เจียงจั้นได้ยินก็ถึงกับงงตาแตก “น้องสี่ นี่เจ้ามิได้พูดจริงใช่ไหม”
กรรมย่อมเกิดจากเหตุ และเมื่อมีเหตุก็ย่อมมีผล แต่ทว่าพี่ชิงสวินก็เป็นคนดีนี่นา
“แน่นอนว่าไม่ ข้าพูดจริงเสียยิ่งกว่าจริง” เจียงซื่อหันไปทางโหยวซื่อ พร้อมหัวเราะเย้ยหยัน “หนี้ของพ่อแม่ ลูกก็ต้องชดใช้มิใช่หรือ หากเจ้ายังไม่ยอมรับ ก็อย่ามาหาว่าข้าไม่ปรานีพี่ชิงสวินก็แล้วกัน”
“เจ้า… สวินเอ๋อร์ดีกับเจ้ามาตลอด!”
“อย่างนั้นหรอกหรือ เมื่อก่อนเวลาข้ามาที่จวนโหว ข้าแทบจะไม่เคยคลุกคลีกับพี่ชิงสวินด้วยซ้ำไป ข้าถึงดูไม่ออกว่าเขาดีกับข้าตรงไหน อีกอย่าง ต่อให้เขาดีกับข้าแล้วจะอย่างไร ท่านยายก็ดีกับเจ้า เจ้ายังทำร้ายท่านยายได้ลงคอ!”
ลุงใหญ่แซ่ซูไม่อาจเก็บสีหน้าได้อีกต่อไป เขาเข้าไปคว้าคอเสื้อของโหยวซื่อ “คนชั่ว เจ้าไม่พูดก็ไม่เป็นไร แต่ข้าจะเขียนใบหย่าให้เจ้าเดี๋ยวนี้!”
“นายท่าน ทำอย่างนั้นมิได้นะเจ้าคะ…” โหยวซื่อตกใจถึงขีดสุด นางหันไปมองลุงใหญ่ซูอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
ลุงใหญ่ซูใบหน้าเคร่งขรึม เย็นเยือกไม่ต่างอะไรจากแผ่นน้ำแข็ง “ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับ เรื่องที่เจ้าเคยทำ คนเข้ารู้กันหมดแล้ว”
พวกเขาเห็นหนอนตัวนั้นผุดโผล่ออกมาจากปลายนิ้วมือของเหล่าฮูหยิน หมายความว่ามีคนจงใจวางยาพิษอย่างแน่นอน อีกทั้งบนนิ้วของโหยวซื่อก็มีรอยแผลทั้งเก่าและใหม่ ไม่ผิดไปจากที่เจียงซื่อกล่าวเลยสักนิด
ในสภาวการณ์เช่นนี้ ต่อให้โหยวซื่อยืนกรานไม่ยอมรับก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
สตรีที่ทำร้ายเหล่าฮูหยินคงไม่มีทางหนีรอดไปได้ มิหนำซ้ำการทำผิดต่อหลานสาวที่มีศักดิ์เป็นพระชายาเยี่ยนอ๋องคงส่งผลกระทบต่ออนาคตของสวินเอ๋อร์เป็นแน่แท้
แม้ลุงใหญ่ซูจะไม่เชื่อว่าเจียงซื่อจะกล้าลงมือกับบุตรชายของตน แต่เนื่องจากซูชิงสวินเป็นรุ่นหลานที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลซู อีกทั้งยังเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจวนอี๋หนิงโหวในอนาคต ดังนั้นจะปล่อยให้เรื่องนี้ผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด
วาจาเย็นชาของลุงใหญ่ซูกอปรกับคำข่มขู่ของเจียงซื่อถาโถมโจมตีหัวใจของโหยวซื่อจนย่อยยับ
ขาของนางอ่อนยวบจนทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ นางกล่าวตอบด้วยท่าทางซังกะตาย “ใช่”
คำตอบสั้นๆ นั้นทำให้ความรู้สึกของผู้คนในที่นั้นเปลี่ยนไป
เหล่าอี๋หนิงโหวใช้กล้องยาสูบเคาะโต๊ะตัวเล็กเสียงดังลั่น “พูดมาว่าเหตุใดเจ้าต้องทำร้ายเหล่าฮูหยิน”
กล้องยาสูบที่มีรอยขีดข่วนเป็นทุนเดิมปรากฏรอยร้าวในทันทีจนไม่สามารถใช้การได้แล้ว
แต่ทว่าเหล่าอี๋หนิงโหวมิได้ใส่ใจเรื่องนั้น สายตายังคงจับจ้องไปที่โหยวซื่ออย่างเอาเป็นเอาตาย
หากคนตรงหน้าไม่ใช่ลูกสะใภ้ของเขา กล้องยาสูบนั้นคงได้ทุบเข้าที่หัวของนางไปแล้ว!
