บทที่ 414 เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน! ไป๋ชิวหรานคิดหาหนทางอยู่ยงคงกระพัน!

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 414 เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน! ไป๋ชิวหรานคิดหาหนทางอยู่ยงคงกระพัน!

บทที่ 414 เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน! ไป๋ชิวหรานคิดหาหนทางอยู่ยงคงกระพัน!

เทพอาวุโสเตรียมพร้อมแล้ว เขาก้าวหลบเลี่ยงการโจมตีของเทพอสูรโลหิตแห่งความตายได้ทัน เคียวยักษ์นั้นจึงเพียงสัมผัสปลายเส้นผมก่อนกระแทกลงพื้นจนเกิดรอยแตกขนาดใหญ่

“น่าผิดหวังเสียจริง”

เขาสะบัดร่างกายเล็กน้อยก่อนจะใช้ฝีเท้าลึกลับ… ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้ง เขาก็ก้าวพ้นระยะการโจมตีของเทพอสูรโลหิตแห่งความตายได้สำเร็จ!

“หึ! หงุดหงิดงั้นหรือ?”

เทพอสูรโลหิตแห่งความตายยืนพิงเคียวยักษ์อยู่บนรถม้า

“มองด้านหลังของเจ้าเสียสิที่รัก… ตอนนี้เจ้าอยู่ในอาณาเขตของข้าแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้ากลับไปโดยง่ายงั้นหรือ?”

เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานหันกลับไปมอง รอยแตกที่เกิดจากเคียวยักษ์แผ่ขยายไปยังเขตแดนของเขา ก่อนจะปรากฏกำแพงลาวาเดือดพล่านผุดขึ้นจากพื้นดิน มันเชื่อมกับท้องฟ้าแห่งอาณาเขตของเทพอสูรโลหิตแห่งความตาย ทั้งหมดนี้ปิดกั้นเส้นทางกลับสู่อาณาเขตของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานอย่างสมบูรณ์

การปรากฏเหล่านั้นสร้างความหงุดหงิดและขุ่นเคืองแก่เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน มันเป็นการเรียกกำแพงหินหลอมเหลว และปิดผนึกหนทางของเขาเท่านั้น

“ไม่กระโดดหรือ? ลองกระโดดอีกทีดีหรือไม่?”

เทพอสูรโลหิตแห่งความตายเผยรอยยิ้ม

“ตอนนี้ข้าล่ะอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเจ้าจะกลับเขตแดนของตนเองอย่างไร!”

มันเหยียดนิ้วเรียวยาว ก่อนจะกระทืบเท้าอย่างน่าสะพรึง

“หลังจากข้าฉีกร่างกาย ลำไส้ ดื่มเลือด และกินหัวใจของเจ้า ข้าจะเอากะโหลกของเจ้ามาทำเป็นแก้วสุราโลหิต!”

“ไอ้หยา! เจ้าเก่งกาจถึงเพียงนั้นเชียว” เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเผยสีหน้าแสร้งทำเป็นประหลาดใจ “ที่เจ้าพยายามปิดผนึกเส้นทางกลับเขตแดนของข้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ประมาทเสียแล้ว”

“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณสหายข้า…”

เทพอสูรโลหิตแห่งความตายแค่นเสียงลอดไรฟัน

การแข่งขันทำให้เกิดการพัฒนา เกิดเป็นทุกข์ ตายเป็นสุข*[1] ไม่ว่าเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน หรือเทพอสูรโลหิตแห่งความตาย ล้วนแต่มีทัศนคติเช่นนี้

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานยังไม่ได้มาสู่โลกใบนี้ แน่นอนว่าสำนักของเทพอสูรโลหิตแห่งความตายจึงครอบครองโลก แต่เพราะมันกลืนกินเพียงความสุขสมและความโกรธเกรี้ยว จึงไม่อาจค้นพบหนทางวิวัฒนาการได้

หลังจากเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานมาที่นี่… เทพอสูรโลหิตแห่งความตายก็ได้รับความเสียหายจากอีกฝ่าย ในหัวเริ่มมีความคิดชิงชังผู้มาใหม่ แน่นอนว่าสิ่งนี้ก่อให้เกิดวิวัฒนาการขึ้นอย่างชัดเจน

มันเริ่มเรียนรู้ที่จะคิดหาวิธีป้องกันศัตรูเพื่อให้ตนเองรอดพ้นจากเงื้อมมือของอีกฝ่าย

“หยุดพล่าม!”

เทพอสูรโลหิตแห่งความตายยกเคียวยักษ์ขึ้น และพุ่งเข้าหาเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน

“มาเป็นอาหารว่างของข้าเสีย! สหาย!”

