บทที่ 405 อายุหกพันปี ต้าจิ่วเทียน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 405 อายุหกพันปี ต้าจิ่วเทียน

[เริ่มป้องกันตัวตนลึกลับที่ส่งผลกระทบต่อดวงชะตาของท่าน]

[ป้องกันสำเร็จ]

เมื่อหานเจวี๋ยมองเห็นอักษรสองแถวนี้ก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะก่อให้เกิดผลดีหรือว่าผลเสีย แต่เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า

หานเจวี๋ยรู้สึกพอใจกับสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างยิ่ง ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงแล้ว

‘เป็นผู้ใดที่สร้างผลกระทบต่อดวงชะตาของข้า’

หานเจวี๋ยเอ่ยถามในใจ ถ้าหากเป็นศัตรู เช่นนั้นก็ต้องตาย!

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในความคิดของหานเจวี๋ย

ไม่นึกเลยว่าจะเป็นฟางเหลียง!

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขามองเห็นแค่รูปร่างหน้าตาของฟางเหลียง แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่

ระบบก็ตรวจสอบไม่ได้ว่าฟางเหลียงมีเจตนาดีหรือไม่ หรือว่าฟางเหลียงจะกำลังวางหมากอยู่?

หานเจวี๋ยจำได้ว่าก่อนหน้านี้วิญญาณเขาข้ามสู่แดนบรรพกาล ยังไม่ได้กลับมา

มีความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่ง

หานเจวี๋ยเปลี่ยนวิธีถาม ‘ฟางเหลียงมีจิตมุ่งร้ายต่อข้าหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ขณะนี้ยังไม่มี]

หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก งั้นก็ดีแล้ว

หลังจากนั้น เขาไม่คิดให้มากความอีก หยั่งรู้มรรคต่อไป

….

เวลาผ่านไปปีกว่าๆ

ตัวอักษรสามแถวก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุหกพันปีบริบูรณ์แล้ว ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไป]

[หนึ่ง เข้าสู่เคราะห์ทันที ช่วงชิงชื่อเสียงและมหาโชค จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งชิ้น]

[สอง ยังไม่เข้าสู่เคราะห์ เก็บตัวบำเพ็ญเพียร จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

ครั้งนี้หานเจวี๋ยไม่ได้ตัดสินใจเลือกในทันที

เขาสอบถามเงียบๆ ‘ปัจจุบันนี้ยังไม่นับว่าข้าเข้าสู่เคราะห์หรือ’

[นับ แต่ท่านไม่ได้ช่วงชิงชื่อเสียงและมหาโชค จะต้องทำให้สรรพสิ่งรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของท่าน]

งั้นก็ไม่ต้องเลือกแล้ว!

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สอง

[ท่านยังไม่เข้าสู่เคราะห์ในตอนนี้ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[ยินดีด้วยท่านได้รับพลังวิเศษมหามรรค…ร่างจำลองเสรีสุญญตา]

[ร่างจำลองเสรีสุญญตา: พลังวิเศษที่เกิดจากการควบรวมของมหามรรค รวบรวมร่างจำลองของเทพมารฟ้าบุพกาลสามพันร่างเอาไว้]

พลังวิเศษระดับมหามรรค!

หานเจวี๋ยตกตะลึง รีบรับสืบทอดพลังวิเศษนี้ทันที

ความทรงจำมหาศาลที่ไม่เคยมีมาก่อนหลั่งไหลเข้าสู่สมองของหานเจวี๋ย

ร่างจำลองแห่งเทพมารฟ้าบุพกาลสามพันร่างมิใช่กายเนื้อของพวกเขา แต่เป็นการสำแดงมรรคของพวกเขา ร่างจำลองจะเป็นที่ประจักษ์ก็ต่อเมื่อหานเจวี๋ยบำเพ็ญสำเร็จแล้ว

หลายวันผ่านไป หานเจวี๋ยเพิ่งย่อยความทรงจำมหาศาลเหล่านี้เสร็จสิ้น

ร่างจำลองของเทพมารฟ้าบุพกาลร่างแรกที่เขาฝึกฝนร้ายกาจอย่างยิ่ง มรดกพลังวิเศษที่ได้รับมา คลุมเครือเข้าใจยาก เขาได้แต่ฝึกฝนไปทีละขั้นๆ

แต่พลังวิเศษระดับมหามรรคก็คือพลังวิเศษระดับมหามรรคอยู่วันยังค่ำ หานเจวี๋ยฝึกฝนอยู่หนึ่งเดือน ก็ยังจับจุดร่างจำลองของเทพมารฟ้าบุพกาลตนแรกไม่ได้

ถ้าต้องการจับจุดร่างจำลองของเทพมารฟ้าบุพกาลทั้งสามพันร่างให้ได้ เช่นนั้นต้องรอไปจนถึงตอนไหนกัน

หานเจวี๋ยจำเป็นต้องละไว้ชั่วคราวก่อนแล้วไปบำเพ็ญตบะต่อ

พิสูจน์ต้าหลัวให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!