“ท่านพ่อถามเจ้า!” ลุงใหญ่ซูทั้งสิ้นหวังทั้งโกรธแค้น เขาอยากจะบิดเนื้อหญิงตรงหน้าให้ตายๆ ไปเสีย
นางคือภรรยาผู้นอนเคียงหมอนกับเขามาร่วมยี่สิบปี ให้ตายเขาก็ไม่มีทางคิดว่านางจะทำเรื่องเช่นนี้
“ทำไมน่ะหรือ” โหยวซื่อไล่สายตาไปหาเหล่าอี๋หนิงโหว ลุงใหญ่ซู และไปหยุดอยู่ที่เจียงซื่อ พร้อมกล่าวอย่างจงเกลียดจงชัง “ก็เพราะเหล่าฮูหยินเอาแต่ปกป้องเจ้า!”
เจียงซื่อได้ยินก็ฉงนหนัก
“เกี่ยวอะไรกับพระชายา” ลุงใหญ่ซูถามขึ้น
โหยวซื่อยิ้มเยาะ “เรื่องที่อี้เอ๋อร์จมน้ำตายในวันเกิดของเหล่าฮูหยิน ตอนแรกข้าคิดว่าเจียงซื่อเป็นคนลงมือ ข้าถึงได้ไม่ไว้หน้านาง ในตอนนั้นเหล่าฮูหยินก็เริ่มไม่พอใจข้า นายท่านอาจไม่ทันได้สังเกตว่าพักหลังเหล่าฮูหยินปฏิบัติต่อข้าด้วยท่าทีเย็นชา อีกทั้งยังแบ่งอำนาจในการจัดการเรื่องต่างๆ ภายในจวนของข้าไปให้สวี่ซื่อ”
ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้ โหยวซื่อก็ส่ายศีรษะช้าๆ พร้อมปรารภกับตนเอง “ข้าผิดเอง บุรุษอย่างพวกเจ้าจะมาใส่ใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร”
ลุงใหญ่ซูถามด้วยความสงสัย “เพราะสาเหตุนี้?”
โหยวซื่อถามกลับ “นี่ยังไม่พอรึเจ้าคะ แม้ตอนแรกจะแบ่งงานให้สวี่ซื่อแค่ส่วนหนึ่ง แต่มิใช่ว่าผ่านไปปีสองปี รอนางปรับตัวได้ งานทั้งหมดจะไม่ถูกถ่ายโอนไปให้นางหมดหรือ พอถึงตอนนั้น ตัวข้าก็ไร้ประโยชน์โดยสมบูรณ์ ข้าต่างหากที่เป็นซื่อจื่อฮูหยิน แต่เหตุใดสวี่ซื่อถึงได้สอดมือมายุ่งเรื่องในจวน นั่นก็เป็นเพราะข้าทำผิดต่อหลานสาวคนโปรดของนาง”
ถุย! เจียงจั้นสบถออกมาพร้อมกล่าวตำหนิอย่างไม่เกรงใจ “เจ้ามันพวกไร้สติสมประดี ถึงได้โบ้ยความผิดให้น้องสี่ ทั้งที่คนที่ทำร้ายชิงอี้คืออนุของท่านลุงใหญ่ พูดตามจริงแล้วก็เพราะเจ้ามันโง่เง่า แค่เรื่องอนุภรรยายังจัดการไม่ได้ ถึงได้พบจุดจบน่าอนาถเช่นนี้ เรื่องนี้เกี่ยวกับน้องสี่ของข้าสักนิดหรือ”
เจียงจั้นปะทุถึงขีดสุด
เคยเห็นพวกพาลใส่คนอื่นมากก่อน ทว่าไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน!
คำด่าทอของเจียงจั้นทำให้โหยวซื่อใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากของนางสั่นระริก
เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้น ทั้งหมดหันไปหาเจียงซื่อเป็นตาเดียว
เจียงซื่อยิ้มก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา “เจ้าแน่ใจหรือว่าที่ท่านยายเย็นชาใส่เจ้าเป็นเพราะต้องการปกป้องข้า มิใช่เพราะสงสัยในการกระทำใดของเจ้าหรอกหรือ”
โหยวซื่อใบหน้าซีดเผือด แววตาของนางเหมือนมีแสงวาบ
ทั้งเรื่องที่เหล่าฮูหยินเริ่มทำตัวห่างเหินกับนาง และเรื่องที่ปล่อยให้สวี่ซื่อเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการภายในจวนทำให้ใจของนางเริ่มสั่นไหวคล้ายมีคนรัวกลอง
พวกบุรุษมิได้ถี่ถ้วนจึงไม่รับรู้ แต่ทว่าสตรีในจวนเข้าใจความรู้สึกของกันและกันเป็นอย่างดี
หรือว่าเหล่าฮูหยินรู้ว่านางวางแผนหลอกล่อเจียงซื่อ
ความสงสัยเช่นนั้นทำให้นางเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ความคิดหนึ่งจึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้น หากยายแก่นี่ตายไปสักคน เรื่องนี้ก็จะเป็นความลับตลอดไปมิใช่หรือ
และในที่สุด นางก็ลงมือ
“หมายถึงเรื่องอะไร” ลุงใหญ่ซูถามต้อน
ถึงตอนนี้ การรู้ว่าสตรีคนนี้ก่อเรื่องอะไร เขาก็ไม่ประหลาดใจอีกแล้ว
เจียงอีแอบดึงแขนเสื้อของเจียงซื่อ
หากมีคนรู้เข้าว่าซูชิงอี้พยายามเกี้ยวพานน้องสี่คงไม่ใช่เรื่องดี
เจียงซื่อทราบดีว่าเจียงอีกังวลเรื่องอะไร จึงตอบราบเรียบ “จะเรื่องอะไรคงไม่สำคัญ ที่สำคัญคือโหยวซื่อทำร้ายท่านยาย!”
