เหล่าอี๋หนิงโหวกวาดตามองลุงใหญ่ซู จากนั้นก็เคลื่อนไปที่ต้าไท่ไท่โหยวซื่อ และไปหยุดที่บุตรชายคนรองและภรรยา
นอกจากสี่คนนี้ ยังมีเจียงซื่อและพี่สาวพี่ชายอีกสามคน
เจ้าหนูซื่อบอกว่าคนที่วางยาพิษอยู่ในสี่คนนี้…
ไม่น่าจะเป็นสะใภ้รอง เพราะตอนที่อาเคอเสียชีวิต นางยังไม่ได้แต่งงานเข้ามาอยู่ที่นี่
สายตาของเหล่าอี๋หนิงโหวตัดสลับระหว่างบุตรชายคนโต ภรรยาของเขา และบุตรชายคนรองด้วยความรู้สึกหดหู่เหลือประมาณ
หรือว่าเจ้าหนูซื่อจะสร้างเรื่องไปงั้นเอง
“ท่านตา พวกเราเข้าไปดูท่านยายกันเถิดเจ้าค่ะ” เจียงซื่อกล่าว
“พระชายา…”
“ท่านลุงใหญ่ก็เข้าไปด้วยกันซิเจ้าคะ”
ลุงใหญ่ซูขมวดคิ้วถมึงทึง “นั่นจะเป็นการรบกวนเหล่าฮูหยิน…”
เจียงซื่อพลันหัวเราะ “แล้วจะทำไมรึเจ้าคะ มิฉะนั้นแล้วข้าจะให้พวกท่านเห็นได้อย่างไรว่าท่านยายโดนวางยาพิษ”
ครั้นลั่นวาจาออกไปเช่นนั้น สีหน้าของแต่ละคนก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“พระชายา นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ลุงใหญ่ซูตกตะลึง
เหล่าอี๋หนิงโหวควานหากล้องสูบฝิ่นมากำเอาไว้
เขาไม่คิดว่าเจียงซื่อจะตรงไปตรงมาเพียงนี้
ขณะที่ทั้งหมดยังคงตะลึงงัน เจียงซื่อก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้อง
ภายในห้องมีสาวรับใช้ใหญ่นางหนึ่งคอยเฝ้าปรนนิบัติเหล่าฮูหยิน
“เหล่าฮูหยินหลับสนิทเลยหรือ” เจียงซื่อถาม
บนใบหน้าของนางไม่มีวี่แววของรอยยิ้ม สง่าสมเป็นพระชายา
สาวรับใช้ใหญ่รับรู้ได้ถึงแรงกดดันจนไม่อาจออกเสียง นางเพียงแต่พยักหน้าเงียบงัน
เหล่าอี๋หนิงโหวรอให้ทุกคนเข้ามาจนครบ
สาวรับใช้ใหญ่เตรียมท่าจะทำความเคารพ ทว่าถูกเหล่าอี๋หนิงโหวไล่ออกไปเสียก่อน
“พระชายา เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเหล่าฮูหยินถูกพิษ แล้วนางโดนพิษอะไรงั้นหรือ” ลุงใหญ่ซูถามไม่เว้นวรรค
“ท่านลุงอย่าเพิ่งใจร้อนไป” เจียงซื่อเดินไปหยุดข้างเตียง ก้มลงพิศมองสีหน้าของเหล่าฮูหยิน
ทั้งที่นางกำลังหลับอยู่ ทว่าบนใบหน้าเหี่ยวชรากลับมีสีแดงแปลกแปร่งปรากฏอยู่ด้วย
ผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวมักมีอาการเช่นนี้ หากหลับไปแล้วก็อาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
“มีดเล็ก” เจียงซื่อแบมือ
ทุกคนสะดุ้งโหยง ส่วนเจียงจั้นก็ใช้มือลูบๆ คลำๆ ที่เอวตัวเอง
