขึ้น
ฟางเฉิงอวี่สีหน้าอึ้งไป นายหญิงใหญ่ฟางสีหน้าย่ำแย่
นี่ คำพูดนี่พูดได้…
“ท่านแม่ เฉิงอวี่เขาป่วยอยู่นะเจ้าคะ” นางอดไม่ได้หลุดปากออกมา
จะทำเรื่องอย่างนั้นได้อย่างไร
“ถ้าอย่างนั้นมีความรักระหว่างสามีภรรยาไหมเล่า?” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยถามอีกครั้ง จ้องฟางเฉิงอวี่ “เจ้าเป็นเด็กฉลาดคนหนึ่ง มีหรือไม่มี ในใจเจ้าย่อมกระจ่าง”
ฟางเฉิงอวี่เงียบงันไม่พูดจา
นางดีกับเขามาก ดีมาก ดีมากเลย
“มีเรื่องหนึ่งเจ้าไม่เคยเอ่ยถาม พวกเราก็ไม่เคยบอกกล่าว” นายหญิงผู้เฒ่าฟางไม่หยุดเอ่ยต่อ “ตอนแรกทำไมนางบอกว่าจะรักษาอาการป่วยให้เจ้า เจ้ารู้ไหม?”
“ท่านแม่” นายหญิงใหญ่ฟางสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ก้าวเข้าไปข้างหน้าจับแขนเสื้อของนายหญิงผู้เฒ่าฟาง ส่ายศีรษะวอนขอ
นายหญิงผู้เฒ่าฟางสะบัดมือของนางออก มองเพียงฟางเฉิงอวี่
“เพราะนี่เป็นการแลกเปลี่ยนครั้งหนึ่ง” นางว่า “รักษาอาการป่วยของเจ้าหายดี นางต้องการค่าตอบแทน”
ค่าตอนแทนรึ
ฟางเฉิงอวี่มองนายหญิงผู้เฒ่าฟางยังคงไม่พูดจา
นี่โหดร้ายเกินไปแล้วจริงๆ
“ไม่ใช่นะ ท่านแม่ เจินเจินนางไม่ได้ต้องการค่าคอบแทน นางต้องการใช้ชีวิตสุขสบายไปด้วยกันกับพวกเรา” นายหญิงใหญ่ฟางรีบร้อนเอ่ยขึ้น พูดพลางมองฟางเฉิงอวี่
“ถ้าอย่างนั้นตอนเจ้าพูดว่าหากรักษาชีวิตของเฉิงอวี่ไว้ได้จริงๆ ยินดีประเคนทุกสิ่งที่เฉิงอวี่ควรได้รับมอบให้นางประโยคนั้น นางตอบว่าอย่างไร?” นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองนายหญิงใหญ่ฟาง
“ท่านแม่ นั่นก็เพียงแค่ล้อเล่นตามน้ำเท่านั้น” นายหญิงใหญ่ฟางเอ่ยขึ้น “เพื่อแสดงถึงความแน่วแน่ว่าทุกคนเชื่อมั่นในกันและกัน”
นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองนาง
“ล้อเล่น? เจ้าคิดเช่นนี้รึ?” นางขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น “แต่ข้ามองว่าเจินเจินนางไม่ได้นับเรื่องนี้เป็นการล้อเล่นนะ”
นายหญิงใหญ่ฟางยังต้องการพูดอะไรอีก ฟางเฉิงอวี่ก็เอ่ยปากขึ้น
“ท่านแม่ ตอนนั้นนางตอบว่าอย่างไร?” เขาเอ่ยถาม สีหน้าติดจะอยากรู้
นายหญิงใหญ่ฟางมองไปทางเขาส่ายหน้า
“นางบอกว่าตกลง ท่านป้าอย่าได้ลืมสิ่งที่พูดล่ะ” นายหญิงผู้เฒ่าฟางตอบออกมาตรงๆ
ในที่สุดก็พูดออกมาแล้ว นายหญิงใหญ่ฟางสีหน้ากังวลและเศร้าโศกมองฟางเฉิงอวี่
ความปิติและความจริงใจของเขาที่แท้มอบให้แก่การแลกเปลี่ยนครั้งหนึ่ง สำหรับเด็กหนุ่มแรกรุ่นคนนี้คงเป็นการทำร้ายจิตใจใหญ่หลวงสินะ
สีหน้าของฟางเฉิงอวี่เข้าใจขึ้นมาบ้าง
“แบบนี้เอง” เขาเอ่ยขึ้นแล้วก็ยิ้ม “แบบนี้หรือ?”