ทั้งหมดพยักหน้าเห็นพ้อง
การทำร้ายแม่สามีถือเป็นการกระทำชั่วช้าสามานย์
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” เจียงซื่อจ้องมองไปที่โหยวซื่อ แล้วกล่าวเนิบช้าชัดถ้อยชัดคำ “เหตุใดตอนนั้นถึงต้องทำร้ายท่านแม่ของข้าจนถึงแก่ความตาย”
โหยวซื่อหลับตา ไร้การตอบสนองไปชั่วขณะ
“ข้าได้ยินจากพี่ใหญ่ว่า ตอนที่ท่านแม่ล้มป่วย อาการของนางเหมือนกับท่านยาย ในเมื่อท่านยายถูกพิษ ก็เป็นการยืนยันว่าอาการของท่านแม่มิใช่โรคทางพันธุกรรม แต่พิษนี่คงมาจากฝีมือของเจ้าสินะ”
เจียงจั้นกำหมัดแน่น ชายหนุ่มกัดฟันเสียงดัง กรอด
“การเสียชีวิตของมารดาเจ้าเกี่ยวข้องกับคนชั่วนี้หรือ” ลุงใหญ่ซูชี้นิ้วไปที่โหยวซื่อ
เจียงซื่อย้อนถามนิ่งเรียบ “ท่านลุงใหญ่ คนที่จวนปั๋วคงไม่ได้วางยาท่านแม่ของข้าหรอกจริงไหม”
ลุงใหญ่แซ่ซูจนด้วยคำพูด สายตาที่มองไปที่โหยวซื่อไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง
เมื่อสิบกว่าปีก่อน หญิงผู้นี้ก็เริ่มฆ่าคนแล้วงั้นหรือ
เมื่อสิบกว่าปีก่อน โหยวซื่อเป็นเพียงหญิงสาวสวยสะคราญ แต่ไฉนนางถึงได้ใจดำอำมหิตเพียงนี้
ลุงใหญ่ซูในขณะนี้คล้ายกับกำลังพิจารณาคนแปลกหน้าที่คุ้นเคย
เจียงซื่อวางมือลงบนที่วางแขนบนเก้าอี้ที่โหยวซื่อนั่ง แล้วกล่าวแผ่วเบา “หากเจ้ายอมบอกความจริงเมื่อหลายปีก่อน นอกจากข้าจะไม่เอาเรื่องซูชิงสวินแล้ว อนาคตข้าจะขอให้ท่านอ๋องช่วยผลักดันเขาอีกแรง”
โหยวซื่อก้มหน้าเงียบงัน
เจียงซื่อมิได้เร่งเร้า เพียงแต่ยืนรอเงียบๆ
ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดโหยวซื่อก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าในตอนนี้แปลกพิลึก “เจ้าอยากรู้เหตุผลจริงๆ งั้นหรือ”
เจียงซื่อพยักหน้า
โหยวซื่อรู้แจ้งแก่ใจว่า วินาทีที่นางยอมรับว่าตัวเองทำร้ายเหล่าฮูหยินก็ไม่มีหนทางให้ย้อนกลับอีกแล้ว ฉะนั้นหากตอนนี้นางสามารถทำอะไรเพื่อบุตรชายได้ ก็ยังดีกว่าต้องตายไปเปล่าๆ
โหยวซื่อมองเจียงซื่อด้วยสายตายิ้มๆ
เจียงซื่อดูออกว่านั่นเป็นรอยยิ้มแห่งความเย้ยหยัน
ใบหน้าของนางยังคงนิ่งเรียบรอท่า ทว่าในใจประหม่าไม่น้อย
โหยวซื่อตอบแผ่วเบา “มีคนสั่งให้ข้าทำ”
“ใคร” คราวนี้เป็นเสียงของหลายคนเอ่ยถามพร้อมกัน
โหยวซื่อกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยช้าๆ ชัดๆ “องค์หญิงใหญ่หรงหยาง”
สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนฉับพลัน มีเพียงเจียงซื่อเท่านั้นที่ยังคงไม่เผยอารมณ์ใด
นางรู้แต่แรกแล้ว ในตอนนี้นางมีเป้าหมายเล็กๆ เพิ่มมาอีกหนึ่ง!