มีดเล็กนี่มันต้องเล็กประมาณไหนเล่า หมายถึงกริชรึเปล่า
อาหมานล้วงมีดขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากเหอเปาก่อนจะส่งให้เจียงซื่อ
“ผ้าฝ้าย”
อาหมานหยิบผ้าขาวสะอาดออกมา
“รินน้ำสะอาดใส่แก้ว”
อาหมานคลำเหอเปาในมือ นางเอียงศีรษะพลางบุ้ยปาก “ที่จวนหลังนี้ไม่มีน้ำสะอาดสักแก้วเลยรึ”
ใจคอหวังให้นางจะล้วงน้ำสะอาดออกมาจากเหอเปาหรืออย่างไร
คนในที่นั้นลอบถอนหายใจ
หากบ่าวรับใช้ล้วงของประหลาดออกมาจากเหอเปาอีก ท่าทางนายบ่าวคู่นี้ดูเสกของทุกอย่างได้ดั่งใจนึก
เอ้อร์ไท่ไท่สวี่ซื่อส่งน้ำสะอาดในแก้วให้สาวรับใช้
อาหมานรับไปแล้วส่งต่อให้เจียงซื่อ “พระชายา ให้วางไว้ที่ใดเจ้าคะ”
“เจ้าถือไว้นั่นแหละ” เจียงซื่อตอบพลางจับมือซ้ายของเหล่าฮูหยินขึ้นมา นางตวัดมีดลงบนฝ่ามือก่อนจะกรีดลงบนนิ้วกลาง
ทั้งหมดตะลึงพรึงเพริด
“เจียงซื่อ เจ้าทำอะไรน่ะ” ลุงใหญ่ซูเตรียมเข้าไปห้ามพร้อมใบหน้าเคร่งเครียด
เหล่าอี๋หนิงโหวจ้องมองหยดเลือดสีโคลนที่ไหลออกมาจากปลายนิ้วของเหล่าฮูหยิน กล้องยาสูบที่ถืออยู่หล่น ตุ๊บ ชายชราแผดเสียง “เหล่าต้า เจ้าอย่าเพิ่งไปกวนหนูซื่อ!”
ฝีเท้าของลุงใหญ่ซูชะงักไปทันใด
“อาหมาน เอาแก้วมารองที”
ทันทีที่หยดเลือดสีสกปรกหยดลงในแก้วมันก็กระจายออกเป็นวง จากนั้นก็มีกลิ่นเหม็นจางๆ คลุ้งออกมา
“กลิ่นอะไรน่ะ” น้ารองซูขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทั้งหมดจดจ้องไปที่แก้วใบนั้น แต่แล้วอาการของพวกเขาก็เคร่งขรึมขึ้นทันใด
ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าโลหิตของคนป่วยจะส่งกลิ่นเหม็น ทว่าคนที่ถูกพิษบางประเภทอาจมีลักษณะอาการเช่นนี้…
นี่ก็หมายความว่า เจ้าหนูสี่มิได้สร้างเรื่องอย่างนั้นซี
ขณะที่สมองของแต่ละคนกำลังประมวลผลอย่างหนัก ไม่มีใครทันสังเกตเลยว่าเจียงซื่อดีดผงบางอย่างเข้าไปที่รอยกรีดบริเวณปลายนิ้ว
ผ่านไปไม่นาน หยดเลือดสีโคลนก็ค่อยๆ จางหายไป
แม้การถ่ายเลือดมิได้เป็นวิธีรักษาที่แปลกพิสดาร ทว่าคนที่กรีดนิ้วเพื่อถ่ายเลือดกลับเป็นพระชายาผู้ทรงสง่า ในสายตาคนอื่นๆ นางเป็นหลานสาวผู้ยึดมั่นในคุณธรรมที่แสนเงียบขรึม ส่วนผู้ที่ถูกรักษาก็คือนายหญิงผู้มีตำแหน่งสูงสุดในจวนที่คาดว่าน่าจะถูกวางยาพิษ
ครั้นความคิดทั้งหมดถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน ยิ่งทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ประหลาดใจมากกว่าเดิม