“เฉิงอวี่ เจ้าไม่ต้องคิดมาก เวลานั้นความสัมพันธ์ของเจินเจินกับตระกูลเราไม่ดีนัก ยามความสัมพันธ์ไม่ดีคำพูดล้วนเย็นชาง่าย” นายหญิงใหญ่ฟางรีบยื่นมือไปพยุงเขารีบร้อนเอ่ยขึ้น
ฟางเฉิงอวี่ยิ้มให้นาง สีหน้าเศร้าสร้อยพรูลมหายใจ
“ที่แท้นางก็เคยวางแผนไว้เช่นนั้นจริงๆ” เขาเอ่ยขึ้น
เคยวางแผนอะไร?
นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางมึนงง
“แต่เฉิงอวี่เจ้าอย่าคิดมากเกินไป ที่จริงเรื่องไม่ใช่เช่นนี้…” นายหญิงใหญ่ฟางกำแขนของเขาไว้เอ่ยขึ้น
ฟางเฉิงอวี่พลิกมือกำแขนของนาง เอ่ยขัดคำพูดของนาง
“ท่านแม่ ใช่แล้ว เรื่องไม่ใช่เช่นนี้แล้ว” เขายิ้มเอ่ยขึ้น “นางไม่ได้คิดเช่นนี้แล้ว”
หมายความว่าอย่างไร?
นายหญิงใหญ่ฟางตะลึงไปอีกครั้ง
ส่วนนายหญิงผู้เฒ่าฟางขมวดคิ้ว
“เฉิงอวี่ ลูกผู้ชายโตแล้ว อย่าได้หมกมุ่นกับความรักชายหญิงเหล่านี้” นางว่า “ทำสิ่งใดต้องทำได้ปล่อยวางเป็น เมื่อควรตัดก็ตัด เมื่อควรทิ้งก็…”
คำพูดของนางยังไม่ทันพูดจบก็ถูกฟางเฉิงอวี่ขัด
“ท่านย่า ใช่แล้ว เรื่องนี้ต้องให้คำอธิบายสักอย่าง” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยขึ้น “เรื่องนี้หลอกได้อย่างไร?”
พูดตั้งนานยังพูดไม่เข้าใจหรือ?
นายหญิงผู้เฒ่าฟางขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“เรื่องหลอกก็คือเรื่องหลอก” นางร้อนรนโมโหขึ้นมา “มีทำไมมากมายขนาดนั้นที่ไหน”
“เรื่องหลอกก็กลายเป็นจริงได้เหมือนกัน” นายหญิงใหญ่ฟางอดไม่ได้รีบร้อนเอ่ยขึ้น “เฉิงอวี่ พวกเราพูดกับเจินเจินดีๆ หากนางรู้ใจจริงของเจ้า ละครหลอกลวงนี้ก็กลายเป็นจริงได้เหมือนกัน…”
ฟางเฉิงอวี่ยิ้มแล้ว
“ท่านแม่ ท่านย่า ข้าหมายถึงว่า เรื่องนี้จะหลอกได้อย่างไร” เขาเอ่ยขึ้น “นี่คือการแต่งงาน ไม่ใช่แสร้งป่วย แต่งงานต้องคารวะฟ้าดิน บูชาเทพ คนทั้งเมืองชมพิธีการ”
นี่หลอกได้อย่างไร?
“เรื่องนี้ไม่ใช่พวกเรารู้ว่าหลอกก็คือเรื่องหลอก” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยว่า “เรื่องนี้ต่อให้พวกเรารู้ก็ไม่ยุติธรรมกับพี่สาว”
นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางมองเขา
ก็ใช่ เด็กสาวคนหนึ่งคารวะฟ้าดินเข้าห้องหอกับผู้อื่น คนทั้งเมืองล้วนรู้ว่าแต่งงาน ใครสนว่านางทำเพื่อรักษาอาการป่วย ร่วมห้องเป็นสามีภรรยากันจริงหรือไม่ ในสายตาคนทั้งโลกนางก็แต่งงานกับผู้อื่นแล้ว เป็นภรรยาของผู้อื่น
“เฉิงอวี่ ถ้าเช่นนั้นความหมายของเจ้าคือ?” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยถาม
“ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เพียงต้องให้ข้ารู้ชัดเจน” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยขึ้น สีหน้ายิ้มแย้ม มีชีวิตชีวา “ยังต้องให้คนทั้งเมืองล้วนรู้ ยังต้องให้ฟ้าดินรู้ด้วย ต้องให้เทพเทวารู้ให้หมด”
เพื่อเขา นางหลอกฟ้าดิน หลอกเทพ หลอกชาวบ้านเต็มเมือง ถ้าเช่นนั้นเขาก็ต้องบอกฟ้าดิน บอกเทพ บอกชาวบ้านทั้งเมืองว่านางเป็นคนดีคนหนึ่งอย่างไร แล้วทำคุณงามความดีอย่างไร
นี่ถึงยุติธรรมกับนาง