….

ชั่วพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปอีกสิบปี

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน

ถึงแม้หนังสือแห่งความโชคร้ายจะเป็นสมบัติวิญญาณระดับต้าหลัวแล้ว แต่หากต้องการให้ส่งผลกระทบต่อจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน ยังคงต้องรอให้ตบะของหานเจวี๋ยพัฒนาไปถึงระดับต้าหลัวเสียก่อน

หานเจวี๋ยทำการสาปแช่งพลางตรวจดูจดหมายไปด้วย

[หลี่เต้าคงสหายของท่านหลอมรวมเข้ากับคำสอนมรรคลึกลับ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านรู้แจ้งพลังวิเศษมหามรรค สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เขย่าขวัญภูตผีเทพเซียน]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียน]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนศัตรูคู่อาฆาตของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ] x6

[ไท่ซู่เทียนสหายของท่านได้รับมรรคาสวรรค์ชี้ทางเบิกปัญญายกระดับเข้าสู่ชั้นจักรพรรดิ]

[หานมิ่งสหายของท่านได้รับสืบทอดมรดกจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

….

หลี่เต้าคงช่างบ้าคลั่งนัก!

แค่หานเจวี๋ยอ่านจดหมายก็สามารถจินตนาการถึงฉากสุดอันตรายที่หลี่เต้าคงสู้ตายกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนออกมาได้เลย

จากการตรวจดูจดหมาย มีแค่หลี่เต้าคงที่กล้าเข้าปะทะกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนอยู่ตลอด

หลังจากตี้หล่านเทียนถูกจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจัดการไปครั้งหนึ่ง ก็ไม่มีข่าวคราวอีกเลย

สมแล้วที่เป็นศิษย์คนโตของนิกายเหริน!

‘พี่หลี่อย่าได้วิตกไป มีข้าคอยช่วยเจ้าอยู่ เจ้ามิได้ตัวคนเดียวแน่นอน’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ เริ่มเพิ่มพลังสาปแช่งให้หนักขึ้น

เขาสังเกตเห็นว่าหานมิ่งได้รับสืบทอดมรดกจากผู้ทรงพลังลึกลับ ทว่าเขาไม่รู้สึกกังวลเลย เด็กหนุ่มคนนี้กลับชาติมาเกิดใหม่แล้ว เกี่ยวอะไรกับเขากัน

ศัตรูก็อย่าคิดว่าจะนำหานมิ่งมาบีบคั้นเขาได้!

ห้าวันผ่านไป

อายุขัยของหานเจวี๋ยเริ่มลดลง

หนึ่งหมื่นล้านปี!

สองหมื่นล้านปี!

สามหมื่นล้านปี!

สี่หมื่นล้านปี!

หานเจวี๋ยหยุดการสาปแช่ง เขามีอาการเวียนหัวตาลาย เลือดออกเจ็ดทวาร ช่างน่าเวทนายิ่งนัก อย่างไรก็ตามบาดแผลภายนอกล้วนเล็กน้อย เพราะตัวเขาสามารถฟื้นฟูตัวเองได้รวดเร็ว

‘ไม่รู้เว่ายามนี้เจ้าคนผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว’

หานเจวี๋ยแอบตั้งตารออยู่ในใจ หลังจากเก็บหนังสือแห่งความโชคร้ายเรียบร้อยแล้ว จึงปล่อยดวงจิตประหลาดออกมาจากบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร

ดวงจิตประหลาดลอยอยู่ในอากาศ วนเวียนไปมาไม่ยอมหยุด คล้ายว่ากำลังแสดงออกถึงความไม่พอใจ

การอยู่กับหานเจวี๋ยทำให้สติปัญญาของมันเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ

ถึงแม้พวกเขาจะยังสื่อสารกันไม่ได้ แต่หานเจวี๋ยสามารถรับรู้ถึงอารมณ์ของมันได้แล้ว

“ไปเล่นด้านข้าง ห้ามรบกวนข้า!”