และเนื่องด้วยสาเหตุนี้ ทุกคนจึงไม่อาจละสายตาไปจากนิ้วที่เปื้อนเลือดของหญิงชรา
ทันใดนั้นเอง มีวัตถุบางอย่างผุดโผล่ออกมาจากปลายนิ้วก่อนจะตกลงไปในแก้วน้ำ
ก้อนวัตถุนั้นค่อยๆ ขยายตัว มันคือหนอนดูดเลือด
ใบหน้าแต่คนละพรั่นพรึงสุดขีด
“นี่คืออะไร” ลุงใหญ่ซูและน้ารองซูขยับเท้าเข้ามาใกล้
เหล่าอี๋หนิงโหวดันลูกชายทั้งสองออกไปจนพ้นทางแล้ว ตัวเองก็เข้ามาดูหนอนเลือดใกล้ๆ
ดูเหมือนว่าหนอนตัวนั้นกำลังดูดน้ำในแก้ว ตัวของมันพองใหญ่ขึ้น จนท้ายที่สุดร่างเรียวเล็กก็กลายเป็นทรงกลม
ปริมาณน้ำในแก้วลดลงทันตาเห็น
ส่วนตัวหนอนก็ขยายใหญ่ขึ้นจนตัวของมันเริ่มชนกับผิวด้านในแก้ว
ทั้งต้าไท่ไท่โหยวซื่อและเอ้อร์ไท่ไท่สวี่ซื่อต่างก็ยกผ้าขึ้นมาปิดปาก พวกนางทั้งรู้สึกรังเกียจและสยดสยองกับภาพตรงหน้า
ส่วนคนที่เหลือได้แต่ชะงักงันนิ่งอึ้ง
ทั่วทั้งห้องเงียบเชียบไร้สรรพเสียง สายตาทั้งหมดยังคงจับจ้องไปที่เจ้าหนอนที่กำลังดูดน้ำในถ้วยอย่างหืดกระหาย
ถ้ามันยังกินต่อไป ตัวมันได้ระเบิดจริงแน่
มีความคิดแวบแล่นในหัวพร้อมกับเสียงโพละจากในแก้ว ตัวหนอนกลายเป็นแผ่นบางๆ ลอยตัวขึ้นบนผิวน้ำ
น้ำในแก้วหยุดกระเพื่อมในเวลาอันรวดเร็ว
หนอนตายแล้ว และน้ำในแก้วกลายเป็นน้ำเน่า กลิ่นเหม็นเน่าจางๆ ลอยคละคลุ้ง ทว่าฉุนกึกทิ่มแทงฆานประสาท
อึก… เอ้อร์ไท่ไท่สวี่ซื่อหลุดเสียงคล้ายคนจะอาเจียนออกมา
เหล่าอี๋หนิงโหวชี้นิ้วไปที่แก้วน้ำพร้อมถามเสียงสั่น “หนูซื่อ หนอนนี่ทำให้ยายของเจ้าถูกพิษงั้นหรือ”
เจียงซื่อส่งมีดด้ามสั้นให้อาหมานพลางตอบเสียงเรียบ “ตัวหนอนมิได้เป็นพิษ แต่หากมันเข้าไปในร่างกายของมนุษย์ มันจะเคลื่อนที่ไปตามเส้นโลหิตดำจนถึงหัวใจ จากนั้นมันจะทำตัวเป็นกาฝากเกาะติดอยู่ที่อวัยวะหัวใจ และสูบเลือดจากหัวใจเพื่อประทังชีวิต นานวันเข้า ร่างของผู้ถูกอาศัยจะค่อยๆ ล้มป่วยด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว…”
“นี่ก็หมายความว่า หนอนนี่คือตัวการที่ทำให้เหล่าฮูหยินล้มป่วยงั้นซี” ลุงใหญ่ซูถามขึ้น
เจียงซื่อหันไปหาต้นเสียง นางเหยียดริมฝีปากพลางส่งยิ้ม “ท่านลุงใหญ่กล่าวผิดแล้ว”
ลุงใหญ่แซ่ซูขมวดคิ้ว “มิใช่หรอกรึ”
“แน่นอนว่ามิใช่เจ้าค่ะ” เจียงซื่อใช้ผ้าเช็ดมือ นางกล่าวอย่างสื่อความหมาย “ตัวการที่ทำให้ท่านยายล้มป่วยด้วยโรคร้ายคือคนด้วยกันนี่แหละ!”