เขตแดนของเทพอสูรโลหิตแห่งความตายกลายเป็นเดือดพล่าน เปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากท้องฟ้าและผืนดินล้อมรอบร่างกายของมันเอาไว้ในเพลิงโลกันตร์ ใบหน้าของเทพอสูรโลหิตแห่งความตายที่เคยงดงามและน่าเกรงขามพลันเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าของปีศาจที่ถูกเพลิงไหม้

มันอ้าปากเผยฟันอันแหลมคม เปลวเพลิงล้อมรอบเคียวยักษ์ และฟาดฟันไปทางเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานอย่างโหดเหี้ยม

ยามเคียวยักษ์ฟาดฟันลงมา ทะเลเพลิงบนท้องฟ้าก็สาดทุ่มลงมาด้วยเช่นกัน เปรียบเสมือนฝนเพลิงที่ดุร้าย พื้นที่หลายร้อยลี้ถูกทำลายเป็นวงกว้าง แม้จะมีวิชาฝีเท้าลึกลับก็ไม่มีทางหลบเลี่ยงการโจมตีนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ความแข็งแกร่งของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานถูกเทพอสูรโลหิตแห่งความตายรุกราน อีกฝ่ายไม่มีทางต้านทานได้แน่!

ทว่าเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานยังคงสงบ… เขาเผยสีหน้าของผู้รับชัยชนะ ก่อนจะกล่าวกับเทพอสูรโลหิตแห่งความตายว่า

“เจ้าทราบหรือไม่… แม้เราทั้งคู่ต่างเป็นเทพอสูร แต่ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่สำหรับเจ้าและข้าคือสิ่งใด?”

เทพอสูรโลหิตแห่งความตายไม่คิดรับฟัง แต่ยังคงโจมตีใส่อีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง

เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานไม่สนใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะรับฟังหรือไม่ เขายังคงกล่าวต่อไป

“นั่นคือ… ข้าคืออสูรที่มีร่างกาย แต่เจ้าไม่ใช่ เจ้าเป็นเพียงจิตสำนึกของอสูร… ไป๋ชิวหราน!”

ทะเลเพลิงกำลังใกล้เข้ามา ทันใดนั้นเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานก็ลุกขึ้นและชี้ไปทางเทพอสูรโลหิตแห่งความตาย

หลังจากเขาตะโกนชื่อตนเองออกมา จู่ ๆ ร่างสีขาวก็ปรากฏขึ้นข้างกายราวกับภาพจำแลง… เป็นร่างของชายคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีขาว เส้นผมสีขาว มันคือร่างสวรรค์ริษยาของไป๋ชิวหราน!

หลังจากชายผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น เขาปลดปล่อยลูกเตะขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อเกิดเป็นลมกระโชกรุนแรงดับเปลวเพลิงหมดสิ้น เขาพุ่งทะยานเข้าหาเทพอสูรโลหิตแห่งความตายในชั่วพริบตา ก่อนจะเงื้อกำปั้นขึ้น

“ตายซะ!”

หมัดที่รุนแรงและรวดเร็วชนิดที่เทพอสูรโลหิตแห่งความตายไม่มีโอกาสตอบสนองได้ถูกปล่อยออกไป! ใบหน้าครึ่งหนึ่งของมันบิดเบี้ยวก่อนจะปลิวกระเด็นออกไปตามแรงหมัด

“อ๊ากกกกก”

มันตะโกนกรีดร้องออกมา ส่วนไป๋ชิวหรานก็ประเคนหมัดมากมาย เพื่อทุบตีร่างกายของเทพอสูรโลหิตแห่งความตาย ภายในลมกระโชกแรง ร่างกายของเทพอสูรโลหิตแห่งความตาย อาวุธ สัตว์ และรถม้าทั้งหมดถูกทุบทำลายสิ้น สุดท้ายก็ควบแน่นเป็นก้อนเนื้อและกองโคลนผสมผสาน ก่อนจะถูกพายุพัดปลิวออกไป

ชั่วลมหายใจต่อมา ไป๋ชิวหรานกำหมัดแน่น ก่อนจะยืนตระหง่านอยู่บนอาณาเขตของเทพอสูรโลหิตแห่งความตาย ทัศนียภาพรอบกายถูกทำลายจนหมดสิ้น และเต็มไปด้วยหลุมบ่อขนาดใหญ่ราวกับถูกอุกกาบาตพุ่งชน

เขายืนอยู่ตรงนั้นก่อนจะถอนหายใจยาว เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานยืนอยู่ด้านหลังของเขาพร้อมกับบินตามมา

“ความแตกต่างระหว่างเจ้ากับข้าคือ ข้ามีร่างกาย แต่เจ้าไม่มี”