หานเจวี๋ยโบกมือ หลังจากใช้พลังเวทดันดวงจิตประหลาดออกไป เขาก็หยั่งรู้มหามรรคเวียนว่ายตายเกิดต่อ

ดวงจิตประหลาดจับจ้องเขา จากนั้นก็ไม่ขยับเขยื้อนอีกเช่นกัน คล้ายว่ากำลังเข้าฌานอยู่

….

ใต้พฤกษาเก่าแก่ เหนือทะเลเมฆหมอก ในจักรวาลอันมืดมิด

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนกำลังโคจรพลัง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง เห็นได้ชัดว่าทรมานอย่างยิ่ง

“สมควรตาย เขาจะจบหรือไม่จบกันแน่!”

เพลิงโทสะแผดเผาอยู่ในหัวใจของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน

เมื่อไม่นานมานี้ขณะที่เขากำลังต่อสู้กับหลี่เต้าคง จู่ๆ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็สาปแช่งเขา จนเกือบทำให้เขาเพลี่ยงพล้ำ

โดยเฉลี่ยแล้วเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะสาปแช่งเขาหนึ่งครั้งในทุกๆ ห้าปี หนำซ้ำแต่ละครั้งยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

ถึงแม้จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจะไม่หวั่นเกรงต่อคำสาปแช่ง แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มันก็ช่างน่าหงุดหงิดโดยแท้

เขาเคยคิดจะติดต่อกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ แม้แต่จักรพรรดิสวรรค์เองก็ไม่อาจเป็นฝ่ายติดต่อไปหาเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก่อนได้

เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน ทั่วร่างเขามีแสงแห่งเทพส่องพร่างพราว ร่างกายกำยำ ไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง

“จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน เจ้าหยิ่งยโสเกินไปแล้ว ทำให้อริยะบางท่านรู้สึกไม่พอใจ”

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมา เอ่ยถาม “ต้าจิ่วเทียน เจ้ามาเพื่อขัดขวางข้าหรือ”

เงาเทพที่ถูกเรียกขานว่าต้าจิ่วเทียนแค่นเสียงพลางกล่าวตอบ “เจ้านิกายให้การสนับสนุนเจ้า ข้าย่อมให้การสนับสนุนเจ้าเช่นกัน แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ชักนำความเดือดร้อนมาให้เจ้านิกายมากไปกว่านี้ อริยะไม่อาจคาดเดาได้ อารมณ์ของอริยะก็ยิ่งยากจะเข้าใจ”

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนลืมตาขึ้น เอ่ยถาม “ข้าอยากทราบว่าเป็นอริยะท่านใดที่หนุนหลังเผ่ามนุษย์อยู่”

ต้าจิ่วเทียนส่ายหน้า เอ่ยตอบเขา “ข้ายังไม่มีคุณสมบัติพอจะได้รู้ ต่อไปต้องกระทำการอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถึงเวลาแย่งชิงมหาโชค อย่าได้ฝ่าฝืนเจตจำนงแห่งมรรคาสวรรค์ให้มากนัก”

เมื่อกล่าวจบ ต้าจิ่วเทียนก็เลือนหายไป

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนขมวดคิ้ว แค่นเสียงอยู่ในใจ ‘รอจนมหาเคราะห์ครานี้สิ้นสุดลง เราก็จะกลายเป็นเจตจำนงแห่งมรรคาสวรรค์แล้ว’

….

[ความเกลียดชังที่จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนมีต่อท่านเพิ่มสูงขึ้น ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]

หานเจวี๋ยที่กำลังบำเพ็ญตบะอยู่ได้เห็นข้อความแจ้งเตือนนี้ ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย

อย่างไรทั้งสองก็เกลียดชังกันอย่างไม่ตายไม่เลิกรามาตั้งนานแล้ว!

นับจากการสาปแช่งครั้งล่าสุดก็ผ่านมาสี่ปีแล้ว อีกแค่ปีเดียวก็จะได้เล่นงานจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนอีกครั้งแล้ว

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังคิดอยู่ จู่ๆ พลันสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งเกาะติดอยู่บนแผ่นหลังของตน

เป็นดวงจิตประหลาดนั่นเอง

หานเจวี๋ยตกตะลึงเมื่อค้นพบว่าดวงจิตประหลาดกำลังเชื่อมต่อกับพลังเวทของเขาอยู่

นี่มันคิดจะทำอะไรกันแน่

………………………………………………………………