ประโยคเขย่าพิภพทำให้ทั้งหมดสั่นสะท้านคล้ายกับคนเพิ่งตื่นจากฝัน
จริงซี หนอนประหลาดนี้ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะเข้าไปอยู่ในตัวมนุษย์ได้ตามธรรมชาติ อย่างไรแล้วสิ่งที่ทำร้ายเหล่าฮูหยินก็ต้องเป็นคนด้วยกันนี่แหละ
“คนที่ทำร้ายยายของเจ้าจะเป็นผู้ใดไปได้!” เหล่าอี๋หนิงโหวแผดเสียงดังลั่น
เจียงซื่อหันมองไปที่ลุงใหญ่ และหันไปมองลุงรอง
หัวใจของทั้งคู่ที่ถูกนางมองเช่นนั้นเต้นไม่เป็นจังหวะ
“คนที่ทำร้ายท่านยายจะต้องเป็นคนใดคนหนึ่งในนี้”
ใบหน้าของลุงใหญ่แซ่ซูขึ้งเคียดโดยพลัน “พระชายา เจ้าอย่าได้พูดซี้ซั้วเป็นอันขาด!”
เจียงซื่อมิได้ใส่ใจท่าทีของลุงใหญ่ซู นางยังคงกล่าวเนิบนาบ “ก่อนที่หนอนจะเข้าสู่ร่างกายของเป้าหมาย มันจะต้องกินเลือดจากนิ้วกลางข้างซ้ายของอีกคนเสียก่อนถึงจะมีชีวิตอยู่รอด ฉะนั้นการจะหาตัวคนๆ นั้นจึงมิใช่เรื่องยาก ก็แค่ดูว่านิ้วกลางข้างซ้ายของใครมีรอยแผล ก็แสดงว่าเป็นคนๆ นั้นอย่างมิต้องสงสัย”
คนที่กล้าทำร้ายท่านยาย อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของท่านแม่เมื่อสิบปีก่อน คงไม่มีทางใช้เลือดของบ่าวรับใช้มาเลี้ยงหนอนพิษกู่อย่างแน่นอน
เพราะยิ่งมีคนรู้มากเท่าไร ก็จะยิ่งเก็บเป็นความลับได้ยากขึ้นเท่านั้น
“ท่านลุงใหญ่ ท่านน้ารอง ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ รบกวนทุกท่านช่วยยื่นมือออกมาด้วยเจ้าค่ะ”
“เหตุใดน้องสะใภ้ไม่ต้องยื่นมือให้ดูเล่า” ต้าไท่ไท่โหยวซื่อถามทันควัน
เจียงซื่อมองไปที่นาง สีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ “ก็เพราะตอนที่ท่านแม่ของข้าเสียชีวิต น้าสะใภ้รองยังมิได้แต่งงานเข้ามาอยู่ในเรือนนี่เจ้าคะ”
ใบหน้าของโหยวซื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่า…”
“ไว้ข้าจะอธิบายในภายหลัง ตอนนี้ขอให้ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ยื่นมือออกมาให้ข้าดูก่อนเถิด”