ไป๋ชิวหรานสะบัดมือ เขาควบคุมเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานโดยใช้ความสามารถต้นกำเนิดอาจารย์อสูร และรวบรวมความคิดเกี่ยวกับอสูรเทพโลหิตและอสูรทุกตนที่กระจัดกระจายอยู่ในอาณาเขตโลหิตแห่งนี้

“แม้ร่างกายของข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าโดยที่ไม่ทำอันตรายต่อโลกใบนี้ได้ แต่ก็ยังสามารถกระทืบเจ้าจนตายทั้งเป็น แล้วปล่อยให้ร่างจำแลงของข้าเก็บกวาดเจ้าภายหลังก็ได้!”

หลังจากรวบรวมสติปัญญาของพลังปราณเทพอสูรโลหิตและเหล่าสมุนโดยรอบแล้ว เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจึงละทิ้งดินแดนที่ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของ…

เทพอสูรโลหิตแห่งความตายได้สาบสูญ และเขตแดนของมันพังทลายลงอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คาดว่าในเวลาอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นที่ว่างในเขตแดนจิตสำนึกอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้น… จิตสำนึกของเทพอสูรโลหิตแห่งความตายคงจะเลือนหายไปโดยสมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม… ตอนนี้ไป๋ลี่กลับมาที่ฐานหลักของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขตามเจตจำนงของประมุข ความสามารถในการล่อลวงจิตใจของชายผู้นี้แข็งแกร่งหาใครเทียบ ไป๋ชิวหรานคาดว่าสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขย่อมพังพินาศไม่ต่างอะไรจากอาณาเขตจิตสำนึกของมัน

ไป๋ชิวหรานเรียกจอมมารของทุกคนออกมาพบทันทีหลังจากกลับสู่อาณาเขตแห่งเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ก่อนจะแบ่งปันสติสัมปชัญญะของเทพอสูรโลหิตแห่งความตายให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม

ไม่นานหลังจากที่มันเกิดขึ้นมา… เทพอสูรโลหิตแห่งความตายได้กลืนกินเหล่าอสูร และในทศวรรษต่อมา… มันครอบครองอาณาเขตจิตสำนึกไว้แต่เพียงผู้เดียว แล้วใช้ชีวิตไร้แก่นสารอย่างสุขสบาย จนกระทั่งวันที่เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานมาเยือน มันจึงเกิดแนวคิดที่จะปกป้องตนเองและดิ้นรนเอาชีวิตรอด

ดังนั้นเทพอสูรทุกตนที่อยู่ภายใต้เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน จึงได้รับแนวคิดที่เหมาะสมกับตนเอง

ตัวอย่างเช่น พระโพธิสัตว์เสริมอกของถังรั่วเวยได้รับแนวคิดเรื่องการรอคอยเพื่อเติบโต เทพธิดาแห่งความผูกพันของหลีจิ่นเหยาสืบทอดแนวคิดในด้านความรักของหญิงชาย ซึ่งเป็นความคิดเดิมของเทพอสูรโลหิตแห่งความสุข

เทพีแห่งความมั่งคั่งของซูเซียงเสวี่ยได้รับแนวคิดเกี่ยวกับความมั่งคั่งในสิ่งที่เทพอสูรโลหิตแห่งความสุขเคยได้รับ และราชินีประทานบุตรของเจียงหลานรับแนวคิดเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ แม้แต่จักรพรรดิเซียนองค์แรกแห่งราชันของไป๋ลี่ก็ยังได้รับแนวคิดการปราบปราม การรักษาเสถียรภาพ และการพิชิต

ในฐานะที่เป็นผู้นำเทพอสูรที่ใช้วิวัฒนาการ และยังถือครองพลังต่อสู้เป็นหลัก เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานของไป๋ชิวหรานได้รับผลประโยชน์มากที่สุด

แนวคิดของเทพอสูรโลหิตแห่งความตายคล้ายคลึงกับเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานในหลายด้าน แต่ภายใต้ธรรมชาติของเทพอสูรแล้ว… ความคิดของมันค่อนข้างแย่ ทว่าเมื่ออยู่ในมือของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานแล้ว แน่นอนว่าย่อมถูกใช้อย่างเกิดประโยชน์ และในขณะเดียวกันก็สามารถวิวัฒนาการได้เอง ในอนาคตเหล่านี้ย่อมมีประโยชน์ในโลกวัตถุแน่นอน!

[1] เป็นคติทางพุทธศาสนาที่มองการเกิดเป็นเรื่องทุกข์ เป็นเรื่องไม่สบาย และมองว่าความตายอาจเป็นความสุขเสียกว่า